DBZ

ผู้เขียน : DBZ

อัพเดท: 29 ส.ค. 2007 23.07 น. บทความนี้มีผู้ชม: 18696 ครั้ง

มีหลายสิ่งหลายอย่าง
ที่เหมือนเราจะรู้จัก
แต่จริงๆแล้วอาจจะยังไม่รู้จัก


รถ รถ รถ...รถไฟ

คงเพราะว่าช่วงนี้ยังเช้าอยู่ หรือไม่ก็เป็นเขตชานเมือง ผู้คนจึงมีไม่มากนักหรือแทบไม่มีเลย ทำให้ภาพที่ผมจินตนาการไว้หายวับไปกับตา



 

ผมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาหยุดอยู่ตรงบันไดทางลงสถานีรถไฟ ก่อนที่ผมจะคว้ากระเป๋าใบหนักๆใบนั้นลงตามบันไดไปทีละขั้น ก็เหลือบไปเห็นลิฟท์พอดี จึงไม่ต้องเสียแรงในการแบกมันมากนัก ชั้นใต้ดินที่นี่แบ่งเป็นสองชั้น ชั้นใต้ดินที่หนึ่งเป็นชั้นขายตั๋ว ชั้นใต้ดินที่สองลงไปอีกเป็นชั้นสำหรับโดยสารรถไฟ ดังนั้นผมต้องลงผ่านลิฟท์ไปสองครั้งจึงจะถึงชานชาลา



 

ประตูลิฟท์เปิดออก ผมเดินก้าวออกมา ภายในสถานีรถไฟไม่สว่างมากนัก พื้นและกำแพงทำจากกระเบื้องสีน้ำตาลอ่อน ผมเดินตรงไปยังเครื่องขายตั๋ว มองขึ้นไปด้านบนเป็นแผนผังรางรถไฟ เส้นสีต่างๆถูกวาดระโยงระยางเต็มไปหมด  เป้าหมายของผมตอนนี้คือ "สถานีรถไฟอิรินากะ" ผมหยอดเหรียญลงไปในช่องใส่เหรียญอย่างรวดเร็ว 230 เยน เป็นเหรียญหนึ่งร้อยเยนสองเหรียญ และเหรียญสิบเยนสามเหรียญ เครื่องหยอดเหรียญที่นี่รูค่อนข้างกว้างที่จะใส่เหรียญลงไปได้พร้อมๆกันสองเหรียญ นั่นคือผมสามารถหยอดเหรียญลงไปโดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องลำดับ ขอแค่ให้เหรียญทุกเหรียญลงไปในเครื่องขายตั๋วให้ได้ก็พอแล้ว เครื่องจะคำนวณราคาที่เราหยอดลงไปโดยอัตโนมัติ ตัวเลข 230 สีแดงจะแสดงตรงปุ่มพร้อมให้เรากด เมื่อกดแล้ว ตั๋วรถไฟก็จะออกมา ลักษณะของตั๋วรถไฟแตกต่างจากตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอสมาก มันเป็นแผ่นกระดาษแข็งสีเขียวด้านหลังสีน้ำตาล ด้านสีเขียวเขียนรายละเอียดต่างๆเอาไว้ เช่น ราคาตั๋ว ดูเป็นตั๋วธรรมดาๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ขนาดเล็กกว่าตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอสบ้านเราประมาณสามเท่า



 

เมื่อรับตั๋วมาแล้วก็เดินมายังทางเข้า ในกรณีที่มีกระเป๋าใบใหญ่แบบนี้ก็สามารถเดินผ่านประตูเฉพาะซึ่งติดกับห้องทำงานของพนักงานรถไฟ ประตูนี้ไม่ต้องสอดตั๋วเข้าไปเพราะมีพนักงานคอยดูแลอยู่ แต่ถ้าไม่มีสัมภาระใดๆ เราจำเป็นจะต้องสอดตั๋วเข้าไปในช่องผ่านประตู โดยที่จะมีบานพับเล็กๆซึ่งปกติจะเปิดไว้อยู่ตลอดเวลา จะปิดก็ต่อเมื่อมีคนเดินผ่านโดยไม่ได้สอดตั๋ว ซึ่งต่างจากบ้านเรา ที่จะปิดตลอดเวลา จะเปิดเมื่อมีคนสอดตั๋ว
 


 

เมื่อเข้ามาได้แล้ว จะมีทางเดินต่อไปยังบันไดและลิฟท์ เพื่อลงไปยังชั้นใต้ดินที่สอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมต้องเลือกลงลิฟท์อีกครั้งหนึ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องรับภาระความหนักของกระเป๋าเดินทาง ผมลงมารอรถไฟอยู่บริเวณชานชาลา มองไปยังป้ายบอกตารางเวลาและนาฬิกาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดรถไฟขบวนแรกที่ผ่านมา ไม่นานนักขบวนเหล็กที่ผมรอคอยก็มาถึง



 

ภายในรถไฟมีเบาะสีน้ำเงินเข้มทำจากกำมะหยี่ ใต้เบาะนั้นมีลมอุ่นๆโชยออกมาบอกให้ผมรู้ว่ามันคือเครื่องทำความร้อน ซึ่งดูเหมาะกับอากาศหนาวๆแบบนี้ทีเดียว ป้ายโฆษณาหลากหลายสีสันที่ทำมาดึงดูดสายตาผู้โดยสารห้อยและแปะอยู่ตามเพดานและผนัง ทำให้ผมเกือบจะตาลาย

 

ประมาณสิบนาทีผมก็มาถึง

 

“สถานีต่อไป อิรินากะ” เสียงจากลำโพงภายในรถไฟเตือนผมให้ลุกจากเบาะกำมะหยี่สีน้ำเงินนั้น

 

ผมลงรถไฟแล้วดินตรงมาเพื่อขึ้นลิฟท์ ด้านข้างลิฟท์เป็นบันไดเลื่อนที่ไม่เลื่อน ผมสงสัยว่ามันชำรุดหรืออย่างไร เมื่อผมขึ้นลิฟท์มายังด้านบน ก็มีคนเดินขึ้นบันไดเลื่อนมายังด้านบนเช่นกัน แต่ครั้งนี้บันไดไม่ได้หยุดนิ่งเพราะว่ามัน “เลื่อนแล้ว” ภายหลังผมได้รู้ว่า ปกติบันไดเลื่อนในสถานีรถไฟจะหยุดนิ่งถ้าไม่มีคนใช้งาน มันจะมีเซนเซอร์คอยตรวจว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้บันไดเลื่อนหรือไม่ ถ้ามี มันจะเลื่อนบันไดแต่ละขั้นขนย้ายผู้คนจากใต้ดินขึ้นมายังชั้นบน



 

ผมออกจากสถานีอิรินากะ แล้วตรงไปยังทางเดินเล็กๆฝั่งตรงข้าม เพื่อเดินไปยังหอพักที่ได้จองเอาไว้ ภายในห้องไม่ใหญ่มากนัก ด้านซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้า ด้านขวาเป็นห้องน้ำ เดินเข้ามาอีกนิดจะเป็นเตียงนอนกับโต๊ะเขียนหนังสือ นอกจากนี้ก็ยังมีตู้เย็น เตาไมโครเวฟ โทรทัศน์ เครื่องเล่นวีดีโอ เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ เครื่องอำนวยความสะดวกครบครันจริงๆ



 

กระเป๋าเดินทางของผมลงทักทายกับพื้นห้องได้ไม่กี่วินาที เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น  มันทำให้ผมประหลาดใจยิ่งนัก ว่าใครกันนะ ที่จะรู้ว่าผมมาถึงห้องพักในดินแดนที่ห่างจากบ้านเกิดเช่นนี้

 

“บอย!   นาย...” ผมหยุดไปอึดใจหนึ่งแล้วพูดออกไปว่า “ดีใจที่เป็นนาย”

 

เพื่อนผมคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทมากที่สุดคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน และมีแผนจะกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงอยากให้ผมไปหาเขาในวันนี้ ทานอาหารญี่ปุ่นด้วยกันสักมื้อก่อนเขาจะกลับไทย เขาเองก็ต้องเตรียมการเรื่องสัมภาระก่อนกลับบ้าน คงไม่มีเวลามานั่งรถเทียวไปเทียวมา ผมจึงต้องเป็นฝ่ายเดินทางไปหาแทน แต่ปัญหาก็คือ ผมมั่นใจในเส้นทางจากสนามบินมายังหอพักเท่านั้นเนื่องจากก่อนผมจะมา ทางบริษัทได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเดินทาง หรือเส้นทางที่จะตรงมายังหอพัก ครั้นจะให้ผมซึ่งมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เดินทางไปไหนมาไหนโดยไม่ได้เตรียมการไว้ ผมรู้สึกไม่มั่นใจเท่าใดนัก ผมคิดอยู่หลายตลบ เนื่องด้วยความไม่มั่นใจในการเดินทางมาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และยังต้องไปในที่ๆไม่เคยไป ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเมืองเดียวกันก็ตาม



 

เพื่อขจัดความไม่มั่นใจ ผมจึงมีความคิดว่าจะนั่งรถแท็กซี่รวดเดียวให้ถึงหอพักเพื่อนผมเลย แต่เพื่อนผมก็ขัดขึ้นมาว่า ถ้าจะใช้เงินมากมายจ่ายไปกับค่ารถแท็กซี่ เปลี่ยนมันมาเป็นค่าอาหารจะดีกว่า เพราะว่าการเดินทางในญี่ปุ่นด้วยรถแท็กซี่มีค่าใช้จ่ายที่สูงพอควร ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คนญี่ปุ่นเองก็ไม่โดยสารเช่นกัน เพื่อนผมจึงบอกวิธีการเดินทางจากหอพักของผมไปยังหอพักเขาอย่างละเอียด



 

หอพักของเพื่อนผมอยู่ในเมืองเดียวกันนี้ ไม่ใกล้และไม่ไกลจากหอพักของผม มันอยู่ในย่าน “สถานีรถไฟโกะคุไซเซ็นเตอร์” วิธีการเดินทางไปยังที่นั่น ขั้นแรกต้องโดยสารรถไฟซึ่งเป็นขนส่งมวลชนที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอย่างหนึ่งของชาวญี่ปุ่น อาจจะเรียกได้ว่านิยมมากกว่าการขึ้นรถเมล์ด้วยซ้ำ ขั้นที่สองโดยสารรถเมล์ ด้วยสองขั้นนี้จะทำให้ผมถึงที่หมายได้



 

“เริ่มต้นที่สถานีรถไฟอิรินากะ ไปยังสถานีรถไฟโกะคุไซเซ็นเตอร์ จากนั้นคอยรถเมล์ที่ป้ายฝั่งทางออกที่1 นับไปสามป้ายรถเมล์แล้วลง ณ จุดที่ลงรถ พวกเราจะติดต่อกันอีกทีทางโทรศัพท์” นั่นคือข้อมูลที่เพื่อนผมให้มา พร้อมกับชื่อหอพักที่ถูกจดลงบนกระดาษมีนามว่า “หอพักโครินเฮียว”



 

ผมเตรียมสิ่งของที่จำเป็นแล้วออกมาจากห้องนั้น ตรงไปยังจุดเริ่มต้น นั่นคือ สถานีรถไฟอิรินากะ

 

19715_nagoya_subway.gif

 

การเดินทางไปยังสถานีรถไฟโกะคุไซเซ็นเตอร์ต้องไปต่อรถไฟ ที่สถานีมารุโนะอุจิ จากที่นั่นไปอีกหนึ่งสถานีก็จะถึงจุดหมาย ผมรู้สึกว่ามันยุ่งยากเสียเหลือเกินที่วันแรกผมมาที่นี่แล้วจะต้องมาทำอะไรวุ่นวายแบบนี้ แต่คิดในอีกมุมหนึ่ง ผมยังมีเวลาว่างอีกหลายวันและมันก็คือการท่องเที่ยวไปในตัว ชมสถานที่ต่างๆ และนั่นคือเหตุผลที่ผมได้ตัดสินใจเดินทางไปหาเพื่อนผม



 

“สถานีต่อไป มารุโนะอุจิ” เสียงนั้นคือสัญญาณบอกว่าผมมาถึงช่วงต่อของการเดินทางแล้ว



 

ผมลงมาต่อรถไฟสายสีแดง เพื่อไปยังจุดหมายนั่นคือสถานีรถไฟโกะคุไซเซ็นเตอร์ ผมพยายามทำตามข้อมูลที่เพื่อนผมให้มา ถ้าเดินออกจากสถานีแล้วให้เลี้ยวซ้าย ไม่เกินหนึ่งร้อยเมตรจะเห็นป้ายรถเมล์อย่างแน่นอนหรือไม่ก็ตรงไหนคนยืนคอยกันเยอะๆ ก็ที่นั่นแน่ๆ ป้ายรถเมล์ เมื่อขึ้นมายังพื้นโลก ผมมองหาป้ายรถเมล์ จากข้อมูลที่เพื่อนผมให้มาคงหาได้ไม่ยากนัก ผมพยายามมองแล้ว...

 

ไม่มีอะไร ที่คนไทยอย่างผม จะมองว่ามันคือป้ายรถเมล์เลย !!!

 

To be continued…


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที