Teerayoot

ผู้เขียน : Teerayoot

อัพเดท: 11 พ.ค. 2007 15.41 น. บทความนี้มีผู้ชม: 35636 ครั้ง

รอยเท้าถึงแม้จะเล็ก แต่ถ้ามันเป็นรอยเท้าของเราเองแต่คุณค่ามันยิ่งใหญ่ หวังว่ารอยเท้าเล็กๆที่แดนซามูไรจะมีค่ากับทุกคนนอกเสียจากตัวผมเอง


ผมเป็นแค่นักแบคทีเรียวิทยา

“ความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมีรสหวาน”

                                                                                                                             โนกุจิ ฮิเดโยะ

ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองภูเขาบันได อีกครั้งหนึ่ง
ฟ้าครึ้มเมฆขาวราวกับต้องการซ่อนเร้นยอดภูเขาไว้ไม่ให้เห็น     สีเทาทึบหม่นของท้องฟ้าทำให้บรรยากาศดูทึบแลอึดอัดด้วยก้อนเมฆจับตัวลอยแน่นเต็มท้องฟ้า

สายลมแรงเย็นจากทะเลสาบซึมแทรกทะลุเสื้อผ้าที่ผมสวมใส่  ความเย็นพุ่งจู่โจมใส่ไล่มาตั้งแต่ใบหน้าลงมาจนถึงเท้า  ทำให้ผมหนาวสะท้านจนทนแทบไม่ไหว  แต่ระยะทางจากพิพิธภัณฑ์ ไปสถานีรถไฟอินาวะชิโร่ก็ไกลไม่ต่ำกว่าสี่กิโลเมตร

มันคงสายเกินไปแล้วที่ผมจะหวนกลับไปยังจุดเริ่มต้น  หากต้องการจะพบกับมุมอุ่นและชายคาคุ้มหัว   ผมก็ไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นนอกจากจะหยุดรอรถเมล์ที่ป้ายข้างทาง 

17616_New Picture (2).jpg
                                            ภูเขาบันไดที่ปกปิดด้วยก้อนเมฆ     
               
              แต่เมื่อผมดูระยะเวลาที่ต้องรอรถเมล์เที่ยวถัดไปแล้ว ผมขอเลือกที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นมากกว่า

                คิดๆ ดูก็แทบไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาเดินเตร่อยู่กลางสายลมเย็น ณ ข้างถนนเช่นนี้

ด้วยความคิดไม่สมประกอบที่อยากจะทดลองเดินจากหน้าบ้านของดอกเตอร์โนงูจิเพื่อกลับไปยังสถานีรถไฟอินาวะชิโร่

ผมอยากรู้สึกเหมือนเช่นวันวานที่เด็กชายมือพิการคนหนึ่งเดินไปโรงเรียนในยามเช้า

อือม ทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบอีกแล้วครับ    

ผมรู้สึกเพียงแค่อยากจะเดิน ไม่มีแผนที่    เส้นทางก็ไม่รู้แน่ชัด   ด้วยระยะทางกว่าสามถึงสี่กิโลเมตร      ผมจะระลึกถึงเส้นทางจากเส้นทางเมื่อขามาที่นั่งรถเมล์มาจากสถานีอินาวะชิโร่

ผมหันไปมองภูเขาบันได ที่สูงแต่ซ่อนเร้นไว้ด้วยก้อนเมฆและใหญ่ขนาดถ้าอยากจะเห็นภาพภูเขาทั้งลูกต้องถ่ายภาพแบบพาโนรามา

ผมเห็นบรรยากาศและทิวทัศน์แล้วก็ตัดสินใจ

เอา(วะ) เป็นไงเป็นกัน
17616_New Picture (2).jpg
   รูปของดร.โนกุจิ ที่พิพิธภัณฑ์ ณ บ้านเกิด


ผมหยุดมองภูเขาบันไดแล้วหันกลับมามองเส้นทางเดินเท้าเลียบถนนเลนเดียวด้านหน้า รถบรรทุกสิบล้อจากด้านหลังวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้ตัวทำเอาผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

สายลมเย็น ทำให้ผมนึกถึงอะไรหลายๆ อย่าง...

แต่ที่นึกถึงมากที่สุด คือ ความเป็นชนบทที่แฝงเร้นอยู่ในวิถีชีวิตของประเทศญี่ปุ่นที่ก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี    

ณ ที่นี้ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยนาข้าว  สีเขียวอ่อนของต้นข้าวทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาในอดีต


17616_Image00001.jpg
          ริมถนนระหว่างเดินกลับจากพิพิธภัณฑ์ ดร.โนงูจิ
              
           ในช่วงเวลา ระหว่าง ค.ศ. ที่ ๑๘ ระหว่างทางเดินกลับบ้านของ
เด็กชายโนงูจิ ที่เดินไปกลับระหว่างบ้านและโรงเรียนด้วยระยะทางหลายสิบกิโลเมตร เด็กคนนั้นก็คงแหงนมองภูเขาบันไดลูกนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เด็กคนนั้นอาจจะคิดถึงข้าวเย็นที่บ้านเพราะต้องทนหิวจากการอดข้าวมื้อเที่ยงเพราะไม่มีข้าวห่อไปกินที่โรงเรียน บางทีอาจจะคิดถึงมือข้างซ้ายที่พิการที่เกิดจากอุบัติเหตุในวัยเยาว์จนนิ้วมือใช้การไม่ได้

17616_Image00042g.jpg
     รูปบ้านหลังเดิมของดร.โนงุจิ ที่อนุรักษ์ไว้ตั้งไว้ด้านข้างพิพิธภัณฑ์
             
           แต่อย่างไรก็ตาม เด็กชายโนงูจิคงไม่คาดคิดว่า
เมื่อโตขึ้นมาจะได้ใช้ชีวิตที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับภูเขาบันไดลูกนี้

ย้อนไปในอดีต ชนบทที่ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้ แต่เด็กชายพิการ จากชายขอบกลับสามารถพลิกฟ้าฝืนดวงเพื่อเป็นนายแพทย์ตามที่ใจปรารถนาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

สำหรับผมแล้ว เด็กชายคนนี้คงไม่ใช่เด็กธรรมดา และในอนาคต ชายคนนี้ก็คงไม่ธรรมดา เช่นกัน

แต่ชายคนนี้กลับบอกภรรยาของเค้าว่า  เค้าเป็นเพียง นักแบคทีเรียวิทยาเท่านั้นเอง

 




บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที