อรปภา

ผู้เขียน : อรปภา

อัพเดท: 11 ก.ค. 2012 12.45 น. บทความนี้มีผู้ชม: 3841 ครั้ง

3 กลยุทธ์พื้นฐานต้านวิกฤต


3 กลยุทธ์พื้นฐานต้านวิกฤต

3 กลยุทธ์พื้นฐานต้านทุกวิกฤต

 

ช่วงทศวรรษก่อนที่จะเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจขึ้นนั้น ไม่ว่าธุรกิจใดๆ ก็เจริญเติบโตรุ่งเรือง แม้แต่ผู้ประกอบการบางคนที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ยังทำเงินจากธุรกิจของตนได้ แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติดังกล่าวขึ้น ไม่มีใครได้ทันตั้งตัวเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ การเติบโตของเศรษฐกิจแทบจะหยุดชะงัก หุ้นในตลาดตกต่ำลงอย่างมาก และถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนทุกคนจะรู้ตัวดีว่า คงต้องอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นทุกวันนี้ไปอีกยาวทีเดียว

 

กลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด

แน่นอนว่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ผู้ประกอบธุรกิจย่อมมีสภาพการเงินที่ฝืดเคือง ไม่สามารถใช้จ่ายได้คล่องมืออย่างแต่ก่อน ดังนั้นคุณจึงต้องมีการวางแผนการใช้จ่ายในองค์กรที่ดีและมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากตรวจสอบจำนวนเงินที่ตัวคุณเองนำออกไปเพื่อใช้ส่วนตัว ถึงแม้คุณจะคิดว่าเงินส่วนเล็กน้อยนี้หรือโบนัสจะเป็นส่วนที่คุณควรจะได้รับอยู่แล้ว แต่เวลาเช่นนี้คุณควรจะแยกแยะให้ออกว่า สิ่งใดคือความหรูหรา เพราะถ้าสักวันหนึ่งธุรกิจของคุณเริ่มถอยลง และต้องใช้จ่ายแบบเข้าเนื้อกินกำไรเพื่อมาต่อชีวิตแล้วล่ะก็ ท้ายที่สุดความฟุ่มเฟือยก็ต้องหมดไปเช่นกัน

นอกจากนี้คุณก็ควรตรวจสอบการใช้จ่ายของบุคลากรในองค์กรด้วย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ตำแหน่งหลักๆ ซึ่งควรจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในการดำเนินชีวิตให้มีจำนวนน้อยลง เพื่อที่จะสะสมเงินโบนัสให้มีตัวเลขที่สวยงามในตอนสิ้นปี คุณควรจะเริ่มเตือนพวกเขาซะตั้งแต่ช่วงต้นๆปี ไม่ใช่เพิ่งจะไปเตือนกันในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขารูดบัตรเครดิตหรือจับจ่ายซื้อของขวัญปีใหม่ไปไม่รู้เท่าไหร่กันแล้ว

ลองถามตัวเองดูว่าคุณต้องการมีออฟฟิศที่ได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม มีงานเลี้ยงในองค์กรที่สนุกสนานครื้นเครง และรายการงานรื่นเริงสวยหรูต่างๆ ที่จะมีตามกันมาอีกมากมายหรือไม่ โดยคุณควรเข้าใจว่าถึงคุณจะมีกำลังพอจ่ายรายการต่างๆ ได้ในตอนนี้ แต่รายการใช้จ่ายเหล่านี้นี่เองที่จะกลายเป็นตัวสร้างภาระหนักให้แก่คุณในภายหลัง ถ้าคุณไม่ทันได้คาดคิดถึงผลกระทบจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นเอาไว้ล่วงหน้า

 

กลยุทธ์เพื่อความรุ่งเรือง

ดูเหมือนผู้ประกอบธุรกิจทุกคนรู้ว่า “ความพอใจของลูกค้า” ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับมีผู้ประกอบการไม่กี่คนที่เข้าใจถึงความหมายอันแท้จริงของคำนี้ และรวมไปถึงวิธีปฏิบัติที่ได้ผลเพื่อสร้างความพอใจในองค์กรของคุณให้เกิดกับลูกค้า โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการมักจะมุ่งเน้นไปในเรื่องของการขายและการตลาด เพราะคิดว่าถ้าวางแผนและบริหารสองจุดนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว ลูกค้าก็จะพอใจและซื้อสินค้าของตนไปเอง ซึ่งความเป็นจริงแล้วนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและผิดประเด็นด้วยเหตุผลหลายประการ

สิ่งที่ผู้ประกอบการควรตระหนักในเรื่องความพอใจของลูกค้าก็คือ “การบริการ” เพราะคนส่วนใหญ่มักจะรับรู้ถึงสิ่งที่คุณทำว่าคุณทำ “อย่างไร” มากกว่าที่จะรับรู้ว่าคุณทำ “อะไร” ดังนั้นสิ่งที่สำคัญของการให้บริการลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่คุณจะ “ทำอย่างไร” อย่างเช่น คุณดำเนินงานได้ตรงตามเวลาที่ตกลงกันไว้หรือไม่ บุคลากรของคุณให้บริการด้วยอัธยาศัยดีหรือไม่ ประสิทธิการทำงานขององค์กรเป็นอย่างไร คุณคิดราคาเป็นอย่างไร มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ เป็นต้น

ผู้ประกอบการมักจะสับสนระหว่างคำว่า “ภาพลักษณ์” กับ “ชื่อเสียง” ภาพลักษณ์นั้นอาศัยการรับรู้ มองเห็น ส่วนชื่อเสียงเป็นสิ่งที่มาจากข้อเท็จจริง ซึ่งการมีภาพลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพจะเป็นตัวสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรของคุณไปเอง เพราะการมีภาพลักษณ์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีภาพลักษณ์และชื่อเสียงของมืออาชีพนี้เองที่จะทำให้ลูกค้านึกชื่อองค์กรของคุณได้เร็วขึ้น และสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คุณสามารถตั้งราคาของสินค้าและบริการในราคาที่สูงขึ้นได้ จากการมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพนี่เอง

เพราะฉะนั้นคุณจึงควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ซึ่งนอกเหนือไปจากกระบวนการดำเนินงานตามปกติด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  1. เครื่องแบบและการแต่งกายของบุคลากรที่สะอาดเรียบร้อยและดูภูมิฐาน
  2. มารยาทในการรับโทรศัพท์ที่ดี เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ติดต่อเข้ามา
  3. โลโก้ของบริษัท เช่น การที่มีโลโก้ของบริษัทติดอยู่ตามรถของบริษัทนั้นย่อมดูดีกว่าการใช้รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างในการนำส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า ทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ชื่อบริษัทเช่นเดียวกับการมีโลโก้อยู่บนบรรจุภัณฑ์ของบริษัทอีกด้วย
  4. รูปลักษณ์และลักษณะโดยรวมของบริษัทซึ่งขึ้นอยู่กับการนำเสนอของคุณว่าอยากให้ลูกค้ารับรู้และติดภาพแบบใด
  5. การจัดตารางเวลาดำเนินงาน และการใช้โทรทัศน์เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงาน
  6. การมีบุคลากรในตำแหน่งหลักของบริษัทที่สามารถตัดสินใจได้ ณ เวลานั้นๆ เมื่อต้องการพบและตอบข้อซักถามของลูกค้า
  7. การติดตามผลสำเร็จของงาน ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสอบโดยการสอบถามทางโทรศัพท์หรือการขอความร่วมมือกรอกแบบสอบถามของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นแบบสอบถาม คุณควรนำไปติดไว้ภายในองค์กร เพื่อให้ทุกคนได้อ่านและรับรู้ถึงผลสะท้อนกลับโดยตรงเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของตนเอง แล้วนำมาเป็นข้อมูลเพื่อการประเมินและการพัฒนาต่อไปในอนาคต

แต่ปัญหาประเด็นหนึ่งคือลูกค้าส่วนใหญ่มักจะพูดว่า “ฉันจะคงไม่จ่ายค่าบริการให้คุณเพิ่มหรอก” ซึ่งลูกค้าบางคนก็ไม่ได้มีเงินไว้พอจ่ายเพิ่มในส่วนของการบริการหรือลูกค้าบางคนก็อาจไม่ได้เห็นถึงคุณค่าในสิ่งที่คุณทำ ดังนั้นคุณจึงควรตั้งเป้าการตลาดของคุณไว้ แล้วเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังในการบริโภคสินค้า และบริการของคุณและลูกค้าที่ไม่ได้พิจารณาตัดสินใจเลือกสินค้าโดยดูจากราคาเป็นอย่างแรก

 

กลยุทธ์เพื่อความมั่นคง

องค์ประกอบสำคัญเรื่องต่อไป ควรเป็นเรื่องที่คุณให้ความสำคัญเท่ากับเรื่องอื่นๆ เช่นกัน นั่นก็คือเรื่องทรัพยากรบุคคล องค์กรของคุณควรมีบุคลากรที่มีคุณภาพและศักยภาพในการทำงาน เพราะถ้าคุณไม่ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบข้อนี้แล้วธุรกิจของคุณก็จะไม่สามารถยืนหยัดและเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงต่อไปได้เช่นกัน

การบริหารด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะส่งให้เห็นผลต่อธุรกิจของคุณได้โดยอัตโนมัติ แต่การเรียนรู้ที่จะทำให้ลูกค้าพอใจในสินค้าและบริการ และการสร้างภาพลักษณ์ของมืออาชีพเพื่อจะทำให้คุณสามารถขายสินค้าและบริการได้ในราคาสูงขึ้นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในทันทีทันใด ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าคุณต้องมีภาพลักษณ์ของมืออาชีพ ซึ่งองค์ประกอบที่คุณต้องอาศัยเวลาใรการพัฒนาองค์กรโดยรวมเพื่อให้ไปถึงจุดนั้นก็คือ องค์ประกอบด้านทรัพยากรบุคคล

คุณต้องมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยพัฒนาองค์กร คุณอาจได้เคยยินมาบ้างว่าการซื้อตัวบุคลากรที่มีเครดิตด้านการทำงานเข้ามาในองค์กรนั้น เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ประกอบการใช้ในการหาบุคลากรคุณภาพเข้าสู่องค์กรของตน ซึ่งนี่เป็นวิธีหนึ่งที่คุณก็สามารถทำได้ แต่ในทางกลับกันบุคลากรเหล่านี้ก็ยินดีที่จะลาออกจากองค์กรของคุณ เพื่อไปอยู่กับองค์กรอื่นที่ให้ค่าตัวสูงกว่าได้ทุกเมื่อเช่นกัน วิธีนี้จึงไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับการสร้างและพัฒนาทรัพยากรบุคคลขององค์กรโดยรวม

ยิ่งกว่านั้นคุณควรนึกเสมอว่าในภาวะเศรษฐกิจอบ่างทุกวันนี้ ลำพังธุรกิจก็ทำเงินได้ไม่มากมายอยู่แล้ว ดังนั้นการจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเป็นค่าจ้างและเงินเดือนให้กับบุคลากรที่คุณซื้อตัวมา จึงถือเป็นภาระหนักเอาอาการแม้ว่าคุณจะมีเงินที่สามารถซื้อตัวเขามาได้ในตอนแรกก็ตาม นอกจากนั้นคุณจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าคุณจะได้คนที่ดีกว่า เก่งกว่าหรือมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าบุคลากรคนอื่น และทำงานได้คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่คุณใช้ลงทุนไป

ผู้ประกอบการมากมายมักไม่มีเป้าหมายที่แท้จริงในเรื่องของบุคลากร คุณลองใช้เวลาสักนิดเขียนชื่อบุคลากรของคุณ แล้วลองระบุต่อไปว่ามีบุคลากรกี่คนที่คุณคิดว่ามีศักยภาพพอที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าหรือผู้เชี่ยวชาญขององค์กรต่อไปในอนาคต ถ้าลองทำแล้วพบว่าไม่มีบุคลากรที่จะเป็นหลักหรือเป็นที่พึ่งพาอาศัยขององค์กรได้คุณก็ควรเริ่มรับสมัครพนักงานใหม่ที่มีคุณภ่พมากกว่าเข้ามาในตำแหน่งนั้นๆ โดยเริ่มจากบุคลากรตำแหน่งเล็กๆ ก่อน นอกจากนั้นคุณต้องทำให้องค์กรของคุณเป็นองค์กรพัฒนาบุคลากรมืออาชีพในระยะยาว เพราะการที่คุณจะประสบความสำเร็จจากการที่มีแต่บุคลากรที่สมบูรณืแบบนั้นดูจะเป็นเรื่องที่เกินจริงอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรคุณต้องมีบุคลากรส่วนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ เพราะถ้าบุคลากรส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว คุณก็ยังไม่ควรจะคิดไปถึงการพัฒนาองค์ประกอบส่วนอื่นๆขององค์กร

คุณต้องทำให้องค์กรของคุณมีสัดส่วนบุคลากรส่วนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงและพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้า โดยคุณอาจพัฒนาคนเก่าในองค์กรให้มีความสามารถมากขึ้น แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหนคุณควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

เพราะการเฟ้นหาทรัพยากรบุคคลที่ดีนั้น ก็ไม่ได้ง่ายไปกว่าการวางแผนการใช้จ่ายขององค์กรและการบริการให้ลูกค้าพอใจเลย

ในกรณีที่คุณเลือกที่จะใช้วิธีจ้างบุคลากรใหม่เข้ามาในองค์กร คุณเองก็ต้องเตรียมการให้พร้อมด้วย แต่ผู้ประกอบการส่วนมากไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญในจุดนี้เท่าใดนัก ซึ่งความจริงแล้วถ้าคุณต้องการบุคลากรที่มีคุณภาพ คุณเองก็ต้องดำเนินกระบวนการคัดเลือกที่มีคุณภาพด้วยเช่นกัน

 

 

อ้างอิง : จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์. “3 กลยุทธ์พื้นฐานต้านทุกวิกฤษ.” Industrial Technology Review 90 พฤศจิกายน 2544


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที