H. Kisara

ผู้เขียน : H. Kisara

อัพเดท: 14 มี.ค. 2008 07.59 น. บทความนี้มีผู้ชม: 136522 ครั้ง

เนื่องจากเป็นบันทึกในญี่ปุ่นที่ไล่มาจากในอดีต อาจทำให้มีเนื้อหาบางส่วนไม่อัพเดตและไม่ตรงตามฤดูกาลไปบ้างค่ะ m(_ _)m


ไปดื่มชากันไหม ^_^;

     คนแถวนี้นี่ก็แปลกจริง ชอบมาทักทั้งที่ไม่รู้จักกัน แรกๆมีคนมาทักก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก นึกว่าเค้าจะถามทาง (ไอ้คนประเทศนี้ก็แปลกอีกอย่าง คือชอบมาถามทางชาวต่างชาติ) พอหันไปตอบเข้าพี่แกจะถามเหมือนๆกันว่า...

 

     มีเวลาว่างไปดื่มชาด้วยกันไหม?

 

     (@_@;)...

 

     โอว... นี่มันยังอยู่ในช่วงปีโชวะที่ 8 อยู่หรือนี่ ก็ไม่ได้โง่นะ พอจะเข้าใจว่าเค้าอาจจะมาจีบ... แต่ชวนไปดื่มชานี่... (-_-;)

 

ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปดื่มชาด้วย มีอยู่ครั้งนึงนะ คนเพิ่งซื้อกาแฟออกมาจากร้าน เดินดูดคาปากอยู่อย่างนี้ มันยังเลียบๆเคียงๆชวนไปดื่มชา (-_-;)... (ช่วยดูสถานการณ์บ้าง) อยากเห็นนาทีที่ไอ้มุขนี้มันสำเร็จดู.. อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง เค้าจะดีใจมากหรือเปล่า???

 

     แล้วคนที่มาชวนก็ไม่ใช่วัยรุ่นปิ๊งปั๊งเหมือนแถวเซ็นเตอร์พ้อยท์นะ.. บางคนแต่งตัวใส่สูทผูกเนคไท ดูมีงานมีการทำที่ดี.. นี่ล่ะนะเค้าถึงว่าโอซาก้ามันอันตราย... แต่เค้าก็ไม่ได้มารุ่มร่ามบังคับให้ไปดื่มชาด้วยนะ เค้าก็ถามดีๆ อย่างมากก็ตื้อครั้งสองครั้ง เห็นว่า ไม่ไปก็จะหลีกหายไป บางคนก็แก่เชียว ดูแล้วอายุไม่น่าจะต่ำกว่า 70... ก็แปลกใจว่าจะมาเดินจีบสาวทำไม (-_-;) ทำไมไม่อยู่บ้านให้ลูกหลานเลี้ยง... ที่บ้านคงไม่มีใคร เค้าคงเป็นคนขี้เหงา... 

 

     มีอยู่ครั้งนึง มีสอนแถวนัมบะ กำลังเดินๆอยู่ก็มีลุงคนนึงเรียกมาอย่างแผ่วเบา ก็นึกว่าถามทางอีกก็เลยหันไปดู (ทั้งที่ช่วยเหลือใครเค้าก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จหรอกนะ) ลุงคนนั้นเค้าก็ใส่สูท ดูอ้วนๆท้วมๆ คราวนี้ถามแปลกกว่าคนอื่น แกถามว่า “ถ้าใน 1 เดือนให้มาเจอมากินข้าวกันเฉยๆ แล้วให้ 2 แสนเยนจะเอาไหม?”

 

     (@_@;)...

 

     พอแกเห็นเรานิ่งอึ้ง ก็ย้ำมาอีกว่า แค่กินข้าวเฉยๆ กินข้าวอย่างเดียวจริงๆ

 รีบปฏิเสธไป (กินข้าวอย่างเดียวก็ไม่เอา-_-;) แกก็ถามอีกคำสองคำ พอเห็นไม่ได้แกก็ไป...

 

     ไอ้เหตุการณ์แบบนี้มันก็คงไม่น่าแปลกอะไรหรอก ถ้าไม่มีเหตุการณ์ต่อเนื่อง..

 

     อีกครึ่งปีต่อมาก็มีงานที่ต้องไปสอนแถวนัมบะอีก ก็ไปเดินจ้ำๆคนเดียวแถวนั้นอีกครั้ง และแล้ว... ก็มีเสียงมาเรียกจากข้างหลัง เหตุการณ์มันคลับคล้ายคลับคลามาก... พอหันกลับไป..

 

     ลุงคนเดิมนี่หว่า!! (@o@;)...

 

     และแล้วลุงแกก็เริ่มถามเช่นเคย “ถ้าใน 1 เดือน ให้มาเจอมากินข้าวเฉยๆแล้วให้ 3 แสนจะเอาไหม?”

 

     3 แสน...

 

     โอ้ว... นี่ค่าตัวตูขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเลยหรือนีี่ (@_@;) ในสมองเริ่มสันนิษฐานอะไรหลายอย่างในวินาทีนั้น

 

1.     ที่ผ่านมาบอกให้ 2 แสนแล้วไม่มีใครเอา... เลยอัพเพิ่มเป็น 3 แสน...

2.     ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ค่าตัวอาจขึ้นถึงล้าน..

3.     เสป๊คอีตาลุงนี่ไม่ได้เปลี่ยนเลย... ดันเดินมาทักคนเดิมอีก

4.     ที่สำคัญ... ผ่านมาตั้งครึ่งปีแล้ว พี่แกไม่ไปทำมาหากินอย่างอื่นบ้างเลยหรือนี่ (-_-;)

5.     หรือเราเจอเจ้าที่??       (@o@;)!!

 

     แล้วท่าทางลุงแกก็จำเราไม่ได้จริงๆ (-_-;) ก็เลยปฏิเสธไปอีกรอบ อยากรู้จริงๆว่าวันๆเอาอะไรกิน... เที่ยวเดินอยู่แบบนี้จะมีเงินให้เค้าเหรอไอ้ 2 แสนเนี่ย?? เอาเหอะ... สงสัยอีกครึ่งปีเจอกันใหม่ คราวหน้าจะบอกค่าตัวเท่าไหร่นะ อยากรู้จัง...

 

      หลังๆ.. เริ่มเปลี่ยนมุขใหม่ ทำเป็นไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นและพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เห็นผู้คนทำหน้าเจื่อนเวลาเจอตอบเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็สนุกดี (ทั้งที่ภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้ดีอะไรเล้ยยยย แต่สำหรับคนที่นี่แล้วดูเหมือนเราจะเก่งกว่า...)

 

     คราวหน้า ถ้ามุขภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้.. ก็จะพูดภาษาไทยซะเลย.. จะได้นึกว่าอีสาวนี่มาจากดาวดวงอื่น... (^_^;) คงเกรงใจกันบ้างไม่มากก็น้อย


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที