สำหรับนักศึกษาของโครงการ ESTATE รุ่นที่ 1 ท่านนี้ เป็นอีกหนึ่งพี่ใหญ่ของโครงการฯ รองจากหัวหน้าทีม ที่บอกว่าเป็นพี่ใหญ่ เนื่องจากมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์การทำงานพอสมควร ก่อนที่จะเข้ามาร่วมโครงการ ESTATE ขอแนะนำให้ทุก ๆ ท่านได้รู้จัก นายสุภชัย เทพวีรกุล ซึ่งจะมาเล่าประสบการณ์ พร้อมกับแง่คิดต่าง ๆ ในการไปฝึกงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ช่วงหนึ่งของชีวิตกับ ESTATE 1
ตามกำหนดการ เมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่นแล้ว ก่อนที่จะไปฝึกงานที่บริษัท จะต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ก่อนเป็นเวลาประมาณ หกสัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อม และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โดยจะพักและเรียนภาษาอยู่ที่ ศูนย์ฝึกอบรมคันไซ (AOTS) ที่เมืองโอซากา ภายในศูนย์จะมีห้องพักเป็นส่วนตัว ห้องเรียนภาษา โรงอาหาร โรงยิม สะดวกสบายมากทีเดียวครับ ที่ศูนย์ฝึกอบรมฯ แห่งนี้ นอกจากกลุ่มของเราแล้วยังมีเพื่อน ๆ จาก ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย บราซิล ที่ทำงานกับบริษัทของญี่ปุ่นที่ไปตั้งโรงงานอยู่ในประเทศนั้นๆ และได้มาฝึกงานกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น พักอยู่ด้วยกัน
สำหรับ AOTS หรือ The Association for Overseas Technical Scholarship นั้น ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ 2502 โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม ของรัฐบาลญี่ปุ่น (METI) ในฐานะองค์กรภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือทางเทคโนโลยีเป็นแห่งแรกของญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ฉันท์มิตรซึ่งกันและกันระหว่างประเทศญี่ปุ่น และประเทศต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมการฝึกอบรมสำหรับวิศวกร และผู้จัดการของประเทศเหล่านี้ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น ทุนและกิจกรรมหลักที่ AOTS จัดขึ้นภายใต้เงินช่วยเหลือ ODA (Official Development Assistance) ของรัฐบาลญี่ปุ่น ได้แก่ โปรแกรมการฝึกอบรมในประเทศญี่ปุ่นสำหรับวิศวกรและผู้จัดการ) จากประเทศกำลังพัฒนา แยกออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การฝึกอบรมด้านเทคนิคที่บริษัทแม่ฯ (หรือบริษัทร่วมทุน) และ การฝึกอบรมด้านบริหาร
หลังจากเรียนภาษา ญี่ปุ่นที่ศูนย์ฝึกอบรมคันไซ (KKC) เมืองโอซากา เป็นเวลาหกสัปดาห์แล้ว ผมต้องเดินทางไปฝึกงานกับบริษัท ซึ่งมีโรงงานอยู่ที่เมืองโยโกฮามา โดยช่วงที่ฝึกงานนี้ทางบริษัทได้จัดให้พักที่ ศูนย์ฝึกอบรมโยโกฮาม่า (YKC) สภาพที่พักก็ใกล้เคียงกับที่พักเก่า และยังอยู่ใกล้ทะเล จากห้องพักมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นทะเล บรรยากาศค่อนข้างดีทีเดียวครับ จากที่พักถึงโรงงาน ต้องนั่งรถไฟสามต่อ ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แล้วต้องเดินอีกประมาณ สิบห้านาที เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันแต่พอผ่านไปสักสองอาทิตย์ก็เริ่มคุ้นเคยกับการเดินทาง
เรื่องการฝึกงาน ทางบริษัทจัดทำตารางสำหรับฝึกงานไว้อย่างละเอียด จะระบุไว้เลยว่าในแต่ละวันจะฝึกเกี่ยวกับอะไรบ้าง โดยช่วงแรกจะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างกว้าง ๆ ก่อน หลังจากนั้นก็จะค่อยเจาะลึก เช่น หลักการวัดอัตราการไหลของของเหลว และ ก๊าซ ,ประเภทของโฟลมิเตอร์แบบต่างๆ, ส่วนประกอบของโฟลมิเตอร์
จากนั้นก็จะสอนขั้นตอนของการผลิต Flowmeter , Level meter เริ่มตั้งแต่รับออร์เดอร์จากลูกค้า ,ออกแบบส่วนประกอบของ Flowmetetr , การประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ,การสอบเทียบ ,การควบคุมคุณภาพในการผลิต และการบรรจุเรียกได้ว่าฝึกกันตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ส่วนมากจะเป็นการเรียน และจะให้ลองทำจริงบ้าง ในงานที่ผู้ฝึกสอนเห็นว่าเราพอจะทำได้
ใน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Embedded นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับการวัดสัญญาณจาก sensor แบบต่าง ๆ และการประมวลผล ตัวอย่างเช่น Ultrasonic Flow meter ซึ่งจะวัดอัตราการไหลได้โดยอาศัยหลักความแตกต่างของความเร็วในการเดินทางของคลื่นที่มีความถี่เหนือคลื่นเสียง ก็จะใช้ Digital Signal Processing ในการวัดสัญญาณ Ultrasonic แล้วเปลี่ยนค่าที่ได้ให้อยู่ในหน่วยของอัตราการไหล
สำหรับความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากในด้านของเทคโนโลยีแล้ว ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมในการทำงานและความรับผิดชอบของคนญี่ปุ่น ทุกคนจะทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงาน.
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที