GIT Information Center

ผู้เขียน : GIT Information Center

อัพเดท: 09 ส.ค. 2018 08.39 น. บทความนี้มีผู้ชม: 1399 ครั้ง

ธุรกิจเครื่องประดับเงินจะยังคงแข็งแกร่งตราบใดที่ยังสามารถตอบสนองต่อความต้องการนวัตกรรมใหม่ๆ โดยคำนึงถึงกระแสในยุคปัจจุบัน สิ่งที่เราเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือความแปลกใหม่นั้นช่วยผลักดันธุรกิจ และการปรับปรุงสายผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญ ตามติดเทรนด์ในตลาดเครื่องประดับเงินได้จากบทความนี้


Silver Jewellery

วิเคราะห์ตลาดเครื่องประดับเงินในสหราชอาณาจักร

ข้อมูลสถิติการประทับตรารับรองโลหะที่รวบรวมโดยสำนักงานตรวจสอบโลหะ (UK Assay Office) สี่แห่งในสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่าเครื่องประดับเงินทำผลงานได้ดีในปีนี้ โดยในเดือนมกราคม 2018 เงินเป็นโลหะประเภทเดียวที่มีชิ้นงานเข้ารับการรับรองเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 29 ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ 2018 เงินก็ยังคงทำผลงานได้ดีกว่าโลหะชนิดอื่นๆ โดยมีการประทับตรารับรองเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 29

Thomas Sabo

นอกจากนี้ ข้อมูลการประทับตราในช่วงปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่าเงินเป็นโลหะชนิดเดียวที่มีการประทับตรารับรองเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ทองคำ แพลทินัม และแพลเลเดียมต่างมีแนวโน้มการประทับตราลดลง ปริมาณชิ้นงานที่ทำจากเงินซึ่งได้รับการรับรองตลอดช่วง 12 เดือนของปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2

ดังนั้นแม้ว่าหลายคนในแวดวงเครื่องประดับอ้างว่าเงิน โดยเฉพาะเครื่องประดับเงินแบรนด์เนมนั้น ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ข้อมูลสถิติการประทับตรารับรองโลหะและข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ให้สัมภาษณ์ในบทความนี้เผยให้เห็นว่าเรื่องจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิดกัน

Astra แบรนด์เครื่องประดับจากนิวซีแลนด์ ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวในตลาดสหราชอาณาจักรเมื่อปีที่แล้ว โดยมีร้านค้าเข้ามาเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายกว่า 100 รายภายในช่วงแปดสัปดาห์แรก และทำยอดขายได้สูงมากจนทางแบรนด์ต้องชะลอการเปิดสาขาใหม่เอาไว้ก่อนเพื่อจะได้สนับสนุนคู่ค้าในช่วงแรกเริ่มได้อย่างเต็มที่ ในปี 2018 Astra ยังคงทำผลงานได้ดี และเครื่องประดับแบบใหม่ๆ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากผู้ขายและลูกค้า

ปี 2018 นับเป็นปีที่ Waterford Jewellery ดำเนินงานมาได้ครบ 235 ปี และธุรกิจของแบรนด์นี้ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง โดยเครื่องประดับเงินสเตอร์ลิงทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษเท่าที่ผ่านมาในปีนี้  แบรนด์อังกฤษ เช่น Kit Heath, Unique & Co, Henryka และ Hot Diamonds รายงานว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากคอลเล็กชันสินค้าใหม่ และผู้ขายก็ลงทุนสั่งสินค้าของทางแบรนด์แม้สถานการณ์ในธุรกิจค้าปลีกยังไม่ค่อยดีนักก็ตาม

Adyran Cresswell หัวหน้าฝ่ายการค้าของ Hot Diamonds Group กล่าวกับ Professional Jeweller ว่า “ยอดสั่งซื้อจากร้านค้าในฤดูใบไม้ผลิปี 2018 ใกล้เคียงกับในฤดูใบไม้ผลิปี 2017 ตลาดอาจดูเงียบเหงา แต่สินค้าใหม่ของเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผู้ขายควบคุมระดับสินค้าคงคลังอย่างรัดกุม แต่ก็ยินดีลงทุนกับสินค้าใหม่ที่ทำผลงานได้ดีเพื่อให้สินค้าในร้านมีความแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น”

“คอลเล็กชันเครื่องประดับเงินของเราทำยอดขายได้ดีแม้ว่าสถานการณ์ตลาดโดยรวมค่อนข้างลำบาก” Daniel Ozel ผู้ก่อตั้ง Unique & Co กล่าวถึงช่วงต้นปี “ทั้งนี้เป็นผลจากการที่สินค้าในร้านทำยอดขายได้ดี และคอลเล็กชันใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิก็ได้รับการตอบรับเชิงบวก กุญแจสำคัญคือการผสมผสานระหว่างงาน ออกแบบที่ดี ความคุ้มราคา และคุณภาพ โดยเป็นสินค้าที่มีราคาขายปลีกแนะนำ (Recommended retail prices: RRP) ไม่เกิน 100 ปอนด์”

แบรนด์ซึ่งขายสินค้าที่ใช้โลหะหลายชนิดระบุว่า เครื่องประดับเงินยังคงเป็นสินค้าขายดี ขณะที่ผู้ขายกล่าวว่าสินค้าโลหะมีค่ายังคงช่วยกระตุ้นยอดขายภายในร้าน

“เรานำเสนอเครื่องประดับที่หลากหลายและทำจากโลหะมีค่าชนิดต่างๆ ให้ลูกค้าได้เลือก แต่เครื่องประดับเงินเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมาตลอดและยังคงมียอดขายสม่ำเสมอในช่วงหกถึง 12 เดือนที่ผ่านมา” John Kitchener ผู้จัดการร้าน Warrenders กล่าว พร้อมเสริมว่า “เราขายสินค้าเครื่องประดับเงินแบรนด์เนมด้วย และสังเกตเห็นว่าในระยะหลังมานี้ยอดขายเฉลี่ยจากเครื่องประดับเงินเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากลูกค้าหันมาซื้อเครื่องประดับเงินแบรนด์เนม”

“แบรนด์เครื่องประดับเงินหลายแบรนด์ยังทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง แม้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายในธุรกิจค้าปลีก” Jo Stroud เจ้าของร้าน Fabulous Jewellers กล่าว “แบรนด์อย่าง Thomas Sabo, ChloBo และแบรนด์ของเราอย่าง Mantra ล้วนทำผลงานได้ดี”

สินค้ามาแรง

ในแง่สินค้าขายดีจากมุมมองของแบรนด์และร้านค้าในช่วงหกถึง 12 เดือนที่ผ่านมานั้น สร้อยคอและต่างหูทำผลงานได้ดีกว่าแหวน และผู้บริโภคสนใจการผสมผสานระหว่างสไตล์ดั้งเดิมกับลวดลายที่มีลูกเล่น

John Greed ผู้ก่อตั้งร้านเครื่องประดับ John Greed Jewellery ในลินคอล์นกล่าวว่า “เราเน้นเครื่องประดับเงินราคาปานกลาง โดยมีเหตุผลหลักคือสินค้ากลุ่มนี้ทำยอดขายได้ดีเสมอ และมันก็ไม่ทำให้เราผิดหวังในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา” เจ้าของร้านรายนี้เสริมว่า “ปกติแล้วสินค้าขายดีมักเป็นงานแบบคลาสสิก แต่เราก็ดีใจที่ได้บอกว่าสินค้าขายดีรายการหนึ่งในบรรดาสินค้าที่เราออกแบบเองก็คือสร้อยคอ Tyrannosaurus Rex ในแบบออริกามิ (Origami Style) มันเป็นชิ้นงานที่ดูสนุกสนานและเก๋มาก”

นอกจากนี้ ผู้บริโภคสนใจชิ้นงานที่เน้นความโดดเด่น ตั้งแต่ต่างหูห่วงขนาดใหญ่ สร้อยคอเส้นหนา และสร้อยข้อมือที่ใช้ใส่เรียงกันหลายเส้นเพื่อสร้างความสะดุดตา “ในบรรดาคอลเล็กชันเครื่องประดับเงินของเรา ลูกค้ามักจะชอบเครื่องประดับที่ดูโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นชิ้นงานลายฉลุหรือชิ้นงานที่มีน้ำหนักมากต่างก็ได้รับความนิยม” Desiree Pringle ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Gecko กล่าว

“ต่างหูขนาดใหญ่ก็ได้รับความนิยมเช่นกันสอดคล้องกับกระแสบนแคตวอล์กในช่วงสองสามฤดูกาลที่ผ่านมา ต่างหูยังคงได้รับความสนใจบนแคตวอล์กฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2018 และเราก็คาดว่าต่างหูจะยังคงเป็นกระแสที่สำคัญสำหรับเราไปตลอดปีนี้” Pringle เสริม

นอกจากนี้ แบรนด์อย่าง Azendi และ Thomas Sabo รายงานว่ายอดขายต่างหูห่วงเพิ่มขึ้น ขณะที่ Kit Heath ระบุว่ายอดขายในกลุ่มเครื่องประดับข้อมือเพิ่มขึ้น และได้ออกแบบสร้อยข้อมือเพิ่มเพื่อส่งเสริมการนำเครื่องประดับในคอลเล็กชันไปใส่แบบเรียงซ้อนกันและเล่นเลเยอร์

Lynsey Cooke ประธานบริหารของ Azendi รายงานว่า “ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาต่างหูห่วงเงินสเตอร์ลิงกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เราพบว่าต่างหูเงินเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นและได้เปิดตัวต่างหูห่วงเงินสเตอร์ลิงอีกหลายแบบและหลายขนาด”

เครื่องประดับเงินสเตอร์ลิงที่ตกแต่งด้วยอัญมณี ตั้งแต่ไข่มุกไปจนถึงคริสตัล Swarovski ปรากฏให้เห็นทั่วทั้งตลาด และรูปเรขาคณิตก็ยังคงมาแรง

“เราเชื่อมั่นว่า 'ประกายอัญมณีแท้' จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เราในช่วงฤดูร้อน ในที่นี้เราหมายถึงประกายจากพลอยเนื้ออ่อน เช่น โทแพซขาว แทนที่จะเป็นประกายจากอัญมณีเลียนแบบ (Simulated Stones)” Cresswell จาก Hot Diamonds กล่าว “ผู้ขายเครื่องประดับตอบรับในทางที่ดีต่อการที่แบรนด์ Hot Diamonds ไม่ใช้อัญมณีเลียนแบบ แต่ใช้วัสดุมีค่าของจริงเสมอ”

สำหรับ Thomas Sabo การใช้สีสันผ่านการพิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ตลอดจนการผสมผสานเครื่องประดับเงินกับเครื่องประดับชุบทอง ที่จริงแล้วแบรนด์และร้านค้าหลายแห่งเริ่มสังเกตเห็นว่าผู้บริโภคหันมาสนใจเครื่องประดับที่ใช้โลหะหลายชนิดมาผสมผสานกัน

Thomas Sabo

Chloe Moss ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ ChloBo กล่าวกับ Professional Jeweller ว่า “การผสมผสานโลหะหลายชนิดเข้าด้วยกันไม่ใช่เรื่องต้องห้ามในแวดวงแฟชั่นอีกต่อไปแล้ว กระแสมาแรงในปี 2017/18 คือการผสมผสานเงินสเตอร์ลิงเข้ากับทองสีกุหลาบและทองคำ การเพิ่มเครื่องประดับสีกุหลาบหรือสีทองเข้าไปในชุดเครื่องประดับเงินช่วยให้การแต่งกายของคุณดูไม่จำเจ และช่วยให้เครื่องประดับดูมีมิติและเก๋ไก๋มากยิ่งขึ้น เนื่องจากคอลเล็กชันประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวปี 2017 อย่าง Inner Spirit ซึ่งเป็นคอลเล็กชันที่ใช้โลหะหลายชนิด ถือเป็นสินค้าขายดีของเรา จึงช่วยยืนยันได้ว่าลูกค้าของ ChloBo สนใจการนำโลหะหลายชนิดมามิกซ์แอนด์แมตช์กัน”

“เราพบว่าปีนี้มีการเติบโตในกลุ่มเครื่องประดับที่ใช้โลหะหลายชนิด” Stroud จาก Fabulous Jewellers กล่าว พร้อมเสริมว่า “ความนิยมทองกุหลาบลดลงเล็กน้อย แต่เมื่อนำทองกุหลาบไปใช้ในชิ้นงานแบบสองสีร่วมกับเงินสเตอร์ลิง มันกลับได้รับความนิยมอย่างสูง”

เธอกล่าวต่อไปว่า “เราพบว่าเครื่องประดับเงินสเตอร์ลิงชุบทองได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างแท้จริงในปีนี้ และมองว่าจุดนี้เป็นโอกาสในการเติบโต เพราะคนชอบที่เครื่องประดับเงินมีราคาไม่สูงจนเกินไป ขณะเดียวกันก็หันมาสนใจความเปล่งปลั่งและความงดงามหรูหราของทองคำกันมากขึ้น ซึ่งแบรนด์ที่อาศัยประโยชน์จากตรงจุดนี้ได้ก็จะประสบความสำเร็จ”

ทองคำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในวงกว้าง ทั้งนี้เพราะต้นแบบแฟชั่นซึ่งมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคชาวอังกฤษอย่าง เมแกน มาร์เคิล มีภาพปรากฏออกมาว่าใส่แหวนชุบทองของ Missoma และใส่แหวนหมั้นทองคำจากเจ้าชายแฮร์รี

สิ่งยืนยันถึงความนิยมของเครื่องประดับกลุ่มนี้ในตลาดแฟชั่นก็คือการเปิดตัวสินค้าชุด 'Pandora Shine' โดยยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องประดับอย่าง Pandora เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเป็นคอลเล็กชันเครื่องประดับเงินสเตอร์ลิงชุบทอง 18 กะรัตในราคาที่เอื้อมถึงได้

“ทองคำกลับมาเป็นแฟชั่นอีกครั้งดังนั้นจึงมีงานเครื่องประดับเงินชุบทองออกมามากขึ้นโดยเน้นการออกแบบที่ทันสมัยตามแฟชั่น” John Greed กล่าว ขณะที่ Moss จาก Chlobo เสริมว่า “เราพบว่าทองคำกลับมาในแฟชั่นตามย่านการค้าและบนแคตวอล์ก นับตั้งแต่ต่างหูห่วงสีทองไปจนถึงแหวนทองขนาดเล็กน่ารัก เราคาดว่ามีความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากทองคำช่วยเพิ่มโทนอุ่นให้สีผิวและช่วยให้เสื้อผ้าฤดูร้อนดูเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น”

เพิ่มความเป็นตัวคุณ

เช่นเดียวกับธุรกิจภาคส่วนอื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ เครื่องประดับเฉพาะบุคคลยังคงดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ และแนวโน้มนี้ก็ยังคงอยู่เสมอมา โดยเฉพาะตลาดเครื่องประดับแฟชั่น แบรนด์ต่างๆ ทำยอดขายได้สูงขึ้นในกลุ่มเครื่องประดับที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและปรัชญา

“ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เราพบว่ากระแสเรื่องสุขภาพกำลังมาแรง ซึ่งก็ช่วยผลักดันให้สินค้าของเราในคอลเล็กชัน Chakra และ Healing Stone เป็นที่ต้องการมากขึ้นด้วย” Beth Swan ผู้จัดการลูกค้าของ Daisy London กล่าว

“เราคิดว่าสุขภาพและสินค้าเฉพาะบุคคลจะยังคงเป็นกระแสที่มาแรงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในระยะหลังมานี้เราสังเกตเห็นว่าเครื่องประดับที่มีสีสันเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ใกล้จะถึงช่วงฤดูร้อนและวันหยุดธนาคารก็อยู่ห่างออกไปอีกไม่ไกลแล้ว ดังนั้นคิดว่าหลายคนพร้อมที่จะประดับผิวพรรณผุดผ่องด้วยอัญมณีที่สว่างสดใส ที่ร้าน Daisy กระแสนี้ช่วยให้คอลเล็กชันใหม่ล่าสุดของเราอย่าง Healing Stones ออกตัวได้สวยในตอนนี้”

สำหรับ Henryka เครื่องประดับที่ได้แรงบันดาลใจจากปรัชญาเซน ทำยอดขายพุ่งสูงเมื่อเปิดตัวในเดือนกันยายน 2017 และตอนนี้มันก็เป็นสินค้าขายดีชิ้นหนึ่งของแบรนด์อังกฤษแบรนด์นี้ “ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระแสใหญ่ของเราในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาก็คือการเติบโตของเครื่องประดับด้านจิตวิญญาณ” Anna Emmett ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของ Henryka กล่าว “คอลเล็กชัน Zen ซึ่งมีเครื่องประดับรูปมือฮัมซา (hamsa), ลายตาข่ายดักฝัน (dreamcatcher), ลายนัยน์ตาปีศาจ และลายดอกบัว พิสูจน์ให้เห็นว่าลูกค้าของเราต้องการเครื่องประดับที่ดูอ่อนหวาน สะดุดตา และมีความหมาย เราเชื่อว่ากระแสความนิยมเชิงจิตวิญญาณนี้ได้กลายมาเป็นกระแสความต้องการหินสีเพื่อการรักษาและเครื่องประดับจักระ (Chakra Jewellery) โดยต่างฝ่ายต่างก็ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน”

นอกจากผู้บริโภคหญิงจะลงทุนกับเครื่องประดับซึ่งสะท้อนตัวตนส่วนลึกแล้ว แคมเปญ #TimesUp ของฮอลลีวู้ดก็ได้ช่วยจุดประกายความต้องการเครื่องประดับที่สนับสนุนให้ผู้หญิงมีความฝันที่ยิ่งใหญ่และมั่นใจในตัวเอง  Richard Bulgin เจ้าของบริษัท Jos Von Arx ผู้จัดจำหน่ายสินค้าของ Astra Jewellery ในสหราชอาณาจักรอธิบายว่า “ปี 2018 นับเป็นการครบรอบ 100 ปีที่ผู้หญิงได้ออกเสียงเลือกตั้งในสหราชอาณาจักร และเป็นปีที่มีแคมเปญ #TimesUp ด้วย เราเชื่อว่ากระแสที่มาแรงในปีนี้น่าจะเป็นเครื่องประดับที่ส่งเสริมให้ผู้หญิงกล้าฝัน บรรลุเป้าหมาย และก้าวข้ามขีดจำกัด ซึ่งเครื่องประดับ Astra Freedom ก็ตรงกับแนวทางนี้ ด้วยสร้อยคออย่าง ‘dream and believe’, ‘follow your dreams’, ‘escape the ordinary’, ‘find your direction’ และ ‘do what you love’ เครื่องประดับชุดนี้ช่วยให้คุณได้ค้นหาเรื่องราวของตัวเองในแบบ Astra Freedom” ชาร์มก็กลับมาได้รับความนิยมในปีนี้ โดยแบรนด์อย่าง Monica Vinader ก็เพิ่งมานำเสนอสินค้ากลุ่มนี้เป็นครั้งแรก ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ก็ได้เปิดตัวชาร์มรุ่นใหม่ซึ่งออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ซื้อรุ่นมิลเลนเนียล ที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นแบรนด์ Thomas Sabo ซึ่งได้ปรับโฉมคอลเล็กชัน Charm Club เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของตลาดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แบรนด์ Thomas Sabo ได้ชุบชีวิตโลกของชาร์มด้วยแคมเปญใหม่ในชื่อ 'Generation Charm Club' และนำเสนอสินค้าซึ่งเหมาะกับผู้บริโภคที่ทันกระแสแฟชั่นทุกวันนี้ “การเปิดตัว Generation Charm Club นับเป็นการนำเสนอแนวทางใหม่ในธุรกิจชาร์ม โดยผสมผสานชาร์มและเครื่องประดับเพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์เครื่องประดับกลุ่มสร้อยคอและสร้อยข้อมือตามความต้องการเฉพาะบุคคล” Jon Crossick กรรมการผู้จัดการของ Thomas Sabo ในสหราชอาณาจักรอธิบาย “โครงการนี้ประสบความสำเร็จมากและตอนนี้สินค้าขายดีของเราก็มาจากคอลเล็กชันนี้”

Thomas Sabo

ในขณะเดียวกัน การสร้างรายละเอียดเฉพาะบุคคลแบบคลาสสิก เช่น การสลักเครื่องประดับ อัญมณีประจำเดือนเกิด สัญลักษณ์ตามราศี และล็อกเก็ตที่มีความหมายต่อผู้สวมใส่ ก็ยังคงมีแนวโน้มสดใสในตลาดเครื่องประดับเงิน

ตัวอย่างเช่น Azendi ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากคอลเล็กชัน Birthstone Flowers ในขณะที่ชุดเครื่องประดับ Zodiac ของ Unique & Co ก็ยังคงเป็นสินค้าขายดี ส่วน Gecko ก็เสนอบริการรับสลักเครื่องประดับโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าในฤดูกาลที่ผ่านมาเพื่อใช้ประโยชน์จากกระแสนี้ John Greed สรุปว่า “การสร้างเครื่องประดับให้มีลักษณะเฉพาะบุคคลเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจของเราทั้งในส่วนของเครื่องประดับที่นำมาประกอบกันได้เอง และเครื่องประดับที่สลักข้อความตามความพอใจด้วย

“ลูกค้าแบ่งเป็นสองประเภทเสมอ คือ กลุ่มที่ต้องการสลักข้อความของตัวเอง กับกลุ่มที่ต้องการเลือกข้อความจากที่มีไว้ให้ ลูกค้าชอบการปรับแต่งเครื่องประดับตามความต้องการด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป บางคนต้องการให้คนอื่นเห็นข้อความของตัวเอง ขณะที่บางคนก็อยากให้เครื่องประดับมีข้อความเฉพาะเพื่อให้ตัวเองรู้ก็พอ ข้อความไว้อาลัยมักจัดอยู่ในกลุ่มหลังนี้”

ก้าวต่อไป

สำหรับคำถามที่ว่าอนาคตของเครื่องประดับเงินจะเป็นอย่างไร Jo Stroud เจ้าของร้าน Fabulous Jewellers กล่าวว่า อนาคตยังคงสดใสหากแบรนด์สินค้าใช้ประโยชน์จากกระแสเครื่องประดับเฉพาะบุคคล เธอกล่าวว่า “เราอยู่ในปีที่สถานการณ์ค้าปลีกโดยรวมค่อนข้างหนักหน่วง เนื่องจากผู้บริโภคมีรายได้ที่จับจ่ายได้ลดลงมาก ดังนั้น แบรนด์ที่จะทำผลงานได้ดีที่สุดก็คือแบรนด์ที่สามารถนำเสนอความหมายและคุณค่าทางอารมณ์ รวมถึงสร้างผลงานที่ผ่านกาลเวลาได้ วิธีนี้จะช่วยแบรนด์ที่นำเสนอเครื่องประดับจากโลหะมีค่าอย่างเงินสเตอร์ลิงได้มากกว่าแบรนด์เครื่องประดับเทียม นอกจากนี้ยังรวมถึงแบรนด์ที่สื่อสารความหมายที่ทรงพลังให้แก่ผู้สวมใส่ด้วย

หลายคนที่ Professional Jeweller ได้พูดคุยด้วยกล่าวว่าราคาของเครื่องประดับเงินช่วยให้สินค้ากลุ่มนี้มีสถานะที่มั่นคงในอนาคต หากระดับราคาเหมาะสม เครื่องประดับเงินก็สามารถเป็นสินค้าสำหรับการซื้อโดยไม่ตั้งใจ เพื่อเป็นของขวัญสำหรับคนที่คุณรัก หรือเป็นของสะสมได้

“เครื่องประดับเงินยังคงมีอนาคตที่สดใส ถ้าหากเงินเดือนเฉลี่ยในประเทศนี้ยังไม่ได้สูงขึ้นไปกว่านี้อีกสามเท่า” Pearce Curran ผู้จัดจำหน่ายของ Waterford ในสหราชอาณาจักรกล่าว ขณะที่ Pringle จาก Gecko เสริมว่า “เครื่องประดับเงินจะยังคงความสำคัญในตลาดเครื่องประดับเพราะมันนำเสนอความหรูหราในราคาที่เอื้อมถึงได้ เครื่องประดับเงินชุบทองแท้ยิ่งช่วยเพิ่มคุณค่าผ่านการรับรู้เนื่องจากมันดูเหมือนทอง แม้ว่าราคาทองกำลังลดต่ำลงและต่ำกว่าราคาสูงสุดเมื่อช่วงสองสามปีก่อนอยู่มาก แต่ผู้บริโภคบางส่วนก็ยังไม่สามารถเข้าถึงทองได้อยู่ดี ดังนั้นการนำเสนอสินค้าที่น่าสนใจในกลุ่มเครื่องประดับเงินจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก”

Diane Hall จาก Dower & Hall ยืนยันว่า “ด้วยราคาที่เอื้อมถึงได้และโอกาสในการสร้างงานออกแบบอย่างสร้างสรรค์ ทำให้มีพื้นที่สำหรับเครื่องประดับเงินเสมอ”

แม้ว่าระดับราคาช่วยให้เครื่องประดับเงินมีความได้เปรียบ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าสถานการณ์ในตลาดยังคงท้าทาย และผู้จัดหาเครื่องประดับเงินก็ต้องเผชิญความท้าทายนี้เช่นกัน ถึงกระนั้นถ้าแบรนด์ยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรม คิดค้นสิ่งใหม่ๆ และขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า การสร้างยอดขายก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

“ผมเชื่อว่าอนาคตของเครื่องประดับเงินนั้นน่าตื่นเต้นมาก” Cresswell จาก Hot Diamonds กล่าว “ตลาดนี้เป็นตลาดที่ยาก หมายความว่าแบรนด์ต่างๆ ต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นเพื่อดึงดูดผู้บริโภคด้วยงานออกแบบและนวัตกรรมที่โดดเด่น ซึ่งก็จะส่งผลให้ความคิดสร้างสรรค์ไหลบ่าเข้ามาสู่ตลาดในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้”เขากล่าวเสริม

Jon Crossick กรรมการผู้จัดการของ Thomas Sabo สรุปว่า “ธุรกิจเครื่องประดับเงินจะยังคงแข็งแกร่งตราบใดที่ยังสามารถตอบสนองต่อความต้องการนวัตกรรมใหม่ๆ โดยคำนึงถึงกระแสในยุคปัจจุบัน สิ่งที่เราเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือความแปลกใหม่นั้นช่วยผลักดันธุรกิจ การปรับปรุงสายผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญ นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ”

--------------------------------

ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

สิงหาคม 2561

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที