Teerayoot

ผู้เขียน : Teerayoot

อัพเดท: 11 พ.ค. 2007 15.41 น. บทความนี้มีผู้ชม: 35583 ครั้ง

รอยเท้าถึงแม้จะเล็ก แต่ถ้ามันเป็นรอยเท้าของเราเองแต่คุณค่ามันยิ่งใหญ่ หวังว่ารอยเท้าเล็กๆที่แดนซามูไรจะมีค่ากับทุกคนนอกเสียจากตัวผมเอง


มัตซูชิม่า松島) คือ เกาะ (島) กับ ต้นสน( 松)

 พ.ศ. 2549 ปลายฤดูร้อน  ยามเที่ยง  แสงแดดแรง

                บริเวณด้านหน้าผมเวลานี้ คือ มัตซูชิม่า(松島) ซึ่งเป็นกลุ่มของหมู่เกาะ   ที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะต่างๆ ที่มากถึง 260 เกาะ  ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งของอำเภอมิยากิ  ในเขตโทโฮคุ  

 

                มัตซูชิม่า มาจากชิม่า() ที่แปลว่า เกาะ  กับมัตซู ที่แปลว่า ต้นสน( )  

                ดังนั้น มัตซูชิม่าจึงหมายความถึงหมู่เกาะที่ปกคลุมไปด้วยต้นสน ตามชื่อเรียกและไม่ว่าเวลาจะหมุนวนผ่านมานานแค่ไหน   ที่นี้ก็ยังคงเป็นหมู่เกาะที่ปกคลุมไปด้วยต้นสน

                จนถึงเวลานี้คงจะมีภาพสถานที่แห่งนี้เผยแพร่ไปทั่วโลกไม่รู้สักกี่พันกี่หมื่นภาพ

                แต่ไม่ว่าจะเป็นภาพจากปลายนิ้วของช่างภาพระบือนามคนใดหรือจากกล้องคอมแพ็ค(compact camera) ราคาถูกจากฝีมือของนักท่องเที่ยวจากกรุ๊ปทัวร์คนใด    มันก็ผ่านการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า  ไม่มีสักภาพเดียวเลยที่พอจะทัดเทียมกับภาพที่ปรากฎตรงหน้าของผมตอนนี้   จนผมอยากที่จะเอ่ยประโยคที่คงจะถูกเอ่ยมาแล้วซ้ำๆ ว่า   “美しい “- งดงามยิ่ง

 นี้อาจเป็นคำตอบในตัวเอง ว่าเหตุใด  หมู่เกาะมัตสุชิม่า จึงได้รับการยกย่องด้วยการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 ทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น (nihon san-kei หรือ the three great views of Japan) มากว่า 275 ปี    เมื่อ Hayashi จดลงไปในหนังสือ ความสวยงามทางธรรมชาติของญี่ปุ่น(Japan’s Scenic Beauty)

มัตซูชิม่า อา , มัตซูชิม่า!

อา, มัตซูชิม่า, อา!

มัตซูชิม่า, อา!

นี้คือ บนกวีไฮคุ(haiku) ที่เชื่อกันว่าเป็นของมหากวี Matsuo Bashō  ที่เขียนเกี่ยวกับที่นี้

แม้เวลาจะผ่านมานาน แต่ผมคิดว่า ความงามที่ปรากฎต่อเบื้องหน้ามหากวี มิได้ด้อยลดลงแม้แต่น้อย     ผมค่อยๆ เหม่อมองทิวทัศน์บริเวณอ่าวที่อยู่ด้านหน้าของสถานีรถไฟ  Matsushima Kaigan เช่นเด็กน้อยที่ได้ขนมอมยิ้มแล้วค่อยอมให้หมดอย่างช้าๆ    หลังจากเดินออกมาจากสถานีและรับเอกสารจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของที่นี้   และค่อยเดินไปยังพิพิทธพันธ์สัตว์น้ำที่อยู่ใกล้ๆ
  

อควาเลียมนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2470 นับได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้ผมต้องตัดสินใจเลือกที่จะไปและไม่ไปในบางมุมบางด้านของมัตสุชิม่า


         ผมเลือกที่จะเริ่มต้นรสหวานแรกของอมยิ้มอันนี้ที่เกาะโอชิม่า  (
Oshima Island ) ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งอยู่ถัดจากอาควาเลี่ยม(Aquarium) นั้นเอง 
              
        พลิกเปิดไปในกระดาษที่ปรินท์มามีรายละเอียดบอกไว้เล็กน้อยว่า เกานี้เชื่อมต่อกับแผ่นดินด้วยสะพาน Togetsukyo       และเกาะนี้เคยใช้เป็น ที่ปลีกวิเวกของพระ    ครั้งหนึ่งในอดีตผู้หญิงห้ามขึ้นมาบนเกาะนี้      ดังนั้น ผู้หญิงอย่างผม (ล้อเล่น) จึงไม่ยอมพลาดโอกาศอันสำคัญนี้อย่างเด็ดขาด     

              เมื่อผมขึ้นไปบนเกาะจึงผจญกับรูปสลักทางศาสนาเต็มเกาะ(เล็กๆ) นี้เลยทีเดียว      แต่ทิวทัศน์จากเกาะที่เล็กและเงียบสงบแห่งนี้ที่กระแทกเข้ามาที่เบ้าตาของผมอย่างจังและรุนแรงก็ทำให้ผมตาร้อนอิจฉาคนญี่ปุ่นขึ้นมาทันทีและรู้สึกคุ้มค่าที่เดินขึ้นมา


          แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เพราะถ้าต้องการเห็นวิวทิวทัศน์ที่ดีกว่าเกาะนี้   ก็จะต้องเดินจากเกาะนี้ไปยังอีกเกาะคือ
Sokan-zan กับ Ogidani ซึ่งจะให้ทิวทัศน์ของอ่าวที่ไกลเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาและถ้าหันหลังกลับมาก็จะเห็นพื้นหลังของฉากเป็นภูเขาตระง่านง้ำ     และที่สำคัญ มีเก้าอี้ให้นั่งกินลมชมวิว แกะสิว เล่นกล้าม ได้อย่างสบายอารมณ์     

        แต่ผมก็คงได้แค่มองผ่านแล้วบันทึกความทรงจำด้วยกล้องคอมแพคของผม แล้วก็ค่อยเดินจากมาด้วยความอาวรณ์ในความตระการตาของทิวทัศท์เบื้องหน้า เพราะผมจะต้องรีบไปยังอีกเกาะหนึ่ง    แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังถึงเกาะ Godaido ซึ่งถือได้ว่าเป็นเหมือนเพชรหัวแหวนของมัตซุชิม่าเลยทีเดียว


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที