AllYouShouldKnow

ผู้เขียน : AllYouShouldKnow

อัพเดท: 07 ก.พ. 2024 16.06 น. บทความนี้มีผู้ชม: 277142 ครั้ง

รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ


วิตามินบำรุงเพศชาย ตัวช่วยที่คุณผู้ชายไม่ควรมองข้าม

ถ้าจะกล่าวถึงปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย ก็จะเป็นอาการที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือ แข็งตัวไม่นาน เลยทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น ไม่มีความมั่นใจในชีวิตคู่ หรือไม่มีความมั่นใจในการที่จะมีกิจกรรมทางเพศ

ปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศจะพบได้มากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น และสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมีมาจากสาเหตุของความผิดปกติด้วยกัน เช่น ความผิดปกติจากเส้นเลือดในอวัยวะเพศ, ความผิดปกติจากภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย, ความผิดปกติจากภาวะทางจิตใจ และความผิดปกติจากระบบประสาท

เมื่อใดที่พบว่ามีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ก็ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาทางรักษา เพราะถึงแม้ว่าปัญหาทางเพศจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับบางชีวิตคู่ก็ตาม แต่มันก็อาจะเป็นสัญญาณการบ่งบอกถึงโรคภัยอื่น ๆ ได้เช่นกัน

แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะชะลอภาวะของความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ก็คือการบำรุงแต่เนิ่น ๆ ด้วยการใช้วิตามินบำรุงเพศชาย ที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักกันในบทความนี้

วิตามินบำรุงเพศชาย ตัวช่วยที่คุณผู้ชายไม่ควรมองข้าม


5 วิตามินบำรุงเพศชาย ที่หาได้จากแหล่งธรรมชาติ

เราจะมาแนะนำอาหารเสริมผู้ชาย ที่สามารถหาได้จากการรับประทานอาหารทั่ว ๆ ไป ซึ่งวิตามินเพิ่มสมรรถภาพเพศชาย ต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมไปถึงเป็นอาหารบำรุงสมรรถภาพเพศชายไปในตัวอีกด้วย โดยเราจะมาดูกันว่า วิตามินบำรุงเพศชายทั้ง 5 ตัวนั้น มีอะไรบ้าง

1. Vitamin B3 (Niacin)

วิตามินบำรุงเพศชายตัวแรก ก็คือ วิตามิน บี 3 ช่วยในเรื่องระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหาร และระบบไหลเวียนเลือด บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน ลดความดันเลือด บรรเทาอาการท้องร่วง ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ วิตามิน บี 3 มีความจำเป็นต่อระบบประสาทและการทำงานของสมองและสุขภาพ

จะพบแหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน บี 3 ได้ที่

ปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน คือ 13-19 มก.

วิตามิน บี 3 วิตามินบำรุงเพศชายที่พบได้ในเนื้อสัตว์

2. Vitamin D

วิตามินบำรุงเพศชายตัวถัดไป ก็คือ วิตามิน ดี จะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และมีผลต่อการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณอวัยวะเพศ รวมทั้งช่วยสร้าง ฮอร์โมนเพศชาย เช่น Testosterone ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นเป็นประโยชน์ในการช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย 

นอกจากนี้การทำกิจกรรมที่ได้รับแสงแดด อย่างน้อย 15 นาที จำนวน 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ในเวลาช่วงเช้า 6.00-8.00 น. หรือ ช่วงเย็น 16.00-18.00 น. แสงแดดที่ได้รับจะช่วยเปลี่ยนคอเลสเตอรอลในร่างกายให้เป็นวิตามินดีได้

วิตามิน ดี จะมีมากในอาหารต่อไปนี้

ปริมาณวิตามิน ดี ที่ร่างกายได้รับนั้น จะขึ้นกับอายุของแต่ละคน เช่น อายุ 1-70 ปี วันละ 600 iu (15 ไมโครกรัม)

3. Vitamin B9 (Folic Acid)

เมื่อได้กินวิตามิน บี 9 เข้าไป ร่างกายก็จะสังเคราะห์และดูดซึมนำไปใช้ในกระบวนการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อไป รวมทั้งการสลายกรดอะมิโน โฮโมซิสเทอิน ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อหลอดเลือดภายในร่างกาย

นอกจากนี้ประโยชน์ที่จะได้รับจาก วิตามิน บี 9 นั้น คือ ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพ ช่วยให้เจริญอาหารเมื่อร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย

วิตามิน บี 9 พบได้มากใน

ปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน คือ 180-200 มก.

วิตามิน บี 9 วิตามินบำรุงเพศชายที่พบได้ใบผักใบเขียวเข้ม

4. Vitamin C (Ascorbic Acid)

วิตามิน ซี สำหรับวิตามินบำรุงเพศชายตัวนี้มีสรรพคุณในการช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดไปที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมไปถึงบริเวณอวัยวะเพศด้วย อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์อสุจิมีความแข็งแรง สมบูรณณ์ 

วิตามิน ซี สามารถหาได้จากแหล่งธรรมชาติ คือ

ปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน คือ ไม่เกิน 2000 มก.

วิตามิน ซี หนึ่งในวิตามินบำรุงเพศชาย

5. L-Arginine

L-Arginine จัดว่าเป็นกรดอะมิโนตัวหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องมี เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นในการสร้างไนตริก

ออกไซด์ (Nitric Oxide) ที่จะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ให้เลือดไหลเวียนได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้ในการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพราะส่งผลให้สมองได้หลั่งสารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้และยังช่วยเรื่องของการแข็งตัวของอวัยวะเพศอีกด้วย

L-Arginine สามารถหาได้จากแหล่งธรรมชาติ คือ อาหารทะเล, ถั่วชนิดต่าง ๆ, ผักโขม, ไข่แดง, ข้าวโพดคั่ว, ช็อกโกแลต, ขนมปังโฮลวีท, ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต เป็นต้น ปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน คือ ไม่เกิน 20-30 มก.

สรุป

สำหรับผู้ชายวัยทำงานที่คร่ำเคร่งทำงานหนักเพื่อสร้างชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จนไม่มีเวลาในการเติมเต็มความสัมพันธ์กับคู่ชีวิต กว่าจะตระหนักได้ถึงปัญหานี้ ก็อาจจะสายเกินไปแล้ว

ซึ่งปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จะเริ่มเกิดขึ้นเมื่ออายุพ้น 35 ปี โดยจะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ออกมาจากร่างกาย เช่น ความเหนื่อยล้าง่าย ไม่อึดทนเหมือนเก่า สามารถจัดได้ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของวัยทอง หรืออยู่ในภาวะของฮอร์โมนเพศชาย เริ่มลดลง

แน่นอนว่ายังไม่สายเกิน หากเริ่มบำรุงร่างกาย ดูแลสุขภาพกันแต่เนิ่น ๆ ด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ และอาจเติมด้วยวิตามินบำรุงเพศชาย หรืออาหารเสริมฮอร์โมนเพศชาย ตามที่แนะนำไว้ข้างต้น เพื่อช่วยให้ชะลอปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของเราได้

บำรุงสมรรถภาพทางเพศ ด้วยวิตามินบำรุงเพศชาย


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที