eianfeai

ผู้เขียน : eianfeai

อัพเดท: 30 ม.ค. 2008 06.50 น. บทความนี้มีผู้ชม: 4181 ครั้ง

Hi ! lady and gentleman...I hope you like it. ///


ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับ Technology!!

ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับ Technology!!

สำหรับข้าพเจ้าในตอนนี้นั้น  นับว่าใกล้จะหมดเวลาของการเป็นนักเรียนมัธยมปลายเข้าไปทุกนาที  แต่อย่างไรก็ตาม  แม้ข้าพเจ้าจะไม่ได้เป็นนักเรียน  แต่ความประทับใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายทั้งดีทั้งร้าย  อาจมาจากการนำพาของโชคชะตาหรือสิ่งอื่นใดก็ตาม  ทั้งหมดล้วนก่อให้เกิดเป็นความทรงจำอันล้ำค่า  ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าหลายๆคน ย่อมเคยมีช่วงเวลาดีๆเช่นนี้อยู่ในช่วงชีวิตของการเป็นนักเรียนมัธยมปลาย  และแน่นอนว่า  ในยุคสมัยปัจจุบันนี้  เรามีสิ่งที่เพิ่มสีสันให้กับประสบการณ์ดีๆของเรามากมาย  ซึ่งมาจากผลของเทคโนโลยีนั่นเอง 

                ว่ากันว่าสูตรสำเร็จของชีวิตมัธยมปลายคือการหมั่นท่องจำหนังสือ  เพื่อเตรียมตัวสอบแข่งขันสุดหฤโหด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของชีวิต  นั่นคือ Entrance หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า Admission  ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าและเพื่อน  ได้ชมภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง คือ Final score เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตเด็กเตรียมสอบ  Entrance  ทำเอาพวกเราหวาดผวากันไปตามๆกัน  และในช่วงขณะนั้น (2549-2550) เป็นช่วงที่ราคาของ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น Flash Drive ลดลง  ทำให้หลายๆคนมีเจ้านี่ไว้ในครอบครอง  แน่นอนว่ารวมถึงข้าพเจ้าด้วย  และนั่นทำให้พวกเราเพลิดเพลินไปกับการเซฟภาพหรือเซฟเพลง  รวมไปถึงงานต่างๆ  เอาไว้แบ่งกันใช้แบ่งกันดู  และปัญหาปวดสมองที่ตามมาคือ ไวรัส  ซึ่งได้รับการพัฒนาจากบุคคลที่เราๆนั้นไม่ต้องประสงค์  โปรแกรมสแกนไวรัสหลายโปรแกรมก็ไม่สามารถจัดการกับตัวปัญหานี้ได้  สร้างความหนักอกหนักใจให้กับข้าพเจ้าและเพื่อนๆ  อย่างมาก  แต่ที่สุดนั้นเพื่อนที่เก่งด้านคอมพิวเตอร์ก็ทำให้เจ้าไวรัสวายร้าย  พ่ายแพ้ต่อมันสมองของมนุษย์จนได้  ยังมีเรื่องที่ทำให้เพื่อนข้าพเจ้าหลายคนต้องร้องโอดโอย   เมื่อราคาของ Flash Drive ลดลง  เพื่อนหลายคนเดินมาพร้อมกับอวดของใหม่ที่ซื้อมา  ราคาก็ถูก  ความจุก็เยอะข้าพเจ้าได้แต่อิดฉาอยู่ในใจ  เพราะของเก่าที่ได้มาจากแม่นั้น  แพงแสนแพง  แต่ความจุกระจิดริดนัก  ที่สำคัญรูปร่างใหญ่อีกด้วย  (ของเพื่อนอันเล็กนิดเดียว)  แต่ยังไม่ทันไร เจ้าเครื่องที่เพื่อนๆซื้อมายังไม่ทันจะแกะกล่องดี ราคาของมันก็ลดวูบลงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ราคาถูกมากจนหลายคนได้ฤกษ์ซื้อเครื่องใหม่  และทำให้เพื่อนๆที่พึ่งจะซื้อมานั้น  หน้าบูดไปอีกหลายวัน  เรื่องนี่สอนให้รู้ว่า  ช้าๆได้พร้าเล่มถูกกว่า  แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้  จะทำให้หลายๆคนสูญเสียก็ตาม  แต่ก็เรียกรอยยิ้ม  และเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆได้มากเช่นกัน  เมื่อนำมาเล่าสู่กันฟัง

                หากข้าพเจ้ายังไม่ได้กล่าวก็ขอกล่าวเอาไว้  ณ ที่นี้  ว่าข้าพเจ้าเรียนอยู่โรงเรียนประจำ  แน่นอนว่ามีเรื่องสนุกสนานไม่เว้นแต่ละวัน  โดยเฉพาะเมื่อโรงเรียนข้าพเจ้ามี ไวเลส หรืออินเตอร์เน็ตไร้สาย  ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมาก  ประโยชน์สำคัญของไวเลสคือ  ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการปั่นงานหลังจากหมกพอกหางหมูมานาน  โดยปกติแล้วงานที่อาจารย์สั่งนั้น  ข้าพเจ้าและเพื่อนมักจะทำมาจากที่บ้าน  แต่ก็ลำบากเพราะต้องแบ่งๆกันทำแยกเป็นคนละส่วน  ต้องโทรศัพท์เพื่อตกลงกันในการทำงาน  แต่หลังจากมีไวเลสเราก็ได้มีโอกาสมุงกันทำงาน  หรือจริงๆแล้วคือได้มีโอกาสช่วยเหลือกันทำงานมากยิ่งขึ้น  ให้สมกับเป็นงานกลุ่ม  แต่ที่สุดยอดไปกว่านั้น  คือการที่ข้าพเจ้าและผองเพื่อนได้ร่วมกันใช้ประโยชน์ที่สนุกสนานของNotebook นั่นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการ  “ดูหนัง”   ใครมีเรื่องอะไรเด็ด สนุก ก็เอามาแบ่งกันดู  มีอยู่วันหนึ่ง  ขณะที่นักเรียนมัธยมปลายห้องหนึ่งกำลังมุงดูหนังญี่ปุ่น  เป็นหนังที่สร้างมาจากการ์ตูน  ขอให้ผู้อ่านคิดภาพตามไปด้วย  นักเรียนราวๆ ยี่สิบกว่าๆชีวิต  มุงรอบ  Notebook  บ้างนั่ง  บ้างยืน  นั่งเก้าอี้ นั่งพื้น  บางคนเอียงคอดู  น่ากลัวดูจบคอจะเคล็ด  เอียงไปเป็นเดือนๆ  และขณะนั้นเอง  ขณะที่ทุกคนกำลังเมามัน  อาจารย์คนหนึ่งก็เดินเข้ามา   “ นี่พวกเธอดูหนังลามกกันอยู่หรือ” เท่านั้นอาจารย์ได้ได้รับเสียงโห่ฮาจากพวกเราด้วยความเคารพ               

                ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าขอย้อนกลับมาที่ไวเลสอีกครั้ง  จากวินาทีที่เราใช้ไวเลส ในการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยความสบายใจ  ก็เปลี่ยนเป็นวินาทีระทึกใจที่พวกเราใช้อินเตอร์เน็ตในการดูประกาศผลสอบเข้าตามมหาวิทยาลัยต่างๆ  บรรยากาศชวนให้อึดอัด  ตื่นเต้น  หรือหดหู่  ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ถูก  แผ่กระจายรอบๆตัวพวกเราทุกคน  บางคนแอบมีเหงื่อซึมเล็กน้อย  หลังจากลุ้นกับแทบหยุดหายใจ  ปรากฏว่า  เน็ตล่ม  ไม่สามารถเปิดได้ในขณะนี้  ทำเอาทุกคนบ่นอุบอิบกันไปหลายนาที  แต่เมื่อ Login ได้อีกครั้ง  บรรยากาศเดิมก็หวนกลับคืนมา  แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้ดูผลสอบของตัวเองก็อดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้  เมื่อไรที่บนหน้าจอ LCD เล็กๆ ปรากฏชื่อเพื่อนที่คุ้นเคยก็จะได้ยินเสียงตบมือโห่ร้องด้วยความยินดี  แต่เมื่อไรที่เลื่อนดูจนครบแล้วไม่ปรากฏชื่อออกมา  เสียงตบมือจะแปรเปลี่ยนมาเป็นตบหลังแทน  จะอย่างไรข้าพเจ้ามีคำปลอบใจสวยหรูสำหรับเพื่อนเพียงประโยคเดียว  ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยให้เพื่อนๆหายจากเศร้าได้บ้าง  นั่นคือ  ข้าพเจ้าจะพูดว่า  “เคยคิดบ้างไหม ว่าอะไรหลายๆอย่างที่เราคิดว่าบังเอิญนั้น  อาจไม่ใช่ความบังเอิญ  แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดมาให้เกิดขึ้นกับเรา  ดังนั้นฉันคิดว่าการที่เธอไม่ติดนั้นเป็นเพราะพระเจ้าเห็นแล้วว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะกับเธอ  มันอาจจะไม่ดีสำหรับอนาคตหรือปัจจุบันดังนั้น  ขอให้เชื่อมั่นทำให้เต็มที่แล้วสิ่งที่เหมาะสมกับเราก็จะเดินทางมาหาเราเองโดยไม่ต้องร้องขอ”   ทั้งนี้ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนเรื่องเลยเพื่อไม่ให้ผู้อ่านรู้สึกเครียดหรือหดหู่ตามบรรยากาศข้างต้น กลับมาที่ Notebook อีกครั้ง  ครั้งนี้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้รับ E-book  เกี่ยวกับชีวิตของในหลวง  ดังนั้นจึงนำมาแบ่งปันกันดู  เป็นอีกครั้งที่ความประทับใจแพร่กระจายไปพร้อมกับรอยยิ้มและความอบอุ่นในหัวใจ  พร้อมกับความรู้สึกเดียวกันที่มีต่อมหาบุคคลในจอ LCD  กลับมาที่ประสบการณ์ในการทำละครเวทีของระดับชั้นของข้าพเจ้าเอง  เป็นโชคดีที่มีรุ่นพี่ที่ทางบ้านประกอบอาชีพให้เช่ายืมเวที  ทำให้พวกเรามีเวทีงามๆไว้ใช้ในการแสดง  ทั้งนี้รวมไปถึงไฟสีๆและไฟสีขาวดวงใหญ่ที่มักจะฉายกันตามงานใหญ่  เช่นเดียวกับที่เห็นในโทรทัศน์  ซึ่งเพิ่มความหรูหราให้กับเวทีได้อีกมาก  และข้าพเจ้าเองก็ติดอกติดใจกับแผงวงจร  การควบคุมไฟมาก  เป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนแปลกใหม่สำหรับชีวิต  วิธีการเปิดไฟสีขาวดวงใหญ่  ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงทำ  เพราะร้อนและต้องอยู่ที่สูง  ฉะนั้น   ข้าพเจ้าจึงได้เล่น  ไม่ใช่สิ  ได้ควบคุมไฟสีๆร่วมกับเพื่อนๆ  ซึ่งขอกล่าวไว้ ณ ที่นี้ว่า  วิธีการเปิดไฟนั้น  บนแท่นเปิดเป็นระบบสัมผัส  ไม่ใช่ปุ่มแข็งๆที่เวลากดเปิด ปิด มีเสียงดัง  เพียงแค่พรมนิ้วไปมา คล้ายกับการเล่นเปียโน  ไฟก็จะติดๆดับๆ  แวบๆ เหมือนที่เห็นกันตามงานวัดหรือเวทีใหญ่ๆนั่นเอง  และจากการร่วมมือกันของทุกๆคน  ละครของเรานั้นก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  ได้รับคำชมจนหน้าบานไปตามๆกัน  อิ่มอกอิ่มใจกันยกระดับ  หลังจากแสดงละครจบแล้ว  ก็ได้เทคโนโลยีจากมอเตอร์ไซค์  หรือรถจักรยานยนต์ของอาจารย์ท่านใดไม่ทราบ  ซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาให้รับประทานกันแก้หิว (แสดงรอบดึก)  ตบท้ายด้วยการนั่งตากแอร์ บางคนลุกขึ้นมาเต้นตามเสียงเพลงที่เปิดคลอ  เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ  สร้างความอบอุ่นใจยิ่ง  ทำให้นึกอยากเป็นนักเรียนมัธยมปลายต่อไปอีกเนิ่นนานตราบเท่าที่จะได้  แต่เวลาผ่านไปเร็วเสมอในเรียนโรงเรียนประจำ                              

                หลายคนกล่าวว่าเทคโนโลยีเปรียบเสมือนดาบสองคม  ข้าพเจ้าเห็นด้วยอย่างยิ่งและอยากเติมเข้าไปอีกว่าคมมากๆ  เพราะยิ่งอำนวยความสะดวกให้กับเรามากเท่าไรมันก็จะสะท้อนผลเสียกับมาให้กับเรามากเท่านั้นหรืออาจมากกว่าเดิมอีกด้วย แต่จะอย่างไรข้าพเจ้านึกขอบคุณในคุณค่าของเทคโนโลยีเสมอ  และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้า  ในชีวิตมัธยมปลายเทคโนโลยีก็เสมือนกระเป๋าสตางค์ที่ติดตัวตลอดเวลา  หรืออันที่จริง  อาจติดตัวข้าพเจ้ามาตั้งแต่เกิดแล้วก็เป็นได้  ข้าพเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเพื่อนที่โรงเรียน  ข้าพเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ลุ้นผลการสอบร่วมกับเพื่อนๆ  ดูหนังร่วมกันสนุกไปพร้อมๆกัน  คงไม่มีโอกาสได้แสดงละครที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้  หรือแม้แต่อาจไม่มีภาพถ่าย  ที่ระลึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก  หากไม่มีเทคโนโลยี  ชีวิตเข้าเจ้าคงไม่อาจสมบูรณ์เฉกเช่นทุกวันนี้  ข้าพเจ้าขอขอบคุณจากใจจริง  ขอบคุณทุกทฤษฎีบท  และกระบวนการต่างๆ ที่นำมาซึ่งเทคโนโลยีอันล้ำค่า และสนุกสนาน  ขอขอบคุณอีกครั้งและหวังว่าผู้อ่านจะรู้สึกเช่นเดียวกับข้าพเจ้า 
  
My school. => Princess Chulabhorn 's College Chonburi.


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที