จริยา

ผู้เขียน : จริยา

อัพเดท: 12 ก.พ. 2014 16.27 น. บทความนี้มีผู้ชม: 22461 ครั้ง

การทดลองและภาพถ่ายจากยานอวกาศทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่ทว่าภายใต้ความมืดมิดและระยะทางอันยาวไกลยังมีหลากหลายเรื่องราวที่พวกเราอาจยังไม่รู้


10 เรื่องแปลกจากห้วงอวกาศที่คุณอาจไม่เคยรู้

งแม้ว่าตอน นี้ทั้งนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับอวกาศเต็มไปหมด แถมยังมีข่าวออกมามากมายที่เกี่ยวข้องกับการค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ ทั้งการทดลองและภาพถ่ายจากยานอวกาศทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่ทว่าภายใต้ความมืดมิดและระยะทางอันยาวไกลยังมีหลากหลายเรื่องราวที่พวก เราอาจยังไม่รู้ โดยเฉพาะ 10 เรื่องแปลกในห้วงอวกาศ ที่เรานำความจริงมาบอกกันในวันนี้ในหัวข้อ 10 เรื่องแปลกจากห้วงอวกาศที่คุณอาจไม่เคยรู้
เครดิต :
แหล่งที่มา : kapook

ที่มา :http://www.toptenthailand.com

10. น้ำแข็งบนดาวพลูโตแข็งกว่าโลหะ

ว่ากันว่าบน โลกของเรายิ่งสูงยิ่งหนาว แต่สำหรับดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเรานั้นคงต้องใช้คำว่า ยิ่งไกลยิ่งหนาว โดยพิสูจน์ได้จากอุณภูมิบนดาวพลูโตที่มีอุณหภูมิติดลบถึง 234.4 องศาเซลเซียส ซึ่งว่ากันว่าน้ำแข็งที่อยู่บนพื้นผิวของดาวพลูโตแข็งแรงกว่าโลหะที่อยู่บน โลกของเราเสียอีก

 

9. ดวงจันทร์เรืองแสงได้

ในระหว่างที่ โครงการอพอลโลอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจ นักบินอวกาศได้รายงานว่า มีแสงสลัวส่งประกายออกมาจากดวงจันทร์คล้ายๆ กับอากาศในชั้นบรรยากาศ แต่ทว่าดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศอย่างเช่นโลกของเรา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ให้คำอธิบายว่า แสงดังกล่าวน่าจะเป็นแสงสะท้อนจากอนุภาคเล็กที่ลอยตัวอยู่เหนือพื้นผิวดวง จันทร์ ไม่ใช่การเรืองแสงแต่อย่างใด

 

8. ดวงอาทิตย์หดตัว

ทุกๆ การปะทุของลมสุริยะที่พวยพุ่งออกจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์แต่ละครั้ง จะสูญเสียมวลรวมไปราวๆ 2 ล้านกิโลกรัมต่อวินาที คล้ายกับคนที่กำลังอดอาหารแล้วต้องสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปนั่นแหละ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะบนดวงอาทิตย์จะเกิดลมสุริยะมาแล้วกี่ครั้งกี่ครา แต่ทว่าดวงอาทิตย์ก็ยังคงมีขนาดที่ใหญ่โตและสามารถให้แสงสว่างได้อยู่เสมอ

 

7. โลหะต่อติดแบบอัตโนมัติ

 

โดยปกติแล้ว การเชื่อมติดวัตถุที่เป็นโลหะจะต้องใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อเข้ามาช่วย แต่เมื่อในห้วงอวกาศเราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย เพราะโลหะจะเชื่อมติดกันโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า เชื่อมแบบเย็น (Cold Welding) ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวทำให้ทางนาซาจำเป็นต้องเคลือบชิ้นส่วนของยานอวกาศ ด้วยสารป้องกันการเกาะติด เพื่อป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนของยานอวกาศติดกันนั่นเอง

 

6. โลกอาจมีดวงจันทร์ดวงที่ 2

ในปี ค.ศ. 1986 นักวิทยาศาสตร์นามว่า ดันแคน วอลดรอน ค้นพบวัตถุแปลกประหลาดโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะวงรี แต่ต่อมาวัตถุดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะกลับมาโคจรรอบโลก และสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นบริวารหรือดวงจันทร์ดวงที่ 2 ของเรา อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันนี้มีการค้นพบวัตถุในลักษณะเดียวกันนี้อีก 3 ดวงแล้ว แต่ถูกจัดให้อยู่ในฐานะดาวเคราะห์น้อยอยู่

 

5. แสงอาทิตย์มีอายุมากกว่า 30,000 ปี

เชื่อหรือไม่ ว่าแสงอาทิตย์ที่เรามองเห็นอยู่ทุกๆ วันมีอายุมากกว่า 30,000 ปีแล้ว นับตั้งแต่มีพลังงานเกิดขึ้นในแกนกลางของ และแทรกซึมผ่านทุกอนุภาคของดวงอาทิตย์ จนกระทั่งเปล่งแสงออกมาจากพื้นผิวและกระจายไปทั่วทั้งห้วงอวกาศ โดยแสงเหล่านั้นถูกส่งต่อมายังโลกของเราภายใน 8 นาทีเท่านั้น โดยพิสูจน์จากความเปลี่ยนแปลงของพื้นผิว

 

4. ดวงจันทร์เคลื่อนตัวห่างจากโลกปีละ 3.8 เซนติเมตร

ดวงจันทร์ที่ เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างที่ใครๆ คิดกันหรอก เพราะในทุกๆ ปีดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวห่างจากโลกออกไปราวๆ 3.8 เซนติเมตรต่อปี สาเหตุนั้นก็สืบเนื่องมาจากที่โลกหมุนรอบตัวเองเร็วกว่ารอบโคจรของดวงจันทร์ ซึ่งแรงกระทำดังกล่าวเป็นแรงกระทำเดียวกับที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำ ลงนั่นเอง นอกจากนี้ยังทำให้โลกโคจรรอบตัวเองช้าลง 0.002 วินาทีทุกๆ ศตวรรษด้วย แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวออกจากโลกเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายไปจากการเป็นบริวารของโลกได้ง่ายๆ เพราะการเคลื่อนที่ออกจากโลกปีละเพียง 3.8 เซนติเมตรนั้นช่างน้อยนิดจนเรียกได้ว่า อีกล้านปีก็ยังไม่มีผลกระทบใดๆ กับโลกเลย

 

3. ของเหลวกลมดิ๊กเมื่ออยู่บนอวกาศ

หากว่าไปตาม ทฤษฎีของวิทยาศาสตร์ รูปร่างของของเหลวจะเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ แต่เมื่อของเหลวอยู่ภายใต้สภาวะไร้น้ำหนัก หากระเซ็นออกมาจากภาชนะหรือร่างกายของคน ก็จะแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นทรงกลมทันทีภายใต้ผิวน้ำที่เรียบตึงราวกับมี พลาสติกห่อหุ้มอยู่

 

2. ดาวเสาร์เบาจนลอยน้ำได้

คุณอาจจะเคย ทราบมาว่า ดาวเคราะห์บางดวงในระบบสุริยะเกิดขึ้นจากการจับตัวของกลุ่มก๊าซ แต่คุณอาจจะยังไม่ทราบว่าดาวเสาร์ มีน้ำหนักเบาขนาดที่ว่าสามารถลอยตัวอยู่บนน้ำได้เลย เพราะมีความหนาแน่แค่เพียง 0.687 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในขณะที่ความหนาแน่นของน้ำอยู่ที่ 0.998 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร

 

1. ควอซาร์ แสงลึกลับที่ขอบจักรวาล

แสงลึกลับที่ส่องมาจากเส้นขอบจักรวาล โดยแรกในช่วงแรกๆ นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นอะไร แต่หลังจากที่มีการค้นพบและสำรวจ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าน่าจะเป็นวัตถุที่มีแสงสว่างเจิดจ้า ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณร้อยล้านปีแสง และสามารถปล่อยพลังงานมากกว่ากาแลกซี่ทางช้างเผือกถึง 1,000 เท่า

 

ขอขอบคุณที่มา http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20131029123508631


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที