Rina

ผู้เขียน : Rina

อัพเดท: 11 เม.ย. 2022 13.57 น. บทความนี้มีผู้ชม: 578 ครั้ง

ถึงแม้ทุกคนจะเข้าใจว่าประกันอุบัติเหตุนั้นมีประโยชน์กับตัวเองยังไง แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่หลายคนมักจะสงสัยเกี่ยวกับประกันดังกล่าวคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่าทำไมค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุของตัวเราเอง, พ่อแม่ และลูกหลานถึงไม่เท่ากัน และเพื่อเป็นการตอบคำถามคาใจของใครหลายคน เราจึงได้จัดทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อพาทุกคนมาหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้ว อย่ามัวรอช้า รีบตามไปหาคำตอบกันด้านล่างนี้ได้เลย


4 สาเหตุที่ทำไมค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุของแต่ละคนถึงไม่เท่ากัน

 

ถึงแม้ทุกคนจะเข้าใจว่าประกันอุบัติเหตุนั้นมีประโยชน์กับตัวเองยังไง แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่หลายคนมักจะสงสัยเกี่ยวกับประกันดังกล่าวคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่าทำไมค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุของตัวเราเอง, พ่อแม่ และลูกหลานถึงไม่เท่ากัน และเพื่อเป็นการตอบคำถามคาใจของใครหลายคน เราจึงได้จัดทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อพาทุกคนมาหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้ว อย่ามัวรอช้า รีบตามไปหาคำตอบกันด้านล่างนี้ได้เลย

 

ประเภทของประกัน

 

ในปัจจุบันเราสามารถจำแนกประเภทของประกันอุบัติเหตุออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ประกันภัยรายบุคคล, ประกันภัยแบบกลุ่ม และประกันภัยสำหรับกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา โดยประกันสองประเภทหลังจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันในส่วนของการเป็นประกันที่ทางบริษัทและสถาบันการศึกษาจัดทำขึ้นให้กับบุคลากรและนักเรียน/นักศึกษาในสังกัด ซึ่งรายละเอียดตรงส่วนนี้จะต่างกับประกันรายบุคคลที่ผู้เอาประกันเป็นบุคคลเดียวที่จะมีสิทธิจะได้รับการคุ้มครองจากประกัน และจากสาเหตุดังกล่าวนั่งเองจึงทำให้ราคาของเบี้ยประกันบุคคลมักมีราคาสูงกว่าประกันภัยแบบกลุ่มและประกันภัยสำหรับนิสิต/ นักศึกษานั่นเอง

 

 

อาชีพ

 

อาชีพถือว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุของแต่ละคนต่างกัน โดยทางคปภ. ได้มีการจำแนกประเภทอาชีพของผู้ที่ทำประกันไว้ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ทำงานออฟฟิศ (กลุ่ม 1), กลุ่มที่ทำงานกลางแจ้ง (กลุ่ม 2), กลุ่มที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการผลิตและการใช้เครื่องจักร (กลุ่ม 3) และกลุ่มที่ทำงานที่มีความเสี่ยงสูง (กลุ่ม 4) ซึ่งหากเราอ้างอิงจากการจำแนกกลุ่มอาชีพแบบนี้ เราจะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ 4 นับว่ามีความเสี่ยงสูงมากที่สุด ดังนั้นจึงทำให้เบี้ยประกันของคนกลุ่มดังกล่าวมักมีราคาสูงกว่ากลุ่มอื่น ในขณะที่ค่าเบี้ยประกันของกลุ่มที่ 3, 2 และ 1 จะมีราคาที่ลดหลั่นกันไปตามลำดับ

 

 

ช่วงอายุ

         นอกเหนือไปจากอาชีพแล้ว อายุก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทางบริษัทประกันมักนำมาใช้คำนวณค่าเบี้ยประกันของผู้สมัครแต่ละคน โดยกลุ่มของผู้เอาประกันที่มีอายุมากกว่า 60 ปีมักจะมีค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละปีสูงกว่ากลุ่มของผู้เอาประกันที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ส่วนสาเหตุที่ต้องแบ่งช่วงอายุของผู้เอาประกันออกเป็น 2 ช่วงแบบนี้ก็เพราะว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีมักมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่ากลุ่มที่มีอายุน้อยกว่านั่นเอง

 

 

ความคุ้มครอง

 

         ข้อนี้ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุของแต่ละคนไม่เท่ากันเลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่เลือกซื้อประกันที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะกับในบางเหตุการณ์ เช่น การได้รับเงินประกันในกรณีเสียชีวิตหรือพิการ ก็สามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันในอัตราที่น้อยกว่าคนที่เลือกซื้อประกันที่ให้ความคุ้มครองรวมไปถึงค่ารักษาพยาบาล นอกเหนือไปจากเรื่องของความครอบคลุมในการให้ความคุ้มครองแล้ว จำนวนเงินเอาประกันก็ถือว่าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ค่าเบี้ยของแต่ละคนสูง-ต่ำต่าต่างกันอีกด้วย

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที