พรพรหม

ผู้เขียน : พรพรหม

อัพเดท: 02 มิ.ย. 2013 12.57 น. บทความนี้มีผู้ชม: 25919 ครั้ง

ประเภทงานเขียน: สารคดีท่องเที่ยวนิวซีเเลนด์กึ่งนวนิยายรักใสๆ

กานต์ เด็กเรียนผู้รักการท่องเที่ยวและเป็นนักชิมตัวยงได้ทุนไปทำวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของชาวเมารีที่นิวซีแลนด์ (เรียกได้ว่าเที่ยวไป ชิมไป ศึกษาความเชื่อหลังความตายไปด้วย)
โทไบอัส หนุ่มอังกฤษร่างสูงโปร่ง ทำอาหารเก่ง อบอุ่น น่ารัก ขี้เล่น เจ้าชู้ เเละเงียบขรึม เขาจมกับอดีตส่วนตัวในบางครั้งจนกานต์เข้าไม่ถึง

มิตรภาพของทั้งสองเริ่มงอกงามขึ้นท่ามกลางพายุหิมะในเมืองไคร้ซเชิร์ชในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ แต่เมื่ออดีตตามหลอกหลอนหนุ่มโทไบอัส สาวกานต์จึงตัดสินใจกระเตงหนุ่มสุดขรึมไปทำวิจัยและชิมอาหารตามที่ต่างๆเพื่อที่จะฟื้นฟูไข้ใจที่เกิดกับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์ปลายจวักคนนี้


ตอนที่ 7 Midnight Bottle

ตอนที่ 7 Midnight Bottle

โทไบอัสเป็นคอหนังผีตัวยงตามเเบบฉบับคนที่อยู่นิวยอร์กมานาน...เปิดเทอมเพียงไม่กี่อาทิตย์ เขาก็พากานต์ดูหนังผีสารพัดประเภทไปเกือบสิบเรื่อง
ทุกครั้งที่เห็นกานต์กลัวจนขดเป็นก้อนกลมๆเขาก็จะเเกล้งทำเสียงดังๆให้เธอตกใจเล่น  เเม้ว่าเขาจะมีโอกาสใกล้ชิดกับเธอเเต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเเต่อย่างใด กับผู้หญิงตัวกลมคนนี้...เขาอยากจะทะนุถนอมเธอไว้ให้นานที่สุด...เเต่...ถ้าเขาจะเปิดใจรับเธอไว้มากกว่านี้...เเล้วเธอจะรับเขาได้มากเเค่ไหน...

"นั่งคิดอะไรอยู่" เสียงใสๆปลุกโทไบอัสขึ้นจากภวังค์ 
"ไม่บอก" เขาเเกล้งทำเสียงเจ้าเล่ห์ เพราะรู้ว่าเธอจะต้องอยากรู้มากขึ้น ก็ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นซะขนาดนั้นนี่นะ...
กานต์ไม่ได้ติดใจถามต่อเพราะรู้สึกว่าชายหนุ่มกำลังอยู่ในโลกส่วนตัว พักหลังๆเธอเห็นโทไบอัสนั่งเหม่อเงียบๆบ่อยๆ คงจะคิดถึงชีวิตที่อเมริกา...

"นี่...ตอนที่อยู่ที่อเมริกาน่ะ ชีวิตต่างจากนิวซีเเลนด์มากมั๊ย" เธอชวนคุยซื่อๆ

โทไบอัสตวัดหางตามองหญิงสาวเเวบหนึ่งด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็เเปลไม่ออก...เขาไม่อยากเล่า...เเละไม่อยากนึกถึงมันอีกเเล้ว...

เนิ่นนาน...กานต์เห็นเขาจมดิ่งลงไปในโลกส่วนตัวยิ่งกว่าเดิมจึงเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการชวนเขาออกไปเดินเล่น ไปชอปปิ้งซื้อของกิน...
ที่เขาชอบ

ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปอย่างเงียบๆ มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเเละความหนาวเหน็บที่เข้ากัดกินหัวใจ...ไม่มีอะไรที่ทำให้ใจเหน็บหนาวได้เท่ากับความเงียบงันจากคนข้างๆอีกเเล้ว กานต์ได้เเต่กระชับเสื้อโค้ตให้อุ่นขึ้นเเล้วรีบๆเดิน

"วันนี้ชั้นลงมือเอง คุณเคยกินอาหารไทยมั๊ย" กานต์ทำเป็นไม่เห็นเเววตาของเขาที่ยิ่งดูเศร้าหมองเเล้วตรงรี่ไปยังโซนผักสด หยิบพริกขี้หนูขึ้นมาถุงหนึ่ง
"เเฟนเก่าผมน่ะเป็นคนไทย ผมกินบ่อย" เขาตวาดออกมาอย่างอารมณ์เสีย โดยไม่ทันคิดว่าคำพูดนั้นได้เสียดเเทงหัวใจคนฟังราวกับถูกฟ้าผ่า

เขาเคยมีเเฟนเป็นคนไทย...เขากินอาหารไทยบ่อย...เขาทำท่าเฉยชาใส่เรา...เขาคงเกลียดที่เราดูละลาบละล้วงชีวิตส่วนตัวของเขา...เขาคงเกลียดที่เราเผลอล้ำเส้นความเป็นเพื่อน...ต่อไปนี้เขาคงไม่ไปไหนกับเราอีกเเล้ว...เเล้วที่ผ่านมาทั้งหมด...เขาเห็นเราเป็นเเค่ผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่งเท่านั้นเองใช่มั๊ย...

คิดเพียงเท่านั้น...กานต์ก็รู้สึกถึงความอุ่นที่เกิดพร้อมๆกับน้ำตาที่รื้นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว...เธอเงยหน้ามองตามหลังโทไบอัสที่ตอนนี้เดินดุ่มๆไปสุดปลายทาง เขาดูช่างห่างไกลจากเธอเหลือเกิน...

ทั้งสองเเยกกันเดินเรื่อยเปื่อยในซุปเปอร์มาร์เก็ต เดินไปทางไหนก็เห็นเเต่ภาพเก่าๆที่เธอเเละเขาเคยมีช่วงเวลาที่มีความสุขร่วมกัน  คิดเเล้วก็รู้สึกโกรธตัวเองที่เขินอายซะยกใหญ่เมื่อตอนที่มือใหญ่เกาะกุมมือเธอไว้กับรถเข็นเเล้วพาเธอวิ่งไปตามทางเเคบๆของซุปเปอร์มาร์เก็ต  เพียงคิดก็ใจหาย...ความอบอุ่นเหล่านั้นจะกลายเป็นเพียงอดีตของเวลาทั้งหกเดือนที่ไคร้ซเชิร์ชกระนั้นหรือ...

ความคิดหยุดลงเเค่นั้นเมื่อเธอเข็นรถมาเจอโทไบอัสกำลังหยิบขวดไวน์เข้าโดยบังเอิญ เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นหญิงสาวก็หัวใจหล่นวูบ...นี่ยังไม่ทันไรเขาก็ทำเธอร้องไห้เสียใจซะจนตาบวมขนาดนี้เชียวหรือ...สายตาของหญิงสาวที่จ้องมองมานั้นมีความรู้สึกผิดหวังน้อยใจ...เขาเพียงอยากจะหวังว่าเธอคงยังไม่เกลียดเขาในตอนนี้...เพราะเขาเองก็คงเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นิวซีเเลนด์นี่ไม่ได้หากชีวิตอีกหกเดือนนี้จะไม่มีเธอข้างกาย...เพราะภาพอดีตนั้นเริ่มตามหลอกหลอนเขาทั้งยามหลับยามตื่น

"เรากลับบ้านกันเถอะ" เขาหยิบ Jacob's Creek ขึ้นมาขวดหนึ่งเเล้วเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่ยื่นทื่ออยู่สุดทางเดิน


ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปเงียบๆ กานต์รู้สึกอึดอัดเเละสับสน...โทไบอัสเองก็ว้าวุ่น...ถึงเวลาเเล้วสินะ...ที่เธอจะต้องรู้...

กานต์หุงข้าว หั่นไก่ หั่นพริกไปอย่างเเกนๆ ฝีมือลูกคุณหนูอย่างเธอคงไม่อร่อยเท่ารสมือของเเฟนเก่าของเขา...เเววตาที่เขาเเสดงเมื่อพูดถึงเเฟนเก่านั้นดูเจ็บปวดอย่างที่คนคนหนึ่งจะเจ็บปวดได้...ยิ่งเทียบกับเเววตาซุกซนที่เขาเคยมีเเล้ว...กานต์ยิ่งรู้สึกสงสารหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ขึ้นมาจับใจ...เเต่ความรู้สึกนั้น เขาคงไม่ต้องการมันจากเธอ...

โทไบอัสดื่มไวน์ที่เพิ่งซื้อมาราวกับมันเป็นน้ำหวาน...ยิ่งดื่มยิ่งสะใจ...ยิ่งมองเห็นภาพใครต่อใครปะปนกันไปหมด เขายังจดจำสัมผัสอันอบอุ่นเเละเเสนยั่วเย้าของหญิงสาวคนนั้น สัมผัสที่ทั้งตราตรึงเเละเป็นดั่งตราบาปในหัวใจ...เวนเนสซา หรือวนิสา...สาวไทยรุ่นน้องที่ทำให้เขาจิตใจเตลิดจนเกือบล่วงล้ำความเป็นคนรักธรรมดา...เเต่เเล้วเธอก็ผลักไสเขาให้หาที่หลบซ่อน...เพราะสามีตัวจริงของเธอกลับมาก่อนกำหนด...เด็กหนุ่มอายุสิบเเปดที่หลงผิดคนหนึ่งขดตัวยินยอมรับความเจ็บปวดอยู่เงียบๆในตู้เสื้อผ้าทั้งคืน

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นคนเสเพล ดื่มเหล้า เที่ยวผู้หญิง เล่นการพนัน สูบบุหรี่ หมดเงินไปกับการซื้อรถตามคำยุของเพื่อน...ซึ่งตอนนี้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะขายให้ เเต่โทรไปเมื่อไหร่ก็บอกว่ายังขายไม่ได้เเละไม่ได้โอนเงินมาให้เขาสักที  เมื่อทางบ้านรู้เรื่องจึงสั่งให้เขาทิ้งชีวิตทั้งหมดไว้เบื้องหลัง เเละกวดขันให้เข้ามหาวิทยาลัยเเห่งใหม่ที่แคนเทอร์เบอร์รี่

เมื่อเหล้าลงคอ...เรื่องราวต่างๆก็พรั่งพรู...โทไบอัสเล่าเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  กานต์ได้เเต่นั่งฟังเขาด้วยหัวใจเเตกสลาย...

ไม่ถึงเที่ยงคืนชายหนุ่มก็เงียบเสียงเเล้วหลับไปด้วยความเมาและอ่อนล้า...

เเม้ใจจะเเตกสลายเมื่อได้ฟังเรื่องราวว่าเขาเคยรักใครมากเท่าใด  เเต่ไม่น่าเชื่อว่าความผูกพันสั้นๆนั้นจะทำให้เธอห่วงเป็นใยเขาได้มากขนาดนี้...กานต์เอื้อมมือไปจัดเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่หล่นลงมาปรกหน้าของเขาช้าๆ ต้มน้ำอุ่นๆมาวางเเถวบ่าให้เขารู้สึกสบาย เเล้วก็หอบเอาผ้านวมของเธอมาห่มให้อย่างเบามือ...คืนนี้เธอคงตอนใส่เสื้อโค้ท นอน..ถ้าสามารถข่มตานอนได้...

"รัตติกาลเอย...
จงเคลื่อนคล้อยเชื่องช้า...
กล่อมดวงใจยามนิทรา...
ยามฟ้ามืดมิดเอย..."

~*~*~*~*~*

สิ่งที่ทำให้กานต์ตื่นในวันถัดมาไม่ใช่เสียงนก หรือเเสงเเดด หากเเต่เป็นกลิ่นอาหารที่ช่างหอมเย้ายวนให้ตื่นจากห้วงนิทรา...ใครบางคนกำลังผัดอาหารเสียงดังฉ่าฉ่า ส่งกลิ่นหอมเกินห้ามใจอีกเเล้ว...

สาวไทยหัวใจที่ตอนนี้หักเป็นสองซีกเปิดประตูห้องนอนออกมาอย่างลังเล...

โทไบอัสอยู่ในสภาพหัวยุ่งกำลังผัดอาหารอย่างคล่องเเคล่ว...เขาทำผัดพริกไก่!!!

หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก...กลิ่นเครื่องเทศที่หมักเนื้อไก่จนได้ที่ระคนกับพริกสดที่ถูกบดหยาบๆ ผัดด้วยน้ำมันมะกอกระคนกลิ่นเข้ากับกระเทียมเเละซอสหอยเป๋าฮื้อ...ข้างๆมีข้าวหอมมะลิที่กำลังเดือดปุดๆส่งกลิ่นหอม...กานต์มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเเล้วรู้สึกราวกับว่าเมื่อคืนนั้นเป็นเพียงฝันร้าย...

โทไบอัสหันหน้ามา ส่งสายตาอบอุ่นผ่านม่านตาสีฟ้าใส  เเม้ขอบตาจะดำคล้ำเเต่ก็ดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อคืนมาก 

เพราะความเหนื่อยล้า...ทั้งสองจึงตื่นสาย...กว่าจะได้กินข้าวมื้อเเรกก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็น...หญิงสาวลืมความทุกข์ใจทั้งหมดทั้งปวง...ลงมือ "จ้วง" ข้าวสวยร้อนๆกับผัดพริกไก่สูตรคุณโทไบอัสอย่างหิวโหย...โทไบอัสเองก็ดูจะสบายใจขึ้น...เขากินข้าวไปพร้อมกับเธอช้าๆ พลางมองหน้าคนที่ตัวเพิ่งทำให้เสียใจไปด้วย

"ผมขอโทษนะที่่ทำให้คุณเสียใจเมื่อคืนนี้" เขากล่าวออกมาเรียบๆ ทว่าหนักเเน่นเเละเเสดงถึงความรู้สึกผิดจริงๆ
กานต์ส่งยิ้มละมุนละไมเป็นคำตอบ...
หากความรักคือการให้อภัย...เราคงรักผู้ชายคนนี้เข้าเต็มเปาเเล้วละ...

ทั้งสองลากเก้าอี้ออกมานอกระเบียงเพื่อนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระ โทไบอัสก็รู้สึกดีขึ้นที่เขาได้บอกความลับที่อัดอั้นตันใจเขามานาน ส่วนกานต์ก็ใจชื้นเมื่อเห็นเขาไม่ได้เเสดงอาการเฉยชากับเธอ

Jacob's Creek ขวดที่สองพร่องไปเกือบครึ่ง  ท้องฟ้าหน้าหนาวของนิวซีเเลนด์นั่นพร่างพราวไปด้วยหมู่ดาวเเปลกๆที่เห็นเฉพาะซีกโลกใต้ เเม้อากาศจะหนาวเหน็บเเต่มิตรภาพนั้นก็ทำให้จิตใจของทั้งสองอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

โทไบอัสหยิบกีต้าร์ขึ้นมาเเล้วเริ่มร้องเพลงภาษาอังกฤษที่สาวกานต์ถอดความออกมาได้เลาๆว่า
"เมื่อได้เห็นเเววตาของเธอก็เหมือนมีไฟ...
ใจก็หลอมละลาย...หายไปในรัตติกาล
ต้องมนต์สะกดให้มองเธอเนิ่นนาน...เเทนการบอกความในใจ...
อยากจะค่อยๆเดินไปดับเเสงไฟ...กล่อมหัวใจยามนิทรา...

โปรดพาฉันล่องลอยไปยังฟากฟ้าเเสนไกล...
ไปยังโลกส่วนตัวอันพร่างพราวสว่างไสวของเธอ...
ที่ที่จะลบล้างความเจ็บปวดที่ฉันเคยพบเจอ...
ในอ้อมกอดเธอ...ฉันคงอุ่นใจ...

เเล้วฉันจะตอบเเทนเธอในสักวันหนึ่ง...
ด้วยรสจูบหวานซึ้ง...เเละคำพร่ำเพ้อรำพัน
เหมือนฝัน...ช่างน่าอัศจรรย์...
ฉันรักเธอเข้าแล้วทั้งใจ"

กานต์เอนตัวนอนพิงพนักเก้าอี้ตั้งใจฟังเนื้อหาของเพลงนั้นด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ...

อดีตจะเป็นเช่นไรคงไม่สำคัญเท่ากับปัจจุบันที่เรายังมีกันเเละกัน

หกเดือนในไครซเชิร์ชคงไม่เงียบเหงา...กานต์ยิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้า...

ขอทึกทักเอาเองไปก่อนก็เเล้วกันว่าเขาร้องเพลงนั้นเพื่อบอกความในใจ...สาวไทยนึกอยู่ในใจ

เเล้วสาวไทยที่ตอนนี้ใจพองโตก็ยกเเก้วไวน์ขึ้น ขยับมือเป็นวงกลมเบาๆให้พอได้กลิ่น เเล้วยกขึ้นลิ้มรส Jacob's Creek ที่บัดนี้ความหวานได้เข้าทดเเทนรสขื่นจนหมดเเก้ว...

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที