พี่อัย

ผู้เขียน : พี่อัย

อัพเดท: 10 ก.พ. 2009 12.59 น. บทความนี้มีผู้ชม: 41266 ครั้ง

ชอบอ่านมาก ๆ เลยคิดว่า อยากเล่าเรื่องจากหนังสือที่อ่านน่ะ


แวะ TPA news อีกรอบจ้า เรื่องความล้มเหลวทางการเงิน

วันนี้ ได้อ่านหัวข้อ ความล้มเหลวทางการเงิน Money Matters โดยคุณณภัทร วิไลสกุลยง หน้า  32  แต่มาฉุกคิดตรงหน้า 33 เรื่องนายวิริยะจบการศึกษาปริญญาโท ทำงาน แล้วซื้อบ้าน ซื้อรถ มัวแต่ผ่อนเพลิน สุดท้ายเกษียณ ก็เหลือแต่บ้านเก่า ๆ รถเก่า ไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ยามแก่เฒ่า

เราก็เลยอยากเล่าเรื่องหนึ่ง ที่พอจะแนะนำเพื่อน ๆ ได้ ถึงไม่เรื่องนี้จะไม่เคยเป็นกรณีศึกษา ก็ขอให้เพื่อน ๆ ที่อ่านได้ศึกษา และนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตค่ะ

ปกติคนเรามักจะคิดว่า เรียนจบ ทำงาน ซื้อบ้าน ซื้อรถ เที่ยว บางคนก็ทำเป็นตารางการใช้จ่ายเลยว่า เดือนหนึ่ง ๆ จะจ่ายค่าอะไรบ้าง เช่น ผ่อนสาระพัดผ่อนเท่าไหร่ เหลือเที่ยวเท่าไหร่ ปีไหนจะไปเที่ยวไหนดี ต้องเตรียมเงินเพื่อการนี้เท่าไหร่

สำหรับเรื่องที่จะเล่านี้ ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ ว่าเป็นเรื่องจริง เจ้าของเรื่องมีตัวตนจริงค่ะ

สมมติให้ชื่อย่อว่าพี่อัยแล้วกันนะคะ (อิอิ นึกว่าเป็นตัวเอง จะได้ดูดีหน่อย) พี่อัยเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 19 ปี หลังจากจบ ปวช.พาณิชย์ ได้เงินเดือนขั้นต้นเมื่อปี 2529 แค่ 2400 บาท (รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง)  เธอเริ่มมีแฟนเมื่ออายุ 20 ปี (รุ่นพี่ของเธอนั่นแหละ) เธอและแฟน (สามีคนปัจจุบัน) เริ่มสอดส่องหาบ้านหลังน้อยไว้เป็นเรือนหอ เมื่อปี 2531 ครั้งแรกที่ตกลงใจซื้อทาวเฮ้าส์ ทั้งสองคนมีเงินไม่พอ เธอจึงไปกู้สหกรณ์มา 5 หมื่นบาทถ้วน เพื่อนำมาดาวน์บ้าน หลังจากผ่อนค่างวดไปได้ 8 งวด (เงินกู้ + เงินเดือน + โบนัส) บ้านราคา 519,000 บาท นำเข้าธนาคารเป็นเงิน 333,000 บาท ทั้งสองแต่งงานกันเพื่อการกู้ร่วม แม้ว่าธนาคารจะกำหนดให้ผ่อนเพียงเดือนละเพียงไม่กี่พันบาท (ช่วงผ่อน มีการปรับเงินเดือนโดยการเรียกร้องของพนักงานรัฐวิสาหกิจ เงินเดือนเธอถูกปรับมาเป็น 4500 บาท ส่วนสามีเธอก็ปรับตามโดยธนาคารที่ทำงานอยู่จาก สามพันกว่าบาทเป็นห้าพันกว่าบาท) ทั้งสองคน เบิ้ลยอดผ่อน เช่น กำหนดว่าต้องผ่อน 3200 บาท หากเดือนไหนเหลือเยอะหน่อยก็ผ่อน 6000 บาท ทั้งสองคนใช้เวลา 7 ปีเต็มผ่อนบ้านหมด (หมดก่อนประกาศลดค่าเงินบาท ปี 40)

ปัจจุบันบ้านหลังน้อยนั้นถูกขายไปแล้วด้วยราคา 850000 บาท แล้วซื้อบ้านใหม่เป็นบ้านเดี่ยว ราคาร่วมสองล้านบาท (เน้นมีที่ปลูกต้นไม้ หลังไม่ใหญ่มาก พออยู่ได้ 3 คน ถูบ้านไม่เหนื่อย) โดยใช้เงินที่ขายทาวเฮ้าส์ได้มาซื้อบ้านหลังใหม่เมื่อปี 2547 โดยนำเข้าธนาคารเพียง 1.2 ล้านบาท ธนาคารกำหนดชำระเดือนละ 9000 บาท ดอกเบี้ย 3 เปอร์เซ็นต์ fix 3 ปี สามารถจ่ายเพิ่มได้ แต่ห้ามไถ่ถอนก่อนครบ 3 ปี ทั้งสองคนใช้เวลา 3 ปี ผ่อนบ้านหมด ตอนนั้น พี่อัยและสามีเป็นไทจากการผ่อนบ้าน (ผ่อนเดือนละ 18000 บาท ถ้าโบนัสออกก็ถมเข้าไปอีกค่ะ) ตอนนี้เหลือผ่อนรถเดือนละ 12000 บาท อีก 3 ปี (ซึ่ง double ยอดผ่อนไม่ได้) ทั้งสองคนผ่อนบ้านหมดตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี) มีเงินเก็บบางส่วนพอสมควร ตอนนี้ ทั้งสองคนวางแผนที่จะเก็บเงินเพื่อไว้ใช้ตอนเกษียณอายุ เนื่องจากลูกสาวคนเดียวของพี่อัย โดยมีการทำทั้งประกันแบบออม และซื้อ RMF และ LTF  ตั้งเป้าว่าจะเป็นแพทย์ทหาร อยากตามเสด็จ ดังนั้น ทั้งพี่ทั้งสองคนจึงเห็นดีกับลูกด้วย เลยต้องเตรียมเงินไว้ใช้ตอนแก่ (รู้ว่าทหารน่ะเงินเดือนน้อย)

เกือบยี่สิบปีที่ทั้งสองคนใช้ชีวิตร่วมกันมา พี่อัยบอกว่า ได้เที่ยวนี่นับครั้งได้ แต่ก็ประทับใจ (เพราะไม่ได้เที่ยวบ่อย) ต่อไปคงตั้งเป้าเที่ยวซักปีละครั้ง เพราะเดี๋ยวแก่แล้วเดินไม่ไหว

เล่าแค่นี้ค่ะ แต่อยากให้สังเกตการใช้เงิน การวางแผนการผ่อนของพี่ทั้งสองคนค่ะ เพราะยิ่งคุณผ่อนเร็วเท่าไหร่ คุณก็ประหยัดดอกเบี้ยได้เยอะค่ะ

ไม่ทราบเหมือนกันว่า แบบนี้เค้าเรียกพอเพียงรึเปล่าค่ะ


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที