พ.ศ. 2549 ปลายฤดูร้อน ยามเที่ยง แสงแดดแรง
บริเวณด้านหน้าผมเวลานี้ คือ มัตซูชิม่า(松島)
ซึ่งเป็นกลุ่มของหมู่เกาะ ที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะต่างๆ
ที่มากถึง 260 เกาะ
ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งของอำเภอมิยากิ
ในเขตโทโฮคุ
มัตซูชิม่า มาจากชิม่า(島)
ที่แปลว่า เกาะ กับมัตซู ที่แปลว่า
ต้นสน( 松)
ดังนั้น มัตซูชิม่าจึงหมายความถึงหมู่เกาะที่ปกคลุมไปด้วยต้นสน
ตามชื่อเรียกและไม่ว่าเวลาจะหมุนวนผ่านมานานแค่ไหน
ที่นี้ก็ยังคงเป็นหมู่เกาะที่ปกคลุมไปด้วยต้นสน
จนถึงเวลานี้คงจะมีภาพสถานที่แห่งนี้เผยแพร่ไปทั่วโลกไม่รู้สักกี่พันกี่หมื่นภาพ
แต่ไม่ว่าจะเป็นภาพจากปลายนิ้วของช่างภาพระบือนามคนใดหรือจากกล้องคอมแพ็ค(compact camera) ราคาถูกจากฝีมือของนักท่องเที่ยวจากกรุ๊ปทัวร์คนใด
มันก็ผ่านการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า
ไม่มีสักภาพเดียวเลยที่พอจะทัดเทียมกับภาพที่ปรากฎตรงหน้าของผมตอนนี้
จนผมอยากที่จะเอ่ยประโยคที่คงจะถูกเอ่ยมาแล้วซ้ำๆ ว่า 美しい
-
งดงามยิ่ง
นี้อาจเป็นคำตอบในตัวเอง ว่าเหตุใด หมู่เกาะมัตสุชิม่า
จึงได้รับการยกย่องด้วยการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3
ทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น
(nihon san-kei
หรือ
the
three great views of
มัตซูชิม่า
อา , มัตซูชิม่า!
อา,
มัตซูชิม่า, อา!
มัตซูชิม่า,
อา!
นี้คือ
บนกวีไฮคุ(haiku) ที่เชื่อกันว่าเป็นของมหากวี
Matsuo Bashō ที่เขียนเกี่ยวกับที่นี้
แม้เวลาจะผ่านมานาน
แต่ผมคิดว่า ความงามที่ปรากฎต่อเบื้องหน้ามหากวี มิได้ด้อยลดลงแม้แต่น้อย ผมค่อยๆ เหม่อมองทิวทัศน์บริเวณอ่าวที่อยู่ด้านหน้าของสถานีรถไฟ Matsushima
Kaigan
เช่นเด็กน้อยที่ได้ขนมอมยิ้มแล้วค่อยอมให้หมดอย่างช้าๆ หลังจากเดินออกมาจากสถานีและรับเอกสารจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของที่นี้
และค่อยเดินไปยังพิพิทธพันธ์สัตว์น้ำที่อยู่ใกล้ๆ
อควาเลียมนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่
พ.ศ. 2470 นับได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้ผมต้องตัดสินใจเลือกที่จะไปและไม่ไปในบางมุมบางด้านของมัตสุชิม่า
ผมเลือกที่จะเริ่มต้นรสหวานแรกของอมยิ้มอันนี้ที่เกาะโอชิม่า (Oshima Island ) ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งอยู่ถัดจากอาควาเลี่ยม(Aquarium)
นั้นเอง
พลิกเปิดไปในกระดาษที่ปรินท์มามีรายละเอียดบอกไว้เล็กน้อยว่า
เกานี้เชื่อมต่อกับแผ่นดินด้วยสะพาน
Togetsukyo และเกาะนี้เคยใช้เป็น ที่ปลีกวิเวกของพระ ครั้งหนึ่งในอดีตผู้หญิงห้ามขึ้นมาบนเกาะนี้
ดังนั้น ผู้หญิงอย่างผม (ล้อเล่น)
จึงไม่ยอมพลาดโอกาศอันสำคัญนี้อย่างเด็ดขาด
เมื่อผมขึ้นไปบนเกาะจึงผจญกับรูปสลักทางศาสนาเต็มเกาะ(เล็กๆ)
นี้เลยทีเดียว
แต่ทิวทัศน์จากเกาะที่เล็กและเงียบสงบแห่งนี้ที่กระแทกเข้ามาที่เบ้าตาของผมอย่างจังและรุนแรงก็ทำให้ผมตาร้อนอิจฉาคนญี่ปุ่นขึ้นมาทันทีและรู้สึกคุ้มค่าที่เดินขึ้นมา
แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เพราะถ้าต้องการเห็นวิวทิวทัศน์ที่ดีกว่าเกาะนี้
ก็จะต้องเดินจากเกาะนี้ไปยังอีกเกาะคือ Sokan-zan กับ
Ogidani ซึ่งจะให้ทิวทัศน์ของอ่าวที่ไกลเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาและถ้าหันหลังกลับมาก็จะเห็นพื้นหลังของฉากเป็นภูเขาตระง่านง้ำ และที่สำคัญ
มีเก้าอี้ให้นั่งกินลมชมวิว แกะสิว เล่นกล้าม ได้อย่างสบายอารมณ์
แต่ผมก็คงได้แค่มองผ่านแล้วบันทึกความทรงจำด้วยกล้องคอมแพคของผม
แล้วก็ค่อยเดินจากมาด้วยความอาวรณ์ในความตระการตาของทิวทัศท์เบื้องหน้า
เพราะผมจะต้องรีบไปยังอีกเกาะหนึ่ง
แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังถึงเกาะ Godaido
ซึ่งถือได้ว่าเป็นเหมือนเพชรหัวแหวนของมัตซุชิม่าเลยทีเดียว
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที