GIT Information Center

ผู้เขียน : GIT Information Center

อัพเดท: 30 พ.ย. 2021 13.55 น. บทความนี้มีผู้ชม: 1044 ครั้ง

เครื่องประดับที่แสนงดงามที่เคยเป็นของขวัญในการอภิเษกสมรสระหว่างจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และอาร์คดัชเชสมารี หลุยส์ เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ การเดินทางของมงกุฎที่เต็มไปด้วยเรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร และเกิดอะไรขิึ้นเมื่อของขวัญดังกล่าวได้ถูกส่งต่อไปยัง Van Cleef & Arpels สามารถติดตามการเดินทางดังกล่าวได้จากบทความนี้


เรื่องเล่าขานของมงกุฎแห่งจักรพรรดินีมารี หลุยส์

            ภายหลังจากที่จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และจักรพรรดินีโจเซฟีนตัดสินใจหย่าร้างกัน ด้วยสาเหตุที่จักรพรรดินีโจเซฟีนไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 จึงได้สมรสครั้งใหม่กับอาร์คดัชเชสมารี หลุยส์ แห่งออสเตรีย เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1810 

            “อาร์คดัชเชสมารี หลุยส์ แห่งออสเตรีย” (Archduchess Marie Louise of Austria) ประสูติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 1791 ณ กรุงเวียนนา เป็นพระธิดาองค์โตในจักรพรรดิฟรานซิสที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Emperor Francis II of Holy Roman Empire) และจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่า (Empress Maria Theresa) พระองค์ทรงมีศักดิ์เป็นหลานของพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ ราชินีผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์

            เมื่ออายุได้ 18 ชันษา อาร์คดัชเชสมารี หลุยส์ ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ซึ่งนอกจากความต้องการที่จะมีทายาทแล้ว การอภิเษกสมรสครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองเป็นสำคัญ ด้วยจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ต้องการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและความยิ่งใหญ่ให้ทัดเทียมราชวงศ์อื่นๆ ในยุโรป

จักรพรรดินีมารี หลุยส์ แห่งฝรั่งเศส

ภาพจาก: Pinterest

            ในการอภิเษกสมรสครั้งนี้ จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ได้มอบของขวัญให้แก่อาร์คดัชเชสมารี หลุยส์ ว่าที่จักรพรรดินีพระองค์ใหม่ อันได้แก่ชุดเครื่องประดับซึ่งประกอบด้วยมงกุฎ 1 องค์ สร้อยคอ 1 เส้น และต่างหู 1 คู่ ทั้งหมดนี้ถูกรังสรรค์ด้วยมรกตและเพชร บนตัวเรือนที่ทำด้วยทองคำและเงิน โดยดาวเด่นของเครื่องประดับชุดนี้อยู่ที่มงกุฎซึ่งประดับประดาด้วยมรกตจำนวน 79 เม็ด แซมด้วยเพชรอีกกว่า 1,000 เม็ด (ราว 700 กะรัต) 

            ภายหลังจากที่จักรวรรดิฝรั่งเศสล่มสลายในปี 1814 จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ทรงสละราชสมบัติ และอพยพไปพำนักยังเกาะเอลบา ในประเทศอิตาลี ส่วนจักรพรรดินีมารี หลุยส์ ทรงประสงค์ที่จะเสด็จกลับออสเตรีย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งสองพระองค์ก็ไม่ได้พบกันอีกเลย

            เมื่อครั้งเดินทางกลับมายังแผ่นดินเกิดในออสเตรีย จักรพรรดินีมารี หลุยส์ ทรงนำทรัพย์สมบัติบางส่วนกลับมาด้วย หนึ่งในนั้นคือชุดเครื่องประดับมรกตที่ได้รับเป็นของขวัญในวันอภิเษก ต่อมาเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ในเดือนธันวาคม 1847 เครื่องประดับชุดดังกล่าวกลายเป็นมรดกตกทอดเรื่อยมาในหมู่สมาชิกราชวงศ์ฮัฟบวร์ก  

            จนกระทั่งปี 1953 เครื่องประดับชุดนี้ได้ถูกจำหน่ายให้กับ Van Cleef & Arpels กิจการเครื่องประดับชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศส และด้วยขนาดและคุณภาพของมรกต กอปรกับโอกาสทางการค้าที่จะเกิดขึ้นจากเครื่องประดับเหล่านี้ Van Cleef & Arpels ได้ตัดสินใจถอดมรกตทั้ง 79 เม็ด ออกจากมงกุฎของจักรพรรดินีมารี หลุยส์ เพื่อนำไปประดับบนเครื่องประดับที่ทำขึ้นใหม่จำนวนหลายชิ้น ขณะที่สร้อยคอ และต่างหู ยังคงอยู่ในสภาพเดิม และได้ถูกนำไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre) ในกรุงปารีส

สร้อยคอและต่างหูมรกตประดับเพชรของจักรพรรดินีมารี หลุยส์ แห่งฝรั่งเศส

ภาพจาก: พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (https://www.louvre.fr)

            สำหรับตัวมงกุฎนั้น ในปี 1962 Van Cleef & Arpels ได้ประดับเทอร์คอยส์คุณภาพดีจากเปอร์เซียจำนวน 79 เม็ด น้ำหนักรวม 540 กะรัต ทดแทนมรกตที่ถูกถอดออกไป ก่อนจะนำไปจัดแสดงเคียงคู่กับสร้อยคอและต่างหูที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ 

            เมื่อ มาร์จอรี เมอร์ริวเธอร์ โพสต์ (Majorie Merriweather Post) นักธุรกิจ เศรษฐีนี และนักสะสมงานศิลปะและเครื่องประดับชาวอเมริกันได้เห็นมงกุฎประดับเทอร์คอยส์องค์นี้ เธอไม่รีรอที่จะได้ติดต่อขอซื้อมาจาก Van Cleef & Arpels ก่อนจะบริจาคให้กับสถาบันสมิธโซเนียน ในปี 1971

มงกุฎของจักรพรรดินีมารี หลุยส์ ที่ถูกประดับด้วยเทอร์คอยส์

ภาพจาก: สถาบันสมิทโซเนียน

            ปัจจุบันมงกฎของจักรพรรดินีมารี หลุยส์ องค์นี้ ยังถูกจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแห่งชาติ สถาบันสมิธโซเนียน (National Museum of Natural History, Smithsonian Institute) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา 

 

ข้อมูลอ้างอิง


1. The Royal Order of Sartorial Splendor. (March 27, 2014). Tiara Thursday: The Marie Louise Diadem. Retrieved May 31, 2019 from http://orderofsplendor.blogspot.com/2014/03/tiara-thursday-marie-louise-diadem.html
2. Smithsinion: National Museum of Natural History. Marie Louise Diadem. Retrieved May 31, 2019 https://geogallery.si.edu/10002698/marie-louise-diadem
3. History of Royal Women. (August 3, 2018). The Bonaparte Women: Marie Louise of Austria. Retrieved on May 31, 2019 from https://www.historyofroyalwomen.com/marie-louise-of-austria/the-bonaparte-women-marie-louise-of-austria

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที