healthywriter

ผู้เขียน : healthywriter

อัพเดท: 07 มี.ค. 2022 16.15 น. บทความนี้มีผู้ชม: 500 ครั้ง

นอกจากการเติมเต็ม ทดแทนสิ่งที่เคยมีในชั้นผิวหนังแล้ว ฟิลเลอร์สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาโครงสร้างของใบหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการทรุดตัวของโครงกระดูกบนใบหน้า ปัญหาไขมันชั้นลึก ชั้นตื้น และใต้ผิวหนัง


6 ข้อปฏิบัติ หลังการฉีดฟิลเลอร์ ดูแลอย่างไรไม่เสี่ยงหน้าพัง

ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารที่สามารถนำมาฉีดเพื่อทดแทนสิ่งที่เคยมีอยู่ในชั้นผิวหนัง เติมเต็มส่วนต่างๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง โดยในปัจจุบันสารเติมเต็มที่ได้รับการยอมรับและนิยมใช้มากที่สุด คือ Hyaluronic Acid ซึ่งมีโมเลกุลคล้ายผิวหนังของมนุษย์เรามากที่สุด

 

นอกจากการเติมเต็ม ทดแทนสิ่งที่เคยมีในชั้นผิวหนังแล้ว ฟิลเลอร์สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาโครงสร้างของใบหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการทรุดตัวของโครงกระดูกบนใบหน้า ปัญหาไขมันชั้นลึก ชั้นตื้น และใต้ผิวหนัง

 
6 ข้อปฏิบัติ หลังการฉีดฟิลเลอร์
 
ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและจุดที่ฉีด โดยทั่วไปมักจะมีอาการบวมและมีรอยฟกช้ำในบริเวณที่ฉีดประมาณ 2-3 วันหลังการรักษา ซึ่งหลังจากฟิลเลอร์รวมตัวกันในชั้นผิวหนังอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นในสองสัปดาห์ คุณจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างชัดเจน โดยมีข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ดังนี้
 
 

การสัมผัสไม่ว่าจะเป็น การจับ ลูบ นวดคลึง หรือสัมผัสแรงๆตรงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์นั้น อาจทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ได้ และทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อีกทั้งหากมีอาการคันหรือระคายเคือง ไม่ควรแคะแกะเกาโดยเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงต่อการอักเสบของผิวได้ ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัย



อาหารที่ไม่ปรุงสุก เช่น ของดิบหรือของหมักดอง อาจมีพยาธิอาศัยอยู่ ซึ่งอาจเพิ่มการอักเสบของแผลหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้ รวมไปถึงอาหารประเภทของเค็ม รสจัด ซึ่งจะมีผลต่อการดูดซึมน้ำเข้าสู่ร่างกาย ทำให้มีภาวะบวมน้ำ และอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบบนผิวหน้าได้ง่าย ทำให้แผลที่ฉีดฟิลเลอร์หายช้าลง



ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ร้อนจัดเช่น ซาวน่า อบไอน้ำ อบสมุนไพร รวมไปถึงการโดนแสงแดด เพราะจะส่งผลต่อการเซตตัวของฟิลเลอร์ และก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ผิว และอาการบวมมากขึ้น



แอลกอฮอล์อาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับการสลายของฟิลเลอร์ แต่แพทย์มักจะให้หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะส่งผลต่อการสมานแผล ทำให้เลือดออกบริเวณที่ฉีด หรือรอยเข็มหายช้าได้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์จะทำให้ขาดสติ ขาดความระมัดระวัง และเผลอไปนวด กด เท้าคางได้


การสูบบุหรี่ก็เช่นกัน โดยในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ส่งผลต่อการขยายของหลอดเลือด ทำให้บริเวณที่ฉีดหายช้าขึ้น หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้



ควรหลีกเลี่ยงยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพลิน ไอบูโพรเฟน และยาแก้อักเสบบางประเภทประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้า และเกิดอาการช้ำได้มากกว่าปกติ รวมไปถึงวิตามินที่มีผลทำให้เกิดรอยช้ำง่าย เช่น กิงโกะ กระเทียม โสม และวิตามินอี เป็นต้น


มากไปกว่านั้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA, Retinolds หรือผลิตภัณฑ์การย้อม แว็กซ์ และกำจัดขน ก็อาจส่งผลทำให้เกิดการระคายเคืองผิวในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ และเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อได้ เพราะบริเวณที่ฉีดจะมีความบอบบางเป็นอย่างมากในช่วงแรก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ในช่วงสัปดาห์แรก




เนื่องจาก Hyaluronic Acid เป็นสารที่สามารถอุ้มน้ำได้ดี การดื่มน้ำมากจะช่วยทำให้สารนี้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น คงทน และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวันในช่วงสัปดาห์แรกหลังการฉีดฟิลเลอร์



ข้อปฏิบัติทั้ง 6 ข้อนี้ล้วนเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆ และไม่เกินความสามารถของทุกคน ดังนั้นหากคุณอยากได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างชัดเจน ดูสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุด คุ้มค่ากับการลงทุน คุณควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 


หากมีข้อสงสัยในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ คุณสามารถติดต่อที่ Michiko Clinic ซึ่งมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 11 ปีในเรื่องของการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า โดยคุณหมอเน้นการดูภาพรวมของใบหน้าและฉีดให้เข้ากับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

 
 

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที