คุณหมอต๋อง

ผู้เขียน : คุณหมอต๋อง

อัพเดท: 28 มี.ค. 2007 22.54 น. บทความนี้มีผู้ชม: 55756 ครั้ง

ยินดีต้อนรับนักท่องเน็ตทุกท่านครับ

ยินดีรับปรึกษาปัญหาสุภาพทุกเรื่องและมอบเรื่องราวที่น่าสนใจให้ทุกท่านครับ


ไมเกรน

ปวดหัวมาก จะเป็นไมเกรนหรืิอเปล่า
ปวดหัวมาก จะเป็นไมเกรนหรืิอเปล่า

ไมเกรน

สวัสดีครับ พี่น้อง วันนี้พี่มดกลับมาพร้อมกับสาระดีดีอีกครั้งนะครับหลังจากที่พี่มดหายหน้าหายตาไปนานหลายสัปดาห์นะครับ ไม่ใช่กำลังอินเลิฟอย่างที่คิดนะ แต่ติดงานประชุมที่ต่างประเทศนะครับ การใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมภาษาไทยค่อนข้างลำบาก

เอาเป็นว่าคราวนี้ก็ขอเปิดบ้านคุณหมอเชิงดอยอีกครั้งแล้วกัน

ครั้งนี้เรามาพูดคุยกันในห้องรับแขกในเรื่องเกี่ยวกับโรคที่พบบ่อยและเป็นปัญหามากสำหรับวัยทำงานอย่างพวกเราก็แล้วกันนะครับ โรคที่ว่าคือ โรคไมเกรน หรือภาวะการปวดศรีษะข้างเดียวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจกัน ที่จริงแล้วโรคนี้ไม่จำเป็นต้องปวดข้างเดียวนะครับ บางคนปวดทั้งสองข้าง อาการปวดศรีษะแบบไมเกรนจะต่างจากปวดศรีษะธรรมดาตรงที่ อาการปวดจะแวดรุนแรงมากจนถึงขั้นอาเจียน และปวดออกตาเลยทีเดียว อีกทั้งอาการปวดแบบไมเกรนนั้นจะมีอาการอื่นนำมาก่อนเช่น การเห็นแสงวูบวาบๆก่อนที่จะปวด หรืออาการหูอื้อ เวียนศรีษะมองเห็นภาพเบลอ เป็นต้น

ส่วนสาเหตุจริงๆนั้นไม่มีใครทราบนะครับ แต่เท่าที่รู้มักจะมีการกระตุ้นจากหลายๆเหตุการณ์ เช่น จากสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมหรือไม่พึงปรารถนาเช่น ที่ที่มีเสียงดังมาก ที่ที่มีกลิ่นเหม็น ที่คับแคบแออัด ที่ร้อนหรือเย็นเกินไป หรืออาจจะเกิดจากภาวะร่างกายและจิตใจเป็นตัวกระตุ้นเช่น ภาวะที่เหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ เช่น อดหลับอดนอนมา หรือภาวะเครียดจัด ทานยาบางตัวที่กระตุ้นเช่น ยากลุ่มแอมเฟตามิน คาเฟอีนเป็นต้น

เอาเป็นว่าโรคไมเกรนนี้เป็นโรคที่ไม่หายขาดแต่จะเป็นโรคที่น่ารำคาญ จุกจิกกวนใจ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ และทานยามากๆ จึงมักจะมีผลข้างเคียงจากยาได้ เช่น บางครั้งยาที่แพทย์ให้ จะมีส่วนทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร จึงจะเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังได้ ยาบางตัวเมื่อคนไข้ใช้นานๆ ก็จะทำให้เกิดการดื้อยาและต้องใช้ยาที่แรงกว่าเดิมมากขึ้นครับ โรคนี้ผมเคยแนะนำวิธีรักษาง่ายๆ ให้กับคนไข้หลายคนและมักได้ผลดีก็คือ พยายามทำให้สงบ มีสมาธิ เมื่อเรามีสมาธิเราจะสามารถเลือกที่จะหลีกเลี่ยงความเครียดทั้งด้านร่างกายและจิตใจได้ครับ อีกทั้งการออกกำลังกายและการรับประทานวิตามินซี จะช่วยให้โรคสลบลงได้ไวหลังจากเกิดอาการแล้ว ส่วนยาที่หมอให้แก้ปวดจะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุไม่ได้ช่วยป้องกันแต่อย่างไร

เคยมีคนไข้ที่แต่เดิมทำงานเป็นครูอนุบาลและมีปัญหาไมเกรนทุกสัปดาห์จนทำงานไม่ได้ สืบทราบการกระตุ้นมาจาก ภาวะเครียดเรื่องการสอนเด็กที่ไม่รู้ภาษาและเสียงเด็กที่ดังมากๆ ประกอบกับการทำงานหลายด้านทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อรักษาด้วยยาไม่ค่อยได้ผลดีจึงต้องลองให้แก้ไขที่ต้นเหตุดู พอผู้ป่วยได้เปลี่ยนงานไปทำงานที่ถนัดและไม่มีปัญหามาก ภาวะไมเกรนก็เกิดน้อยลงเหลือแค่เดือนละ 1-2 ครั้ง อีกทั้งไม่รุนแรงเหมือนแต่เดิมด้วยครับ นับว่าเป็นการแก้ไขที่ตรงเป้าที่สุด

การจัดสิ่งแวดล้อมทั้งที่บ้านและที่ทำงานให้เหมาะสมดูแล้วไม่สร้างความลำบากในการอยู่อาศัยทั้งทางใจและทางกายก็จะลดการกระตุ้นได้มาก เช่นการทาสีบ้านให้ดูเย็นตา การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สีไม่ฉูดฉาดเกินไปเป็นต้น ตลอดจนบ้านที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนอบอ้าวก็จะเหมาะสมกว่าอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มีหน้าต่างน้อยและมีกลิ่นอับ ซึ่งอาจะทำให้โรคเลวร้ายลงได้อีกครับ

เอาเป็นว่า ในสัปดาห์นี้ก็พอหอมปากหอมคอกับโรคไมเกรน

ครั้งหน้าเราค่อยมาคุยกันเรื่องที่ไม่ซีเรียสกันดีกว่านะครับ โชคดีทุกคนครับ

 



บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที