ใครจะไปรู้หากวันหนึ่งแบตเตอรี่รถยนต์ดันหมด แล้วคุณต้องเปลี่ยนแบตเอง ! แหม่อะไรจะขนาดนั้นที่กำลังจะบอกคือ การเปลี่ยนเนี่ยไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพียงแต่ต้องรู้อาการ ประเภท แล้วก็วิธีเปลี่ยนเสียก่อนเท่านั้นเอง ปัญหาเรื่องแบตเสื่อมสภาพนี้พบได้ในรถทุกรุ่น ทุกคัน และทุกคน ! วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เรื่องการเปลี่ยนแบตรถยนต์มาฝาก เผื่อไว้วันข้างหน้าคุณจะได้เปลี่ยนเอง อิอิ เอาล่ะมาเริ่มกันที่...
แบตรถยนต์ คืออะไร
เจ้าตัวนี้คือเรื่องเก็บไฟฟ้าสำรองจ่ายพลังงานแทน ไดร์ชาร์ท(ตัวจ่ายไฟหลัก) ที่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ทัน เมื่อเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้น แบตรถยนต์จะเริ่มทำหน้าที่จ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองไปยังเครื่องยนต์ทดแทน จนกว่าไดร์ชาร์ทจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ พลังงานไฟฟ้าที่เหลือใช้จะส่งกลับคืนไปที่ตัวแบตเตอรี่คล้ายกับการชาร์ตแบตนั่นเอง แต่ในโลกความจริงช่างโหดร้าย เพราะเราอาจต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนอย่าง แบตเตอรี่รถเสื่อม ว้า...ทำเอาหัวหมุนกันเลยทีเดียว
อาการที่แสดงออกว่า “แบตเตอรี่รถเสื่อม”
- ไฟหน้าอ่อน อย่างเห็นได้ชัด
- ระบบไฟฟ้าทำงานช้า
- ต้องเติมน้ำกลั่นอยู่บ่อย ๆ
- เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก
แบตรถยนต์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
แบตเตอรี่รถยนต์มีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ แบตแบบเปียก แบตแบบแห้ง และแบบกึ่งแห้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.แบบเปียก คือ แบตที่ต้องเติมน้ำกลั่น โดยช่องสำหรับเติมจะอยู่ด้านบนของตัวแบต ความถี่ในการเติมอยู่ที่รุ่นของแบต บางรุ่นเติม 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออีกรุ่นเติมไม่บ่อย นาน ๆ ที และอายุการใช้งานของแบตแบบเปียกนี้อยู่ราว ๆ 1.5 – 2 ปี
2.แบบแห้ง คือ แบตที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น และไม่มีช่องสำหรับรองน้ำกลั่น มีอายุการใช้งานราว ๆ 5 – 10 ปี แต่ราคาแพงใช่เล่น
3.แบบกึ่งแห้ง คือ แบตที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยเท่าแบบเปียก มีช่องให้เติมน้ำกลั่น หมั่นตรวจสอบระดับน้ำปีละ 1-2 ครั้ง แต่อายุการใช้งานไม่นานเท่าแบบเปียก
หากต้องเปลี่ยนแบตนอกสถานที่ ต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง ทำอย่างไร
อุปกรณ์ที่จำเป็นได้แก่…
- แบตรถยนต์ตัวใหม่
- จารบี และถึงมือ
- เครื่องมือสำหรับช่าง
เมื่อเราจัดแจงอุปกรณ์จนครบเรียบร้อย เท่านี้เราก็เตรียมพร้อมสำหรับศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึงได้อย่างไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว โดยการเปลี่ยนแบตรถยนต์ มีวิธีตามนี้
1.ก่อนอื่น เช็กให้แน่ใจว่ารถของเราจอดนิ่งสนิท ดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจ ให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัย
2.ถอดสายขั้วลบก่อน แล้วถอดสายขั้วบวกตาม ยกแบตตัวเก่าออก ใส่ตัวใหม่แทนที่
3.เสียบสายขั้วบวกขันน็อตให้แน่น แล้วทำเหมือนกันกับขั้วลบ ระวังหากขันน็อตไม่แน่นกระแสไฟฟ้าอาจรั่ว ทำให้สามารถสตาร์ทรถไม่ติด
4.ฉีดจารบีเพิ่มอายุการใช้งานแบต แล้วลองสตาร์ทรถดู เท่านี้เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
สรุป
เมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาโลกแตกอย่างการ “เปลี่ยนแบต” รถยนต์ ที่ใคร ๆ ต่างก็ไม่อยากเจอนั้น ความจริงแล้วมีวิธีการเปลี่ยนที่ง่าย แต่ต้องมีสติ ทุกขั้นตอนมีความสำคัญ หากไม่อยากเปลี่ยนเองสิ่งสำคัญที่ควรทำอยู่บ่อย ๆ คือการเช็คแบตเตอรี่ รถยนต์ของคุณให้ดีก่อนออกเดินทางเสมอ และคอยหมั่นนำรถเข้าศูนย์ตรวจเช็คสภาพ เท่านี้จะไม่มีปัญหาโลกแตกมากวนใจคุณอีกต่อไป
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
