OpenSourceInitial

ผู้เขียน : OpenSourceInitial

อัพเดท: 12 ม.ค. 2009 08.17 น. บทความนี้มีผู้ชม: 482296 ครั้ง

ปัจจุบันองค์กรหลายแห่งในประเทศไทยมีการใช้โปรแกรม โอเพ่นซอร์ส เป็นเครื่องมือหลักในการดำเนินธุรกิจ และสามารถใช้งานได้ดี มีเสถีนรภาพสูง สิ่งนี้เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า โปรแกรมโอเพ่นซอร์สเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ นอกจากนี้ปัจจุบันผู้ใช้ทั่วไปก็เริ่มเล็งเห็นความสำคัญในการใช้โอเพ่นซอร์สมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมโอเพ่นซอร์สที่สามารถลงในวินโดว์ได้อย่าง OpenOffice.org ที่เริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลาย หรือว่าเป็น โอเพ่นซอร์ส OS ตัวใหม่ที่ได้ความนิยมขณะนี้อน่าง Ubuntu


ตามไปดูโอเพ่นซอร์ส ที่ดิจิแลนด์ 3

    

ารพัฒนาและจัดการกับปัญหา

          การปรับปรุงระบบที่ดิจิแลนด์มา เป็นโปรแกรมโอเพ่นซอร์สต่างๆ นั้น  ต้องได้รับการเห็นชอบและสนับสนุนจากผู้บริหารของบริษัทในส่วนงานต่างๆ เพื่อให้การพัฒนาสัมฤทธิผล ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดนโยบาย  และการตอกย้ำเมื่อมีประชุมเรื่องลิขสิทธิ์ ซึ่งจุดหลักที่ทำให้การนำโอเพ่นซอร์สมาใช้งานจนประสบผลสำเร็จ หลักๆ คงต้องยกให้ผู้บริหารที่เอาจริงกับเรื่องลิขสิทธิ์และยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าผู้บริหารหรือหัวหน้าแผนกไม่ให้ความร่วมมือก็คงสำเร็จยาก

          โดยบริษัทใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการลงทุนซื้อไลเซนส์โปรแกรมเพิ่มเติม กับการนำโอเพ่นซอร์สมาใช้งาน เพื่อประเมิณความเป็นไปได้ เปรียบเทียบความคุ้มค่าจากนั้นก็จะทำแผนการเปลี่ยนแปลงนำเสนอต่อคณะผู้ บริหารของบริษัท เมื่อบวกกับความเชื่อมั่นที่มีต่อผู้ให้บริการอย่างบริษัท Marvelic Engine ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบโอเพ่นซอร์สมานาน จึงมีความเห็นตรงกันว่า การนำโอเพ่นซอร์สมาใช้งานเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดขององค์กร

          ระยะเริ่มต้นของการพัฒนา บริษัทดิจิแลนด์ได้นำโซลูชันเป้าหมายที่ต้องการใช้งาน มาทดลองใช้งานกลุ่มย่อยๆ ในฝ่ายไอที รวมถึงผู้บริหารทุกคนเพื่อประเมินการปัญหาและรูปแบบการใช้งานพบว่าการนำโอ เพ่นซอร์สมาใช้งาน ไม่ได้แตกต่างจากการใช้โปรแกรมไลเซนส์ และมีผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้งานเดิมไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็น MS Office หรือระบบเมล์ จากนั้นก็เข้าสู่การจัดทำแผนในการเริ่มต้นนำโซลูชันเหล่านั้นมาใช้งานจริง ทั้งองค์กร ตั้งแต่การจัดซื้อโซลูชัน การปรับแต่งเข้ารับระบบของบริษัท การฝึกอบรมพนักงาน ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาระบบ ฝ่ายไอที ของดิจิแลนด์ จะเป็นผู้ที่บทบาทหลักในการแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้  โดยเฉพาะการใช้งาน Office Pladao และ Office TLE ซึ่งผู้ใช้งานจะมีปัญหาการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการไม่คุ้นเคย หรือใช้ไม่เป็น นอกจากนี้ฝ่ายไอทียังรับผิดชอบ ก็ทำการอบรมการใช้งานให้กับพนักงานด้วย

ความคุ้มค่าของการปรับเปลี่ยน
          
          การปรับเข้าสู่โซลูชันโอ เพ่นซอร์สของดิจิแลนด์ครั้งนี้ เกิดประโยชน์กับองค์กรในหลายๆ ด้าน จากข้อมูลที่ได้รับมา การเปลี่ยนจาก Lotus Note มาเป็นโปรแกรมโอเพ่นซอร์ส Linux Mail Server และเปลี่ยนโปรแกรมอีเมล์มาเป็น  Thunderbird ช่วยให้องค์กรประหยัดงบประมาณไปเกือบล้านบาท นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงเป็นอย่างยิ่ง

          ขณะที่การปรับเปลี่ยนจาก MS Office ไปเป็น Office Pladao และ Office TLE แม้จะใช้เวลาปรับเปลี่ยนค่อนข้างนานกว่าจะลงตัวแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะสามารถประหยัดงบประมาณค่าไลเซนส์ในแผนกอื่นๆ ไปประมาณ 50 ไลเซนส์ ราคา 33,000 บาท ต่อไลเซนส์ รวมเป็นตัวเงินกว่า 1,650,000 บาท

          ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีของการนำโอเพ่นซอร์สมาใช้งาน มาถึงวันนี้บริษัทดิจิแลนด์มีความพึงพอใจอย่างมากกับการนำโซลูชันโอเพ่นซอร์ สต่างๆ มาใช้ในองค์กร เพราะพนักงานในส่วนงานต่างๆ สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น ที่สำคัญคือการลดค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ให้บริษัทได้อย่างมาก


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที