ESTATE1

ผู้เขียน : ESTATE1

อัพเดท: 27 ต.ค. 2008 16.27 น. บทความนี้มีผู้ชม: 60964 ครั้ง

มารับฟังการถ่ายทอดประสบการณ์ดี ๆ จากการไปฝึกงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 1 ปี จาก นักศึกษาโครงการ ESTATE รุ่นที่ 1


ช่วงหนึ่งของชีวิตกับ ESTATE 1........ธรรมรัตน์ แซ่โค้ว

              สำหรับตอนที่ 2  นี้ก็จะเป็นการแบ่งปันประสบการณ์จากการไปฝึกงาน ณ ประเทศญี่ปุ่นของสมาชิกของโครงการ ESTATE รุ่นที่ 1  อีกท่านหนึ่ง  คือ คุณธรรมรัตน์  แซ่โค้ว สำหรับท่านนี้ก็จะมีประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากท่านแรก  ทั้งเรื่องของการดำเนินชีวิต  และลักษณะของการทำงาน  ขอเชิญทุกท่านร่วมตักตวงประสบการณ์ไปพร้อม ๆ กัน

 

ช่วงหนึ่งของชีวิตกับ ESTATE 1

จำได้ว่าในสมัยที่เรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนต้นได้ดูข่าวในโทรทัศน์เกี่ยวกับ “การแข่งขันหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย” จึงมีความฝันว่าอยากที่จะทำได้บ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปเรียนในสาขาวิชาอะไร จนเมื่อเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายก็ได้เข้าใจว่า “การทำโรบอท” นั้นต้องใช้ความรู้หลาย ๆ ด้านมาประกอบกัน ทั้งอิเล็กทรอนิกส์  และคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนั้นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเครื่องพีซีก็มิได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายอย่างเช่นในปัจจุบันทุกวันนี้ ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับคอมพิวเตอร์นั้นก็คือ ตอนเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตัวผมเองก็ไม่ได้มีทักษะทางด้านนี้มาก ซึ่งในขณะนั้นก็ได้มีโอกาสเรียนรู้แค่การใช้ DOS ไม่ได้มีความรู้ด้านโปรแกรมมิ่งเลย จนได้มาเรียนคอมพิวเตอร์จริง ๆ จัง ๆ อีกครั้งนึง ตอนที่เรียนในมหาวิทยาลัย   สำหรับความรู้เกี่ยวกับ  Embedded  Systems  นั้นได้รับคำแนะนำมาจากรุ่นพี่

                สำหรับสาขาที่เรียนก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางด้าน Embedded Systems อยู่บ้าง กอปรกับความรู้ทางด้านนี้ก็แทรกซึมอยู่กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และระบบของสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในบ้าน  จึงทำให้ความรู้ด้านนี้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

                ผมได้เข้ามาร่วมโครงการ ESTATE เนื่องจากวันหนึ่งในขณะที่เป็นเวลาพักเบรก ได้เข้ามาที่เว็บไซด์ของทางสมาคมสมองกลฝังตัวไทย (www.tesa.or.th) เพื่อเข้ามาอ่านข่าวสารของทางสมาคมฯ หลังจากที่ไม่ได้เข้ามาดูข้อมูลในเว็บไซด์นี้นาน ได้เจอกับการประกาศรับสมัครวิศวกรไทยเพื่อเข้าร่วมโครงการ โดยมีการส่งไปฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นทางด้าน Embedded Systems เป็นเวลาหนึ่งปี  และก่อนที่จะเดินทางไปฝึกงานจริง ๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็จะมีการเรียนภาษาญี่ปุ่นและอบรมความรู้พื้นฐานต่าง ๆ ทางด้านโปรแกรมมิ่ง และ Embedded Systems ที่ประเทศไทยเป็นเวลา 6 เดือนกับผู้เชี่ยวชาญชาวไทย และญี่ปุ่น  ผมใช้เวลาตัดสินใจนานเหมือนกันเพราะต้องมีการสอบคัดเลือกด้านโปรแกรมมิ่งซึ่งผมไม่ค่อยจะสันทัดสักเท่าไร  เนื่องจากงานที่ทำในขณะนั้นจะเน้นไปทางฮาร์ดแวร์เป็นส่วนใหญ่   แต่ในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจลองไปสอบดูและก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับการคัดเลือก   

                หลังจากได้รับการคัดเลือกก็ตัดสินใจที่จะยื่นใบลาออกจากบริษัทเดิมที่ทำงานอยู่ในขณะนั้น   และก็เริ่มที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นในช่วงเช้า และก็เรียนทางด้าน  Embedded Systems ในช่วงบ่าย  ใช้เวลาอบรมความรู้ต่าง ๆ ข้างต้นในประเทศไทยกับพี่ ๆ และเพื่อน ๆ ที่เข้าร่วมโครงการอีก 13 คน  ในระหว่างที่เรียนก็สนิทสนมกันและได้มีโอกาสที่จะได้ทำงานร่วมกันเป็นทีม  จนมาถึงช่วงเวลาที่แต่ละคนที่เข้าโครงการจะเลือกบริษัทที่เราจะไปอยู่ด้วยนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันในเชิงที่แต่ละคน มีแผนยังไง มีความคิดยังไง และเหตุผลอะไรในการเลือกบริษัทนั้นๆ ซึ่งสร้างความลงตัวและความเข้าใจกันได้ง่าย  ในวันที่เดินทาง คือ ในวันที่ 22 มกราคม 2550  เครื่องออกประมาณเที่ยงคืน มีพี่ที่โครงการและก็แม่มาส่ง นี่เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งที่สองของผม  แต่ก็ยังรู้สึกกลัวเครื่องบินเหมือนเดิม

 

                หลังจากเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น  พวกผมทั้ง 14 คนก็ได้เข้าฝึกอบรมภาษาญี่ปุ่นอีกหกสัปดาห์ที่ AOTS ศูนย์ฝึกอบรมคันไซ  ณ เมืองโอซากา หรือที่รู้จักในนาม KKC : Kansai Kenshu Center-関西研修センター ก่อนที่ จะแยกย้ายไปฝึกงานจริงตามบริษัทต่าง ๆ ที่เราได้ทำการเลือก            

                ในระหว่างที่อยู่ศูนย์ฝึกอบรมคันไซ ของทาง AOTS หกสัปดาห์นั้น พวกผมได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากภาษาญี่ปุ่นที่ทางศูนย์ฯ ได้จัดอบรมให้  คือ การดำรงชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่น อาทิ การใช้บริการรถไฟฟ้า (ซึ่งมีความสะดวกรวดเร็วและตรงต่อเวลามาก) การไปทัศนศึกษาตามเมืองต่าง ๆ (ฮิโรชิม่า นากาโกยา) การเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ และโรงงานต่างๆ  (โรงงานโตโยต้า และโรงงานผลิตเบียร์อาซาฮี)  ซึ่งก็ได้รับความรู้ต่าง ๆ และสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่พวกกระผมไม่น้อย

                และก็ได้ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องแยกย้ายกันไปฝึกงานตามบริษัทที่ตนเองได้เลือกไว้ในตอนแรก  ผมได้เลือกที่จะฝึกงานกันบริษัท NDR  ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ เมืองโอซากา และมีสาขาที่กรุงโตเกียว  เป็นบริษัทที่รับงานทั้งทางด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก โดยการส่งวิศวกรของทางบริษัทเข้าไปทำงานในบริษัทของลูกค้าด้วย ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็จะรวมไปทั้ง Embedded Systems และ Software Application ต่าง ๆ

ผมได้มีโอกาสทำงานในทีมที่ถูกส่งไปทำงานที่บริษัทของลูกค้าชื่อ Toshiba Tec ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำวิจัยเกี่ยวกับระบบการทำงานของเครื่องถ่ายเอกสารของ Toshiba และยังมีงานวิจัยด้านต่าง ๆ อีกมากมาย  ผมต้องเดินทางไปทำงานที่บริษัทของลูกค้าที่เมืองมิชิม่า จังหวัดชิสุโอกา ทุก ๆ สองสัปดาห์ โดยการไปทำงานแต่ละครั้งก็จะไปอยู่ที่นั่นครั้งละหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะกลับมาทำงานที่เมืองโอซากาอีกสองสัปดาห์ สลับกันไปอย่างนี้ ที่นั่นผมได้มีโอกาสพบกับวิศวกรและโปรแกรมเมอร์มากมายที่มาจากบริษัทอื่น ๆ ด้วย นอกจากคนญี่ปุ่นแล้วก็ยังมีคนอินเดียที่มาทำงานในนั้นด้วย  การเดินทางมาที่เมืองมิชิม่านั้นจะเดินทางโดยใช้รถไฟชินกังเซ็น ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 2 ชั่วโมง 11 นาที ผมรู้สึกสนุกกับการทำงานและตื่นเต้นกับการนั่งรถไฟมาก ทั้งเร็วและประหยัดเวลาแต่ก็ค่าใช้จ่ายก็สูงเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าต้องเดินทางไปทำงานก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้นั่งรถไฟบ่อย ๆ

ในส่วนงานที่ได้รับมอบหมายนั้น  ช่วงแรก ได้เรียนรู้งาน และผลิตภัณฑ์ของทางลูกค้า ได้มีโอกาสทดลองใช้เมนบอร์ดที่นำไปใช้ในเครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งทำให้เราต้องคิดตามไปด้วยว่าทำไมจะต้องออกแบบแบบนั้น  ทำให้เข้าใจถึงการเลือกใช้ ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ ที่จะนำไปใช้ในงานนั้น ๆ  หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปช่วยงานของทีมที่ทำโรบอทที่จะนำไปใช้ในห้างสรรพสินค้า  โดยได้รับมอบหมายให้เขียนโปรแกรม Simulation ของตัวโรบอท   และอีกตัวนึง ก็คือ  เขียนโปรแกรมสำหรับควบคุมและเก็บข้อมูลในการทดสอบอุปกรณ์อัลตร้าโซนิกบนตัวของโรบอท โดยที่ทางหัวหน้าทีมต้องการให้ใช้ Java Technology เพราะเขาต้องการที่จะนำโปรแกรมที่เราเขียนนั้นไปใช้ในทุกแพลตฟอร์ม  ซึ่งก็สร้างความลำบากแก่ผมเหมือนกัน เพราะว่าไม่เคยเขียนจาวามาก่อนหน้านั้นเลย  แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้และก็ฝึกฝนด้วย  และงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมกับได้รับคำติชมและคำแนะนำดี ๆ จากหัวหน้าทีมและเพื่อน ๆในทีม งานสุดท้ายก่อนที่จะกลับมาสู่ประเทศไทย คือ การเขียนโปรแกรมทางด้านเน็ตเวิร์กที่จะใช้สำหรับโรบอท แต่ก็ยังไม่สำเร็จเพราะครบกำหนดต้องเดินทางกลับประเทศไทยพอดี

จากการที่ผมได้เดินทางไปฝึกงานครั้งนี้ได้รับความรู้ และมุมมองต่าง ๆ ที่หลากหลายกลับมา รวมทั้งได้มีโอกาสได้ไปดูและร่วมฝึกปฏิบัติงานจริง ๆ ในงานที่เป็นระดับที่มีความยากมากระดับนึงสำหรับตัวผม ได้ไปเห็นและรับรู้ว่าเค้าคิดอ่านและจะทำอะไรกัน  หลังจากนั้นก็หันมามองย้อนและสำรวจตัวเองและวางแผนกับตัวเองในการที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ สำหรับที่จะมายกระดับศักยภาพและพัฒนาตัวเองโดยที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและความพอเพียงน้อมรับแนวพระราชดำรัสของในหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที