Train the trainer
เมื่อปลายปี2553ที่ผ่านมาผมได้รับคำเชิญจาก สสว.และศูนย์บ่มเพาะธุรกิจให้ไปบรรยายในหัวข้อ Train the Trainer คือการสอนให้คนกลายเป็นครู
เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมากผมห่างเหินงานวิทยากรมาแรมปี แต่ก็รับที่จะไปบรรยายเพราะอยากให้คนเก่งๆสอนคนเป็นผมเริ่มด้วยการเล่าที่มาขอบคุณทุกท่าน
ที่ให้เกียรติเชิญผมและให้เกียรติมารับฟังผมในวันนี้ เริ่มก็ทักอาจารย์ทำไมดูเกร็งๆผมก็ชี้แจงว่าผมเกร็งเพราะทุกท่านเกร็งครับ นี่แหละหัวข้อแรกที่จะบรรยายทำยังไง
ให้ผู้ฟังหายเกร็ง ผมบอกเลยอย่าคิดว่ามาเรียนคิดว่ามาดูเดี่ยวไมโครโฟนสิแล้วจะเริ่มหายเกร็ง ทุกคนเริ่มผ่อนคลายผมอธิบายต่อว่าก่อนจะมาถึงวันนี้ผมทำอะไรมาบ้าง
เริ่มจากการเป็นครูสอนพิเศษแบบตัวต่อตัว จากนั้นนักเรียนเริ่มเยอะก็สอนเป็นห้อง จากนั้นก็เริ่มเป็นครูฝึกอบรม แล้วก็เป็นที่ปรึกษา ก่อนจะมาเป็นวิทยากร แล้ววิทยากร
ที่ดีวัดกันอย่างไร ผมบอกเลยเทคนิคของผมคือ "ใครมีคำถามอะไรบ้าง" ถ้าไม่มีคำถามต้องปรับปรุงตัวอย่างแรง วิทยากรหลายท่านเก่งมากแต่ถ่ายทอดไม่ออก
มี 100 ถ่ายทอดได้ 10 สู้มี 30 ถ่ายทอด 25 ไม่ได้ ผมถึงมายืนจุดนี้ผมไม่ได้เป็น ดร. หรือ ศาสตราจารย์ แต่ผมจะขออนุญาติถ่ายทอดประสบการณ์ของผมให้ฟัง
ผมก็เล่าเลยว่าวิทยากรที่ดีคือ "คนที่พูดเรื่องจริงมีประสบการณ์จริงยิ่งดี ไม่มีใครเหมือนและจะไม่เหมือนใครเพราะเป็นตัวของตัวเอง " ถ้าไปจำๆเค้ามาพูดบางครั้งซ้ำ
คนฟังจะเริ่มเบื่อน่ะครับ แต่ล่ะท่านก็มีประสบการณ์ความรู้จริงของท่านเองวันนี้เราจะมาฝึกแบ่งปันประสบการณ์ ผมเล่าให้ฟังวันแรกที่เป็นครูฝึกอบรม คนฟังประมาณ 100 คน
ผมเตรียมพูดหน้ากระจกเป็นวันๆ ขาก็สั่น เสียงก็สั่น กว่าจะเข้าที่ได้เกือบครึ่งชั่วโมง แต่พอผ่านวันนั้นมาได้คนเป็นพันก็ไม่กลัว ครั้งแรกเป็นสิ่งที่ผ่านยากที่สุดเมื่อผ่านไปแล้ว
เราจะเริ่มพัฒนา เราไปนั่งฟังคนอื่นบรรยายก็เก็บข้อมูลทำไมวิทยากรคนนี้ถึงดัง ทำไมอาจารย์คนนี้พูดแล้วมีคนฟังมากมายไม่เบื่อ เราก็พยายามปรับปรุงพัฒนาในรูปแบบ
ของเราไม่ต้องไปซ้ำใคร ไม่ต้องเลียนแบบใครดีที่สุด ในเรื่องของบรรยากาศก็สำคัญ ต้องดูควบคุมอารมณ์คนฟังให้ได้อย่าปล่อยให้หลับแม้แต่คนเดียว เพราะคนหลับจะส่ง
คลื่นความง่วงไปรอบด้าน เช่นเดียวกันคนกระตือรือล้นคนข้างๆก็จะกระตือรือล้นตาม ในส่วนความรู้นี่ก็ต้องเตรียมให้พร้อมเพราะอาจจะโดนงัดได้ แต่ถ้าหลักการเรามีเพียงพอ
ก็จะตอบได้แทบทุกอย่าง แต่ถ้าผู้ฟังเกิดรู้เยอะกว่าเรามาก ผมจะเชิญท่านออกมาและเรียกท่านว่าอาจารย์ด้วยความจริงใจ ช่วงหลังรับประทานอาหารกลางวันนี่แหละจะเป็นช่วงที่วัดทักษะการคุมสถานะการณ์ของวิทยากรมากที่สุด ส่วนใหญ่ผมจะเตรียมกิจกรรมไว้ให้ทำเพื่อได้เคลื่อนไหวจะไม่ง่วง ช่วงสุดท้ายคือการวัดผลงานของเรา ช่วงถาม
ใครมีคำถามอะไรมั่ง โชคดีวันนั้นผมดักคอเค้าไว้ตั้งแต่แรกจึงแย่งกันถามเยอะแยะ นี่แหละครับอีกหนึ่งเรื่องที่อยากจะแบ่งปัน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที