H. Kisara

ผู้เขียน : H. Kisara

อัพเดท: 14 มี.ค. 2008 07.59 น. บทความนี้มีผู้ชม: 136534 ครั้ง

เนื่องจากเป็นบันทึกในญี่ปุ่นที่ไล่มาจากในอดีต อาจทำให้มีเนื้อหาบางส่วนไม่อัพเดตและไม่ตรงตามฤดูกาลไปบ้างค่ะ m(_ _)m


วันที่ลืมมือถือ... -_-;

ออกจากบ้านอย่างรีบร้อน พอขึ้นรถไฟถึงนึกขึ้นมาได้ว่า..

ลืมมือถือไว้ที่บ้าน... (@_@;)

มานึกๆดูแล้ว ตอนเด็กๆเราก็ไม่เคยมีมือถือใช้ ชีวิตก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไปเสียหน่อย แต่ทำไมทุกวันนี้ถึงถูกมันครอบงำขนาดที่ว่าพอลืมเอามาแค่วันเดียวต้องรู้สึกเสียเซ้วกระวนกระวายขนาดนี้ด้วยนะ

ตั้งตะวินาทีแรกที่รู้ว่าลืมเอามือถือมา ใจมันก็จะห่วงไปสารพัด คนนู้นจะโทรมามั้ย คนนี้จะเมล์มารึเปล่า ทั้งที่ปกติก็หายหัวไปกันหมดไม่รู้อยู่แล้ว (แล้วมันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากว่าถ้าเราลืมมือถือวันไหน ไอ้พวกนี้จะกระหน่ำโทรและเมล์มา พร้อมด่าเราด้วยว่าทำไมไม่ตอบ?)

บริษัทมือถือมันคงเล่นของกับเราแล้ว...

มือถือเป็นคุณไสยชนิดหนึ่ง เวลาของอยู่กับตัวจะหลงงมงาย วันไหนไม่มีจะเสียเซ้ว ล่อกแล่กๆเหมือนคนที่ของเพิ่งออกจากร่าง

พยายามวิเคราะห์ตัวเอง... ถึงได้รู้ว่าเราพึ่งมันมากไปจริงๆด้วย อย่างแรกเลย ก็คือตัวเองนี้แทบจะจำเบอร์เพื่อนคนไหนไม่ได้เลยสักคนหลังจากที่วางใจเมมเอาไว้ในระบบบันทึกของมือถือแล้ว.. (@_@;)

รายการของที่จะซื้อในแต่ละวันก็ไปจดไว้ในฟังก์ชั่น memo แล้วก็จดตารางงานที่จะต้องทำไว้ในปฏิทิน นอกจากนี้ใช้เครื่องคิดเลขในนั้นคำนวณราคาของที่จะซื้ออีก เวลาว่างก็เมล์หาเพื่อนฝูง ดาวน์โหลดภาพและเกมส์มาเล่น หรือบางทีก็โหลดเพลงใหม่ๆมาฟัง

เรียกได้ว่าสามารถมีโลกส่วนตัวได้แม้ว่าจะต้องไปไหนมาไหนคนเดียวก็ตาม ไม่ต้องเหงาอีกต่อไป

มันก็น่าแปลกดีว่าพอวันที่เราลืมมือถือเราถึงเพิ่งจะได้เห็นว่าคนอื่นๆเค้าทำอะไรกัน ตอนนั่งรถไฟหลายคนนั่งกดมือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย (แบบที่เราเคยเป็นหรือเปล่?) ไม่มีใครมองใคร ไม่มีใครพูดกับใคร ไม่ได้มองหน้าคนอื่นที่ขึ้นมา.. ไม่มีใครรู้ว่าใครทำอะไรเกิดอะไรขึ้น... 

คิดแล้วมันก็แปลกดี บริษัทมือถือบอกว่า ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับเรา ให้เราได้สื่อสารกันมากขึ้น แต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าเหมือนกับเราอยู่คนเดียว... (^_^;)

ในประเทศญี่ปุ่น แทบทุกคนมีมือถือใช้ แม้แต่เด็กประถมสมัยนี้ก็มีมือถือโมเดลสำหรับเด็กให้ใช้เช่นกัน (ด้วยเหตุผลของฟังก์ชั่น GPS เพื่อความปลอดภัยในการตามหาที่อยู่ของเด็ก)

ความพยายามของบริษัทมือถือไม่เพียงแค่่ลดราคาค่ามือถือจนแจกฟรีกันเมื่อเครื่องตกรุ่น ยังมีการลดค่าบริการในการโทรหากัน เมล์ หรือเล่นอินเตอร์เน็ทผ่านมือถืออีกด้วย นอกจากนี้ฟังก์ชั่นของมือถือก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการถ่ายรูปที่คุณภาพแทบจะเท่ากับกล้องดิจิตอล สามารถฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ หรือเล่นเกมด้วยภาพที่สวยงามพอๆกับดูทีวีขอแบนยี่ห้อดังๆอย่าง Vierra หรือ Bravia 


เคยมีทางรายการนึง...ให้คนที่มีมือถือ เอามือถือมาฝากไว้กับทางรายการเป็นเวลา 5 วัน จากนั้นก็ตามถ่ายทำชีวิตประจำวันของคนคนนั้น จึงได้เห็นว่ามือถือมีอิทธิพลต่อทั้งชีวิตประจำวันและจิตใจของเจ้าของอย่างมาก

นักเรียนม.ปลายที่ขาดมือถือของตัวเองไปรู้สึกเหมือนตัวเองถูกตัดขาดจากกลุ่มเมื่อเพื่อนๆคุยและดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆดูทางอินเตอร์เน็ทผ่านมือถือ ผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับร้องไห้ออกมาตอนกลางคืนและทนไม่ได้ที่ไม่มีมือถือจนต้องโทรขอกับทางรายการว่าขอยกเลิกการถ่ายทำ

ในจำนวนเป้าหมายที่ทางรายการถ่ายทำนั้น มีแม่บ้านคนหนึ่งที่รู้สึกตัวว่าตัวเองได้เห็นลูกตัวเองในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมากขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ได้เอาแต่เล่นมือถือนั้น...

คนญี่ี่ปุ่นติดมือถือในแง่ของการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ไม่ได้ให้คุณค่ามากในเรื่องของราคาและรุ่นของมือถือ ซึ่งต่างกับวัยรุ่นในไทยที่มักจะมีผลทางจิตใจเมื่อได้เป็นเจ้าของมือถือรุ่นใหม่หรือที่มีราคาแพง และระบบมือถือของไทยก็ต่างกับญี่ปุ่นตรงที่มือถือของไทยส่วนใหญ่จะเป็นระบบใช้ซิมการ์ด ทำให้เราสามารถซื้อเครื่องมือถือมาเก็บไว้หลายรุ่นเป็นคอลเลคชั่นได้ (แต่ได้โปรดอย่าเหมาว่ารุ่นมือถือในไทยจะเป็น common sense ที่ทุกคนต้องรู้..) <-- คนญี่ปุ่น 90กว่า% ไม่มีใครรู้จักโนเกียนะ บอกก่อน.. 

ที่ญี่ปุ่นนั้นจะมีเพียงบางรุ่นที่ใช้ซิมการ์ด (แต่ก็ไม่สามารถเอามาสลับสับเปลี่ยนรุ่นใช้กันตามใจเีราขนาดที่ไทยได้) และราคามือถือก็ถูกมากถึงขนาดที่มือถือฟังก์ชั่นดีๆก็ยังซื้อได้ในราคาแค่ 1 เยนหรือได้ฟรีก็มี (สมัยนี้เริ่มหายากแล้วนะ) แต่ก็เอาไปใช้ที่ไทยไม่ได้ มีบางรุ่นเท่านั้นที่สามารถเอาไปเปลี่ยนระบบในตลาดมืดให้เอาไปใช้ที่ไทยได้ แต่ก็ต้องเสียเงินจำนวนพอสมควร ทว่าก็ยังมีคนไทยหลายคนอยากได้ (แม้จะอ่านไม่ค่อยออกและใช้ไม่ค่อยเป็น) กลับไทยทุกครั้งต้องมีคนขอจองมือถือ @_@; ประมาณว่าถ้าไม่ใช้แล้วขอนะ...

จึงเห็นได้ชัดว่าคนไทยให้ความสำคัญกับมือถือราวกับเป็นเครื่องบอกตำแหน่งความมั่งมีของตัวเองไปในตัว ความอยากได้และความไม่อยากเหมือนคนอื่นทำให้เกิดกรณีขโมยมือถือกันในไทยหรือกระทั่งชิงทรัพย์เพื่อเอามือถือ... แต่ที่ญี่ปุ่นไม่มีคดีเช่นนี้ ไม่เคยได้ยินว่าใครขโมยมือถือใครมาก่อน และไม่มีใครให้ค่ามือถืออย่างนั้น แค่มีใช้กันก็พอแล้ว

ลืมมือถือไว้ที่บ้าน อาจจะแค่เสียเซ้ว ลืมมือถือตามร้านรวงในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะได้คืน... แต่ถ้าลืมมือถือไว้ที่ไทย ถึงแม้จะเอาไปใช้ไม่ได้แต่ก็สงสัยว่าจะไม่ได้คืนแฮะ... (^_^;) (พึงระวังอย่างสูง อย่าคิดว่าเค้าเอาไปใช้ไม่ได้น่าจะได้คืน..)





บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที