มานพ

ผู้เขียน : มานพ

อัพเดท: 10 พ.ค. 2014 20.17 น. บทความนี้มีผู้ชม: 451278 ครั้ง

เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเองเป็นสิ่งที่คนทุกคนภาคภูมิใจ แต่รู้ไว้ว่า มันยาก ถ้าเข้ามาทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะธุรกิจแต่ละประเภทแต่ละธุรกิจ มีวิธีทางสู่ความสำเร็จแตกต่างกันแต่มนง่ายถ้าอ่านเรื่องนี้ มีหลายตอนติดตามอ่านตลอด แล้วท่านจะรู้ว่าเถ้าแก่มืออาชีพเป็นง่ายนิดเดียว


ถ้าจะเป็นเถ้าแก่ที่ดีต้องประกอบอาชีพใดมาก่อน(2)

3. นักศึกษา  สวมวิญญาณของนักศึกษาไว้  เถ้าแก่จงอย่าคิดว่าตนเองเป็นบัณฑิตหรือผู้รู้จริง เพราะนักศึกษาคือผู้ที่เรียนยังไม่จบ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ยกตัวอย่างว่าจงเป็นนักศึกษา  ไม่ใช่เด็กนักเรียนที่รอการป้อนความรู้จากอาจารย์  การเป็นนักศึกษาต่างจากเป็นนักเรียนตรงที่จะต้องหาความรู้เอง  จากนอกห้องเรียนไม่ใช่ในห้องเรียนเท่านั้นบางครั้งอาจารย์บอกแต่ชื่อหนังสือให้ไปอ่าน  ถือว่าสอนแล้ว   จะออกข้อสอบพลิกแพลงร้อยตลบทำไม่ได้ห้ามบ่น  บางทีข้อสอบบางวิชา  ให้เทคโฮม  แปลว่าเอากลับไปทำที่บ้านได้พรุ่งนี้ส่ง  จะไปถามผู้รู้ที่ไหนเรื่องของคุณ  เป็นเสมือนปัญหาที่อาจเกิดในกิจการแล้วคิดไม่ตก  และนักศึกษาจะต้องทำอีกคือการอ่านหนังสือ  ค้นคว้าทำรายงาน  มีความสามารถในการนำเสนอหน้าชั้น  การลำดับเหตุการณ์  การสังเกต  รวมทั้งการทดลอง  นักศึกษาที่ว่านี้ถ้าเป็นนักศึกษา  คณะวิทยาศาสตร์  จะดีที่สุด  เพราะเรียนหนักมีการใช้การสังเกต  การทดลอง  โดยเฉพาะถ้าเรียนเอกวิชาเคมี  หรือชีววิทยา  แต่วิชาบังคับทุกสาขาที่ต้องเรียนคือวิชาสถิติ  กับคณิตศาสตร์  ถึงว่าถ้าเปรียบเทียบจะต้องเป็นคณะนี้
4. อาจารย์ฝ่ายปกครอง
  เถ้าแก่รุ่นใหม่จะต้องรู้จักข้อมูลของคู่แข่งทุกรายโดยเฉพาะรายที่ร้าย ๆ  หมายถึงคู่แข่งคนสำคัญ  ที่เปรียบเพราะอาจารย์ปกครองเองจะต้องติดตามพฤติกรรมของนักเรียนตนเอง  ที่มีพฤติกรรม  ร้ายๆ  นั่นเอง และต้องทราบความเคลื่อนไหวตลอดอยู่ตลอดเวลา  ว่าจะไปตีกับใคร  แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงเรียนหรือเปล่า  มีการบันทึกพฤติกรรมอยู่เสมอ บางสถาบันที่ได้รับรอง  ISO  จะต้องมีการบันทึกเหตุการณ์หรือพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์  และหาแนวทางแก้ไขไว้เสมอ  กล่าวคือเมื่อเกิดปัญหา  จะต้องมีการหาเหตุที่มาของปัญหาและวางแผนหาแนวทางการแก้ปัญหานั่นเอง  บางสถาบันจะต้องเข้าไปคลุกคลีกับนักเรียนเพื่อให้ทราบพื้นเพและนิสัยจากเพื่อนสนิท  ตลอดจนใช้จิตวิทยาดูแล นักเรียนให้มีความเชื่อฟัง  ใช้ทั้งพระเดช  พระคุณ  ใช้จิตวิทยาในการปกครองให้นักเรียนเชื่อฟัง   มีจริยธรรมคุณธรรม  เพราะในการเป็นอาจารย์มีคนกราบไหว้ไม่ต่างจากพระสงฆ์หรอก  คือมีอุปนิสัยทำตามกฎระเบียบนั่นเอง   เป็นปูชนียบุคคลเป็นแบบอย่างแก่ลูกศิษย์   ทำตัวให้เหมาะสมน่าทำตามและคุณสมบัติที่ว่านี้  เปรียบดังคำว่า  จริยธรรมทางธุรกิจและเป็นที่นิยมและฮิตในปัจจุบัน  หรือ  ฝรั่งใช้คำว่า  Business  Ethics หรือ  คำสมัยใหม่นิยมใช้คำว่า  ธรรมาภิบาลหรือ  บรรษัทบาล ภาษาอังกฤษใช้คำว่า  Good  Governance  นั่นเอง     สรุปสั้น ๆ  ว่า  ทำธุรกิจโปร่งใส  ตรวจสอบได้  ไม่โกง  เอากำไร  แต่พอควร                                     

                 นอกจากนั้นอาจารย์ฝ่ายปกครองยังต้องมีบารมี  สั่งอะไรคนกลัวและทำตามเหมือนกับเวลาดูแลลูกจ้างเช่นกัน  เรียกว่ามีภาวะผู้นำนั่นละ  ความสามารถของบุคคลคนหนึ่งที่จะทำให้อีกบุคคลหนึ่งมี ความคิดทัศนคติตลอดจนความเชื่อ  พฤติกรรมคล้อยตามตนเองได้โดยไม่มีเงื่อนไขบุคคลคนนั้นที่จะคล้อยตามตนเอง  คือ  ลูกจ้าง    นั่นเอง                                                       

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที