วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 09 มิ.ย. 2022 12.46 น. บทความนี้มีผู้ชม: 4281 ครั้ง

แสงอาทิตย์ทำให้ผิวของเราดำคล้ำ นั่นเป็นสื่งที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่อะไรข้างในแสงแดดที่ทำให้ผิวของเราคล้ำขึ้น นั่นคือ รังสีอัลตราไวโอเลต หรือเรียกอีกชื่อว่า รังสีเหนือม่วง มันเป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการแผ่ของดวงอาทิตย์ ซึ่งตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ และวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า ถึงคุณลักษณะของรังสีอัลตราไวโอเลต ประโยชน์ของมันมีอะไรบ้าง และมีผลเสียหรือไม่


SPF คืออะไร ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบเลือกครีมกันแดดที่มี spf เยอะ

spf คืออะไร ทำไมต้องใช้ครีมกันแดด

สิ่งสามัญประจำตัวที่ไม่ว่าใครก็ควรจะใช้ก็คือครีมกันแดดนั่นเองค่ะ ยิ่งกับประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนและแดดแรงมาก ๆ เมื่อเราไปเลือกซื้อครีมกันแดดจะพบว่ามีค่า SPF ค่า PA หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าค่า SPF คืออะไร SPF ย่อมาจากอะไร มีความสำคัญอย่างไรกับครีมกันแดด ยิ่งในครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากแปลว่าครีมกันแดดนั้นดีที่สุดจริง ๆ หรือไม่ มาหาคำตอบได้จากบทความนี้เลยค่ะ

เลือก spf ของครีมกันแดดให้เหมาะกับชีวิตประจำวันสำคัญที่สุด

spf คืออะไร เลือกครีมกันแดด spf เท่าไหร่ดี

เมื่อเราไปเลือกซื้อครีมกันแดดจะพบว่าแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่นนั้นจะมีค่า SPF ที่แตกต่างกัน ก่อนจะมาดูกันว่าค่า SPF ที่แตกต่างกันนั้นมีความสำคัญอย่างไรนั้นเราควรมาทำความรู้จักกับค่า SPF คืออะไรกันก่อนค่ะ

ค่า SPF ย่อมาจาก Sun Protecting Factor คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB โดยตัวเลขหลังค่า SPF จะเป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนเท่าของความสามารถในการป้องกันผิวจากรังสี UVB ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น SPF50 หมายความว่าสามารถป้องกันแสงแดดได้มากกว่าปกติเป็นเวลา 50 เท่าจากผิวปกติ ซึ่งผิวของแต่ละคนมีความสามารถในการทนแดดแตกต่างกันไปอีกค่ะ บางคนโดนแดดแปบเดียวก็เกิดผิวไหม้แดดแล้ว ในขณะที่บางคนอยู่กลางแจ้งได้นานโดยที่ผิวไม่ไหม้แดดเลย แต่โดยเฉลี่ยแล้วเวลาที่ผิวจะเกิดผิวไหม้แดดนั้นจะอยู่ในช่วง 10-20 นาทีหลังสัมผัสกับแสงแดดค่ะ 

ดังนั้นค่า SPF ที่เป็นจำนวนเท่านำมาคูณกับเวลาที่ผิวสามารถทนแดดได้โดยไม่ทาครีมกันแดด นั่นคือประสิทธิภาพการกันแดดจริง ๆ ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ผิวหนังของคุณจะถูกเบิร์นหลังจากสัมผัสกับรังสี UVB เป็นเวลา 10 นาที เมื่อคุณใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 ผิวหนังของคุณจะสามารถทนต่อแดดได้ยาวนานขึ้น ผิวของคุณจึงจะถูกเบิร์นหลังจากสัมผัสกับรังสี UVB เป็นเวลา 10 x 50 = 500 นาที หรือ 8 ชั่วโมงกว่า ๆ นั่นเองค่ะ

ในผลิตภัณฑ์กลุ่มครีมกันแดดมักจะมีค่า SPF กำกับอยู่บนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีค่า SPF แตกต่างกันไปในแต่ละสูตร คำถามแล้วค่า spf ที่ต่างกันนั้นมีผลต่อประสิทธิภาพในการกันแดดหรือไม่ คำตอบคือใช่ค่ะ มีผลต่อประสิทธิภาพในการกันแดดแน่นอน อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าค่า SPF คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่พบได้ในแสงแดด แปลว่ายิ่งค่า SPF มาก ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ก็ยิ่งปกป้องได้ยาวนานขึ้นนั่นเองค่ะ

แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกคนจะจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตประจำวัน ลักษณะงานที่ทำ หรือกิจกรรมที่ทำว่าพบเจอกับแสงแดด อยู่กลางแจ้งมากและบ่อยแค่ไหนค่ะ

SPF 5

ค่า SPF 5 คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่อยู่ภายในแดดที่สามารถทำให้ผิวไหม้แดดได้เป็นเวลา 5 เท่าจากผิวปกติ หากเฉลี่ยผิวสามารถทนต่อแดดได้ 10 นาที แปลว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 5 จะสามารถป้องกันและชะลอการเกิดผิวไหม้แดดเป็นเวลา 50 นาที ซึ่งโดยปกติแล้วครีมกันแดดที่ค่า SPF น้อยเกินไปอาจไม่เหมาะกับภูมิประเทศบ้านเราที่แดดแรงมาก ๆ สักเท่าไหร่ค่ะ

SPF 10

ค่า SPF 10 คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่อยู่ภายในแดดที่สามารถทำให้ผิวไหม้แดดได้เป็นเวลา 10 เท่าจากผิวปกติ หากเฉลี่ยผิวสามารถทนต่อแดดได้ 10 นาที แปลว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 10 จะสามารถป้องกันและชะลอการเกิดผิวไหม้แดดเป็นเวลา 100 นาทีหรือประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที สำหรับครีมกันแดดที่มีค่า SPF10 อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องอยู่ในที่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เนื่องจากประสิทธิภาพในการปกป้องผิวยังคงน้อยเกินไป แต่เหมาะกับผู้ที่อยู่ภายในอาคาร ที่ร่มเป็นหลักค่ะ

SPF 15

ค่า SPF 15 คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่อยู่ภายในแดดที่สามารถทำให้ผิวไหม้แดดได้เป็นเวลา 15 เท่าจากผิวปกติ หากเฉลี่ยผิวสามารถทนต่อแดดได้ 10 นาที แปลว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 จะสามารถป้องกันและชะลอการเกิดผิวไหม้แดดเป็นเวลา 150 นาทีหรือประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที และค่า SPF 15 สามารถดูดซับรังสี UVB ได้ถึง 93.3% นับเป็นค่าที่ค่อนข้างสูง หากไม่มีการทำกิจกรรมกลางแจ้งติดต่อกันนาน ๆ เน้นอยู่ที่ร่มเป็นหลักการใช้ครีมกันแดดค่า SPF 15 ก็มีประสิทธิภาพกันแดดเพียงพอ

SPF 30

ค่า SPF 30 คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่อยู่ภายในแดดที่สามารถทำให้ผิวไหม้แดดได้เป็นเวลา 30 เท่าจากผิวปกติ หากเฉลี่ยผิวสามารถทนต่อแดดได้ 10 นาที แปลว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 จะสามารถป้องกันและชะลอการเกิดผิวไหม้แดดเป็นเวลา 300 นาทีหรือประมาณ 5 ชั่วโมงและค่า SPF 30 สามารถดูดซับรังสี UVB ได้ถึง 96.7% เหมาะกับผู้ที่มีการออกไปที่กลางแจ้งบ้าง สำหรับคนไทยทั่วไปที่ไม่ได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งตลอดเวลาทั้งวัน การใช้ครีมกันแดดค่า SPF 30 ก็สามารถปกป้องผิวจากแดดได้ค่อนข้างดีแล้วค่ะ

SPF 50

ค่า SPF 50 คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่อยู่ภายในแดดที่สามารถทำให้ผิวไหม้แดดได้เป็นเวลา 50 เท่าจากผิวปกติ หากเฉลี่ยผิวสามารถทนต่อแดดได้ 10 นาที แปลว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 จะสามารถป้องกันและชะลอการเกิดผิวไหม้แดดเป็นเวลา 500 นาทีหรือประมาณ 8 ชั่วโมง 20 นาที และค่า SPF 50 สามารถดูดซับรังสี UVB ได้ถึง 98% ซึ่งเป็นค่าที่สูงมาก ๆ เหมาะกับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งตลอดทั้งวัน

SPF 60

ค่า SPF 60 คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่อยู่ภายในแดดที่สามารถทำให้ผิวไหม้แดดได้เป็นเวลา 60 เท่าจากผิวปกติ หากเฉลี่ยผิวสามารถทนต่อแดดได้ 10 นาที แปลว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 60 จะสามารถป้องกันและชะลอการเกิดผิวไหม้แดดเป็นเวลา 600 นาทีหรือประมาณ 10 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตาม ค่า SPF ที่สูงกว่า 50 มักจะให้ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ไม่ต่างจาก SPF 50 ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ระบุค่า SPF ที่มากกว่า 50 ได้ อย่างกรณีนี้ที่ครีมกันแดดมีค่า SPF เท่ากับ 60 แต่บนหน้าบรรจุภัณฑ์ครีมกันแดดจะแสดงเพียง SPF 50+ เท่านั้น


เพิ่มเติมเล็กน้อย

แนะนำครีมกันแดดที่มี spf เหมาะสม

หากคุณกำลังมองหาครีมกันแดดที่มีค่า spf เหมาะสมสำหรับตนเอง ควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่นภูมิประเทศที่เราอยู่ กิจกรรมที่ทำเป็นประจำ อย่างประเทศไทยที่เป็นประเทศเมืองร้อน ครีมกันแดดควรจะมีค่า spf อย่างน้อย 30 และหากเป็นคนที่มีกิจกรรมที่ต้องอยู่กลางแจ้งบ่อย ๆ นาน ๆ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า spf 50 จะช่วยปกป้องผิวเราไม่ให้เกิดอาการไหม้แดดได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

BIODERMA PHOTODERM MAX AQUAFLUIDE SFP50+ ป้องกันแสงแดด

สำหรับประเทศไทยที่แดดจ้า เราขอแนะนำ BIODERMA PHOTODERM MAX AQUAFLUIDE SFP50+ ครีมกันแดดเวชสำอางมีค่า SPF 50+ UVA++++ ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 8 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน) เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่ายไม่วอก นอกจากนี้เขายังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Sun Active Defense ที่ผสาน UV filter มาตรฐานยุโรป และ Ectoin & mannitol ที่ช่วยส่งเสริมให้การปกป้องผิวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการทดสอบด้วยมาตรฐานแพทย์ผิวหนัง สามารถใช้กับผิวแพ้ง่าย บอบบาง
BIODERMA PHOTODERM COVER TOUCH SFP50+ ป้องกันแสงแดด
ครีมกันแดดอีกตัวที่อยากจะแนะนำก็คือ BIODERMA PHOTODERM COVER TOUCH SPF50+ (LIGHT) ครีมกันแดดสีเนื้อที่นอกจากจะช่วยปกป้องผิวเราจากแสงแดดได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมงแล้วยังช่วยปกปิดรอยสิว ให้สีผิวดูเรียบเนียนเสมอกัน และยังช่วยควบคุมความมันบนในหน้าให้สมดุลอีกด้วยค่ะ เหมาะอย่างยิ่งกันผู้ที่มีผิวผสม ผิวมัน เป็นสิวง่าย

สรุป

ค่า spf คือค่าความสามารถในการป้องกันแดด เราจะเห็นค่า spf ได้จากผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดนั้นควรเลือกตามความเหมาะสมต่อการใช้งาน หากมีค่า spf ที่น้อยเกินไปอาจทำให้ประสิทธิภาพในการกันแดดไม่เพียงพอ แต่หากมีค่า spf ที่มากเกินกว่าความจำเป็น นอกจากจะไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กันแดดได้มากขึ้นแล้วลักษณะผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดจะข้นเหนียวเหนอะหนะ ไม่สบายตัวเวลาทา แถมยังเสี่ยงต่ออาการแพ้อีกด้วยค่ะ หากไม่รู้ว่าควรใช้ครีมกันแดดตัวไหนดี เราขอแนะนำครีมกันแดดที่เหมาะสมสำหรับคนไทยที่อยู่ในเขตร้อนกัน นั่นก็คือ BIODERMA PHOTODERM MAX AQUAFLUIDE SFP50+ ที่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย และ BIODERMA PHOTODERM COVER TOUCH SPF50+ (LIGHT) ที่เหมาะกับผิวผสม ผิวมัน เป็นสิวง่ายค่ะ 

 

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที