ไมลส์ (Mile, 1969) ได้เสนอบทความกล่าวถึงการศึกษาสุขภาพองค์การไว้ว่าเป็นการวางแผนการเปลี่ยนแปลงองค์การ ในหนังสือชื่อ Organizations and Human Behavior: Focus on Schools โดยแบ่งลักษณะของสุขภาพองค์การหรือมิติที่ใช้ชี้วัดสุขภาพองค์การ (Miless Dimensions of Organizational Health) ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของระบบ 3 ด้าน รวม 10 มิติ ดังนี้
1. ความต้องการด้านภารกิจ (Task Needs) พิจารณาจาก
1.1 ความชัดเจนของเป้าหมาย (Goal Focus) หมายถึง การที่บุคคลในองค์การต้องเข้าใจและยอมรับเป้าหมายองค์การ ซึ่งจะต้องมีความเป็นไปได้และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
1.2 ความเพียงพอของการสื่อสาร (Communication Adequacy) หมายถึง องค์การต้องมีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทั้งภายในและภายนอก ต้องมีข้อมูลข่าวสารที่พร้อมเสมอใน การวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลต่อการพัฒนาองค์การ
2. ความต้องการด้านบำรุงรักษา (Maintenance Needs) พิจารณาจาก
2.1 การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ (Resource Utilization) หมายถึง ความสามารถของผู้บริหารในการจัดสรรทรัพยากร ประเภทสื่อ วัสดุการเรียน งบประมาณ ที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เหมาะสมกับความต้องการของครูและนักเรียน เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนการสอนอย่างสูงสุด
2.2 ความสามัคคี (Cohesiveness) หมายถึง การมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันต้องการที่จะคงอยู่ในองค์การ มีความเคารพซึ่งกันและกัน
2.3 ขวัญและกำลังใจ (Morale) หมายถึง ความรู้สึกในจิตใจที่ดีของคณะครูในโรงเรียนโดยแสดงความเป็นมิตรรักใคร่สนิทสนม มีน้ำใจกว้าง ไว้ใจซึ่งกันและกันมีความกระตือรือร้นที่จะสอน ช่วยเหลือกันทำงาน มีความเต็มใจและภูมิใจที่จะปฏิบัติงานในโรงเรียนตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
3. ความต้องการด้านความเจริญและการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ (Growth and Changefulness Needs or Growth and Development Needs) พิจารณาจาก
3.1 การมีนวัตกรรมใหม่ (Innovativeness) หมายถึง การคิดค้นวิธีการแนวคิดใหม่ ทางการศึกษาขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาและสนองความต้องการต่างๆ รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาให้สูงขึ้น
3.2 ความเป็นอิสระ (Autonomy) หมายถึง การเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในการตอบสนองความต้องการของสภาพแวดล้อม
3.3 การปรับตัว (Adaptation) หมายถึง ความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว มั่นคงทนต่อความเครียดที่เกิดจากความยุ่งยากที่เกิดจากกระบวนการปรับตัวได้ดี
3.4 ความเหมาะสมของการแก้ปัญหา (Problem-Solving Adequacy) หมายถึง ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดและเกิดความตึงเครียดน้อยที่สุด
จากที่ได้กล่าวมานั้น จะเห็นได้ว่า มิติที่ใช้วัดสุขภาพองค์การทั้ง 10 มิติตามข้อเสนอของไมลส์นั้น เป็นแนวคิดที่กำหนดขึ้นมาภายใต้กรอบแนวคิดขององค์การที่เป็นระบบเปิดดังที่ได้กล่าวไปแล้ว อันมีลักษณะของการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างระบบย่อยตลอดเวลา และโดยประการนี้เอง สุขภาพองค์การจึงนับเป็นผลผลิต (Output) ที่ออกมาจากระบบ อันแสดงถึงความสามารถขององค์การ ซึ่งเมื่อมององค์การ
ในเชิงระบบ เฮอร์เซย์และแบลนชาร์ด (Hersey & Blanchard, 1993: 9-10) ได้เสนอไว้ว่า องค์การมีระบบย่อยที่เป็นองค์ประกอบเปรียบเทียบได้เช่นเดียวกับระบบมนุษย์ (Human Systems) อันมีระบบย่อยของมนุษย์ (Human Sub-system) ระบบโครงสร้าง (Structural Sub-system) ระบบข้อมูลข่าวสาร (Information Sub-system) และระบบเทคโนโลยี (Technological Sub-system) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งในแต่ละระบบย่อยนี้จะทำหน้าที่เป็นกลไกการทำงานเช่นเดียวกับอวัยวะของร่างกายมนุษย์ โดยหากองค์ประกอบหรือระบบย่อยสามารถทำงานได้อย่างดี และสัมพันธ์กับระบบย่อยอื่น ก็จะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายในภาพรวมเป็นไปด้วยดีเช่นกัน เมื่อเปรียบกับองค์การ การที่ระบอบย่อยขององค์การเกิดปัญหา จึงส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังการทำงานขององค์การในลักษณะของการทำงานที่ไม่สมดุลในที่สุดนั่นเอง
นอกเหนือจากไมลส์ (Miles, 1969) แล้ว นักวิชาการที่มีชื่อเสียงซึ่งได้เสนอเกณฑ์
การชี้วัดความมีสุขภาพองค์การที่ดีกล่าวได้ว่า คือ ฮอยและฟอร์ซิธ (Hoy & Forsyth, 1986: 156-157) ข้อเสนอตัวชี้วัดสุขภาพองค์การของทั้งสองท่านนี้ ให้ความสนใจกับการบรรลุเป้าหมายพื้นฐานขององค์การตามกรอบการมองหรือกรอบแนวคิดของพาร์สัน (Parsons, 1953) และอีกท่านหนึ่งที่ได้นำเสนอตัวชี้วัดสุขภาพองค์การ หรือองค์ประกอบที่สะท้อนถึงการเป็นองค์การสุขภาพดีที่น่าสนใจได้แก่ โอเวนส์ (Owens, 1991: 222) ซึ่งกล่าวไว้ว่า หากองค์การต้องการมีสุขภาพดี จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์สำคัญ 10 ประการ ซึ่งหากพิจารณาแล้วจะพบว่าสอดคล้องกับแนวคิดของไมลส์ ฮอยและฟอร์ซิธ ดังนี้
1. การมุ่งเน้นเป้าหมาย (Goal Focus) หมายถึง การที่บุคลากรในองค์การมีความเข้าใจและยอมรับเป้าหมายขององค์การ โดยที่เป้าหมายขององค์การจะต้องมีความเป็นไปได้ และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์การ
2. การติดต่อสื่อสารอย่างเพียงพอ (Communication Adequacy) หมายถึง องค์การจะต้องมีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ ต้องมีข้อมูลข่าวสารหรือสารสนเทศที่พร้อมเสนอประกอบการวินิจฉัยแก้ไขปัญหาหรือการตัดสินใจทางการบริหารที่ส่งผลกระทบต่อองค์การ
3. การใช้อำนาจที่เป็นธรรม (Optimal Power Equalization) หมายถึง การที่องค์การมีการกระจายอำนาตอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมในทุกระดับ
4. การใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณภาพ (Resource Utilization) หมายถึง การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ทรัพยากรบุคคล มีการใช้งานที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป มีความเครียดในการทำงานน้อย บุคลากรทำงานโดยไม่มีความรู้สึกว่าเป็นงานที่เกินตัว มีความพอดีเหมาะสมในการวางตัวและแสดงบทบาทหน้าที่ตามที่องค์การต้องการ มีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และไม่เพียงแต่มีความรู้สึกที่ดีต่องานเท่านั้น หากแต่ยังต้องรู้สึกว่าองค์การช่วยส่งเสริมให้เขามีการเรียนรู้และมีความก้าวหน้า
5. ความกลมเกลียว (Cohesiveness) เป็นการมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต้องการที่จะคงอยู่ในองค์การ มีความเคารพซึ่งกัน เป็นต้น
6. ขวัญกำลังใจ (Morale) เป็นความรู้สึกที่บุคลากรมีต่อองค์การในลักษณะความพึงพอใจต่อการทำงาน ซึ่งทำให้บุคลากรมีความสุข และมีความผูกพันที่ดีต่อองค์การ
7.การมีนวัตกรรมใหม่ๆ (Innovativeness) หมายถึง การที่องค์การมีความเจริญ พัฒนา และมีการเปลี่ยนแปลง มีการคิดเป้าหมายใหม่ๆ ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
8. ความเป็นอิสระ (Autonomy) เป็นการเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในการตอบสนองต่อความต้องการขององค์การและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์การ
9. การปรับตัว (Adaptation) หมายถึง การมีความสามาสรถในการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง มีความมั่นคง ทนต่อความเครียดที่เกิดขึ้นจากความยุ่งยากของงาน และมีการปรับตัวได้ดี
10. ความสามารถในการแก้ไขปัญหา (Problem-solving Adequacy) หมายถึง การที่องค์การมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในทางที่สามารถแก้ไขปัญหาโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด และเกิดความเครียดจากการจัดการปัญหาน้อยที่สุด
หลักเกณฑ์ชี้วัดสุขภาพองค์การที่เน้นถึงการที่องค์การมีสุขภาพดีที่เสนอโดย โอเวนส์ (Owens) ดังกล่าว เวบบ์และคณะ (Webb et al., 1987: 55) ได้ทำการจำแนกแบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบใหญ่ๆ ประกอบด้วย
(1) องค์ประกอบสุขภาพองค์การที่เน้นภารกิจ (The task-centered component)
(2) องค์ประกอบสุขภาพองค์การภายในองค์การ (The internal state component) และ
(3) องค์ประกอบสุขภาพองค์การที่เน้นความเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลง (Growth & Changefulness)
ความสนใจของการพัฒนาตัวชี้วัดสุขภาพองค์การปรากฎอย่างแพร่หลายในสังคมวิชาการตะวันตก โดยได้มีการพัฒนาเกณฑ์การชี้วัดที่เน้นไปในด้านประสิทธิผลและความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์การ นักวิชาการที่นำเสนอแนวคิดใหม่นี้ได้แก่ ทาร์เทอร์ ฮอยและคอทท์แคมป์ (Tarter, Hoy, and Kottkamp,1990: 236) ในผลงานเรื่อง School climate and organizational commitment ซึ่งได้กำหนดมิติที่ใช้สำหรับชี้วัดสุขภาพองค์การไว้ 5 มิติประกอบด้วย (1) มิติภาวะผู้นำฉันท์เพื่อนร่วมงาน (2) มิติการสนับสนุนทรัพยากร (3) มิติขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน (4) การติดต่อสื่อสาร และ (5) ความสามัคคี และพัฒนาเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Organizational Health Inventory-OHI อันได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นทั้งแนวคิดพื้นฐานและเครื่องมือตรวจวัดสุขภาพองค์การสถานศึกษาอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ผ่านขั้นตอนเครื่องมือที่มีความเน่าเชื่อถือได้ในทางหลักวิชาการ นอกจากนี้ยังได้แก่ พอดเกอร์สกี้ (T. P. Podgurski, 1990) ซึ่งได้นำเสนอมิติชี้วัดสุขภาพองค์การที่พัฒนาจากแบบวัดสุขภาพองค์การ (OHI) ที่เสนอไว้โดยฮอย และเฟลด์แมน (Hoy & Feldman, 1987) และกรอบแนวคิดของพาร์สัน (Parsonian Perspective) ไปทดลองใช้กับโรงเรียนที่เป็นกรณีศึกษาจำนวนรวม 78 แห่ง ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบ (Factor Analysis) พบว่า ตัวแปรด้านสุขภาพองค์การที่ใช้วัดลดลงเหลือ 5 ด้าน เรียกว่า OHI-E เป็นเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยองค์การเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีแบบแผน ที่สามารถวัดพฤติกรรมในการทำงานได้ทั้ง 3 ระดับคือ ระดับสถาบัน ระดับการจัดการ และระดับเทคนิค หรือพิจารณาในเรื่องของการใช้เป็นเครื่องมือ (Instrument) และกิจกรรมที่แสดงออก (Expressive) และเมื่อทราบคะแนนจากการวัดแล้ว จะสามารถบ่งชี้ได้ว่า องค์การหรือโรงเรียนนั้น มีสุขภาพดี (Healthy) หรือมีสุขภาพไม่ดี (Unhealthy)
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที