นักแสวงหา

ผู้เขียน : นักแสวงหา

อัพเดท: 07 มี.ค. 2014 15.52 น. บทความนี้มีผู้ชม: 6881 ครั้ง

จากการให้ยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่าการตรวจผลเลือดอีก 3 ครั้ง เมื่อทารกอายุได้ 9 เดือน ก็ไม่พบว่ามีเชื้อ HIV อีกต่อไป เธอเติบโตแข็งแรงเหมือนเด็กปกติ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังนับเป็นการประสบความสำเร็จในเบื้องต้น เพราะทารกรายนี้จะต้องได้รับยาติดต่อไปอย่างน้อยจนกว่าจะอายุ 2 ขวบ



นักวิจัยสหรัฐฯ รักษาทารกติดเชื้อ HIV หาย เป็นรายที่ 2 ของประเทศ

 

ดร.เดบอราห์ เพอร์ซอด และ ดร.ฮันนาห์ เกย์

นักวิจัยในสหรัฐอเมริกา ประสบความสำเร็จในการรักษาเชื้อเอชไอวี ในเด็กทารกซึ่งติดเชื้อจากมารดาแต่กำเนิด แต่ยังต้องตรวจสอบอีกเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าเธอหายขาดแล้วจริงๆ…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่า เด็กทารกเพศหญิงชาวสหรัฐฯ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีแต่กำเนิดจากมารดา ได้รับการรักษาจนหาย ด้วยการเริ่มรักษาตั้งแต่ก่อนพบอาการและยาต้านเชื้อเอชไอวีแบบมาตรฐาน นับเป็นการจุดประกายความหวังแก่เด็กที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ แม้ยังมีหลายอย่างต้องได้รับการทดสอบก่อนก็ตาม

ดร.เดบอราห์ เพอร์ซอด นักวิทยาไวรัสของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปกินส์ ในเมืองบอลทิมอร์ รัฐแมรีแลนด์ เปิดเผยเรื่องดังกล่าวที่การประชุมว่าด้วยรีโทรไวรัส (ไวรัสที่สามารถเปลี่ยนเป็นดีเอ็นเอเพื่อแฝงในร่างกาย) และการติดเชื้อฉวยโอกาส (ซีอาร์โอไอ) ครั้งที่ 20 ที่นครแอตแลนตา เธอกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าเชื้อเอชไอวีในทารกสามารถรักษาได้

ทารกเพศหญิงรายนี้ เกิดที่โรงพยาบาลชนบทแห่งหนึ่ง โดยผลการตรวจเลือดของมารดาพบว่าเธอติดเชื้อเอชไอวี และไม่เคยเข้ารับการรักษาใดๆ มาก่อน ทำให้โอกาสที่เด็กจะติดเชื้อไปด้วยมีสูงมาก แพทย์ของโรงพยาบาลจึงส่งตัวทารกไปยังศูนย์พยาบาลมหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี ในเมืองแจ็กสันทันที ซึ่งที่นั่น ดร.ฮันนาห์ เกย์ ได้ให้ยาต้านเชื้อเอชไอวีแบบมาตรฐาน 3 ขนานแก่ทารกน้อย ซึ่งมีอายุเพียง 30 ชั่วโมง และก่อนที่จะทราบผลตรวจว่าติดเชื้อเอดส์หรือไม่เสียอีก

ดร.เพอร์ซอดระบุว่า การทำเช่นนี้เป็นการกำจัดเชื้อเอชไอวี ก่อนที่มันจะสามารถสร้างที่หลบซ่อนภายในร่างกาย ซึ่งมักจะทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อในกลุ่มรีโทรไวรัส อย่างเช่นโรคเอดส์ กลับมาป่วยอีกหากหยุดรับยา

ทั้งนี้ ปัจจุบันทารกน้อยมีอายุ 2 ขวบครึ่งแล้ว และหยุดรับการรักษาด้วยยามาประมาณ 1 ปี โดยที่ยังไม่มีสัญญาณของการกลับมาติดเชื้อใหม่เลย และถ้าเธอยังมีสุขภาพแข็งแรงต่อไปอย่างนี้ จะทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์คนที่ 2 ของโลกที่หายขาดจากการเป็นโรคเอดส์ ต่อจากนายทิโมธี เรย์ บราวน์ ผู้หายจากโรคเอดส์เมื่อปี 2007 จากความบังเอิญของการปลูกถ่ายไขกระดูก (สเต็มเซลล์) เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำให้เขาเกิดภูมิคุ้มกันเชื้อเอชไอวีที่หาได้ยากมาก

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
 
 
          นักวิจัยจากสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการรักษาทารกวัย 9 เดือนจากลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ติดเชื้อไวรัส HIV ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ให้หาย ด้วยการให้ยาต้านไวรัสทันทีภายใน 4 ชั่วโมงหลังคลอด นับเป็นความสำเร็จในการรักษาโรคเอดส์ในทารกรายที่ 2 ของประเทศ
 
          ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2557 ระบุว่า ผลการสำเร็จในการรักษาของทารกวัย 9 เดือน จากลอสแอนเตลิส แคลิฟอร์เนีย ถูกรายงานต่อผู้เข้าร่วมฟังบรรยายในการ AIDS conference ที่เมืองบอสตัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 มีนาคม) โดยดอกเตอร์เดโบร่า เปอร์ซัวด์ จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ผู้นำการรักษาวิจัย
 
          ทารกรายนี้เกิดเมื่อเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา จากมารดาผู้ติดเชื้อ HIV แม้มารดาจะได้รับยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ลูกในท้องจะติดเชื้อแล้ว แต่แพทย์เล็งเห็นว่าทารกมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อจากมารดา จึงได้ให้ยาต้านไวรัส 3 ชนิดแก่ทารก ภายใน 4 ชั่วโมงแรกหลังการคลอดโดยทันที แม้ผลการตรวจหาเชื้อจากทารกยังไม่ปรากฏออกมา โดยยาทั้ง 3 ชนิดที่ทารกรายนี้ได้รับเป็นยาต้านไวรัสสำหรับทารกที่มีใช้กันอยู่แล้วโดยทั่วไป อย่างไรก็ดี หลังผลการตรวจเลือดออกมา ก็พบว่าทารกรายนี้ติดเชื้อ HIV จากมารดามาจริง ๆ 
 
          จากการให้ยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่าการตรวจผลเลือดอีก 3 ครั้ง เมื่อทารกอายุได้ 9 เดือน ก็ไม่พบว่ามีเชื้อ HIV อีกต่อไป เธอเติบโตแข็งแรงเหมือนเด็กปกติ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังนับเป็นการประสบความสำเร็จในเบื้องต้น เพราะทารกรายนี้จะต้องได้รับยาติดต่อไปอย่างน้อยจนกว่าจะอายุ 2 ขวบ
 
          สำหรับทารกอีกรายจาก เป็นเด็กหญิงจากมิสซิสซิปปี้ ปัจจุบันอายุ 3 ขวบครึ่ง และตรวจไม่พบเชื้อ HIV ในร่างกายแล้ว แม้จะขาดการรักษาอย่างต่อเนื่องไปถึง 2 ปี โดยเธอกำเนิดจากมารดาผู้ไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ HIV ในร่างกายจนกระทั่งคลอดลูก จึงไม่ได้รับยาต้านเชื้อไวรัสแต่อย่างใด ทางด้านลูกของเธอได้รับยาต้านไวรัส 3 ชนิด ภายใน 30 ชั่วโมงหลังคลอด รักษาติดต่อกันอยู่ 18 เดือน ก็หายไป และกลับมาอีกใน 10 เดือนให้หลังเมื่ออายุ 2 ขวบครึ่ง โดยเด็กหญิงยังมีร่างกายแข็งแรงดี และตรวจไม่พบเชื้อ HIV แต่อย่างใดมาจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นเคสที่สามารถจะสรุปได้ว่า การให้ยาต้านไวรัสแก่ทารกอย่างทันท่วงทีหลังการคลอด สามารถป้องกันไม่ให้เชื้อ HIV ในตัวของทารกเกิดการแบ่งเซลล์ไปเป็นเชื้อซับซ้อนและที่รักษายากขึ้น จึงรักษาทารกจากการเป็นโรคเอดส์ได้นั่นเอง
 
          ทั้งนี้ ในสหรัฐฯ แม่ตั้งครรภ์ที่มีเชื้อ HIV ในร่างกาย จะได้รับยาเพื่อต้านไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายไปสู่ลูก และเด็กแรกเกิดจะได้รับยาต้านไวรัสสำหรับทารกอีกหนึ่งตัว แต่ก็ยังเป็นวิธีรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพนัก เพราะเชื้อจะแสดงตัวออกมาได้อีกเมื่อหยุดยา แต่สำหรับทารกสองรายซึ่งแพทย์ระบุว่าประสบความสำเร็จในการรักษาดังกล่าว ได้รับตัวยาต้านไวรัสถึง 3 ชนิด และยังเป็นยาต้านไวรัสสำหรับทารกที่มีใช้กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ได้รักษาด้วยกระบวนการที่ซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายสูง จึงนับว่าเป็นสัญญาณอันดีที่จะรักษาทารกที่เกิดจากมารดาผู้ติดเชื้อได้อย่างเห็นผล และช่วยลดจำนวนประชากรผู้ติดเชื้อลง
 
ขอขอบคุณที่มาhttp://health.kapook.com/view83774.html
http://shows.voicetv.co.th/voice-news/99177.html
 
http://www.neutron.rmutphysics.com/biology/

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที