โลกาภิวัตน์ (Globalization) เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกร้องและท้าทายต่อองค์การในแง่ของการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลต่อเนื่องถัดมาในอัตราเร่ง เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ภายใต้สภาพแวดล้อมแห่งยุคโลกาภิวัตน์นี้ องค์การที่ฐานะที่เปรียบเสมือนกับสิ่งมีชีวิตในระบบเปิด (Open Systems) จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้จักที่จะปรับตัวหรือพัฒนาปรับปรุงให้สามารถดำรงอยู่รอดและเติบโตได้โดยอาศัยความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) การพิจารณาว่าองค์การสามารถในเชิงประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพียงใดนั้น เป็นเรื่องของการประเมินหรือการตรวจสอบที่สามารถดำเนินการได้หลากหลายวิธีการ หนึ่งในแนวคิดหรือวิธีการหลากหลายและได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการ โดยเฉพาะการบริหารการศึกษาได้แก่ แนวคิดเรื่องการวัดสุขภาพองค์การ ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว สุขภาพองค์การ เป็นความสามารถหลักขององค์การในการปฏิบัติงานตามภารกิจและหน้าที่ของระบบสังคมที่ทำให้องค์การอยู่รอดได้
สุขภาพองค์การ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ทางการบริหารจัดการไม่ว่าจะในมุมมองการของบริหารงานภาครัฐหรือการจัดการของภาคธุรกิจเอกชนแต่อย่างใด โดยเนื้อแท้แล้ว สุขภาพองค์การ ได้รับความสนใจนำมาเป็นแนวคิดพื้นฐานเพื่อใช้ในการศึกษา/ประเมินสมรรถนะในการบริหารจัดการองค์การอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษา ในประเทศไทย ความสนใจหลักในการศึกษาสุขภาพองค์การ อันสามารถพิจารณาได้จากงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาการบริหารการศึกษาจำนวนหนึ่ง ให้ความสำคัญและสนใจศึกษาสุขภาพองค์การ เพื่อนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในเชิงการปรับปรุงระบบการบริหารเพื่อให้เกิดสมรรถนะมากขึ้น แม้ว่า ประเด็นที่สนใจศึกษาในงานวิจัยระดับมหาบัณฑิต จะไม่ลึกซึ้งเทียบเท่ากับงานวิจัยรูปแบบดุษฎีนิพนธ์ แต่คณูปการแห่งความสนใจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นได้ในระดับหนึ่งถึงการให้ความสำคัญต่อเรื่องการวัดสมรรถนะหรือความสามารถในการบริหารจัดการองค์การภาครัฐได้อย่างดียิ่ง และคุณูปการเช่นนั้น ย่อมมากทับทวีเมื่อได้นำผลการจากการศึกษาวิจัยไปสู่การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการสถานศึกษานั่นเอง และจากกรอบแนวคิดและตัวแบบเพื่อใช้ศึกษาสุขภาพองค์การดังกล่าว ข้อสำคัญที่นำมาสู่ความสนใจของผู้เขียนครั้งนี้ และความมุ่งประสงค์ที่ต้องการจากการวิจัยที่ผู้เขียนกำลังดำเนินการคือ เราจะสามารถนำตัวแบบหรือกรอบความคิดเรื่องการวัดสุขภาพองค์การดังกล่าว มาใช้กับหน่วยงานภาครัฐอื่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทย ซึ่งมีบริบทแตกต่างไปจากสถานศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยการวิเคราะห์เดิมอย่างไร รวมทั้งมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนากรอบตัวแปรหรือองค์ประกอบของตัวชี้วัดสุขภาพองค์การขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้เขียนสนใจจะทำการศึกษาวิจัยในแง่มุมหรือประเด็นใดบ้าง อันนับเป็นความท้าทายต่อเนื่องไปถึงการริเริ่มพัฒนากรอบแนวคิดเรื่องสุขภาพองค์การเพื่อไปใช้เป็นเครื่องมือศึกษาวิเคราะห์สำหรับหน่วยงานภาคธุรกิจเอกชน ควบคู่กับเครื่องมือประเมินสมรรถนะองค์กรที่กำลังได้รับความนิยมเช่น Balance Scorecard เป็นต้น ต่อไปในภายหน้า
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที