ผู้เขียน :

อัพเดท: . น. บทความนี้มีผู้ชม: ครั้ง


เราสู้

                โดย ต่อพงษ์

ชื่อของ โชติศักดิ์ อ่อนสูง หรือ “แมมมอธ” กลายเป็นคนดังในสังคมนี้ขึ้นมาในพริบตา หลังจากที่ประกาศตัวไม่ยืนถวายความเคารพต่อบทเพลงสรรเสริญพระบารมี ผมเชื่อว่าประชาชนที่มีโอกาสรับรู้ข่าวสารนี้จะเกิดความรู้สึกเหมือนอย่างที่ที่ผมเป็นเบื้องแรกอยากร้องไห้ที่มีคนไทยอ้างว่าเป็นคนไทยใช้สิทธิเสรีภาพของเขาเพื่อประกาศว่า ไม่จำเป็นต้องยืนถวายความเคารพต่อบทเพลงที่เป็นตัวแทนขององค์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของเราทุกคนและน้ำตาไหลหนักขึ้นเมื่อโดนซ้ำดาบสองด้วยการที่ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์หรือ NBT นำเอาสาวกของกลุ่มไม่ยืนเคารพต่อเพลงสรรเสริญพระบารมีไปออกรายการ พร้อมกับใส่เสื้อสัญลักษณ์ของกลุ่มอย่างโจ่งแจ้งท่ามกลางการเปิดทางสะดวกของรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลพลังประชาชนให้มีการกระทำย่ำยีหัวใจคนไทย...ซึ่ง ผมคิดว่านั่นคือความจงใจที่จะประกาศสงครามอย่างโจ่งแจ้งต่อสิ่งที่เราเคารพรักสูงสุดและสุดท้ายก่อนจะรู้สึกเหมือนโดนเหยียบหน้าซ้ำเมื่อผู้สื่อข่าวถามนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีผู้ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ผู้กำลังถูกแจ้งความฐานหมิ่นเบื้องสูง ผู้ที่เคยมีคดีต้องไปนั่งในคุกฐานป่วนเมืองหน้าบ้านท่านประธานองคมตรี ผู้ที่เคยไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นมาของสถาบันกษัตริย์ ระบบอุปถัมภ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแห่งนี้ต่อสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศนายจักรภพตอบคำถามถึงการนำคนที่ใส่เสื้อ “ไม่ยืน(ถวายความเคารพ) ไม่ใช่อาชญากร” นี้ในใจความว่า “ประเทศเป็นประเทศเสรี ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใส่เสื้ออะไรก็ได้ เราต้องเคารพสิทธิ์ของเขาเหมือนกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนในประเทศนี้ไม่ได้เป็นทาสใครนี่ ถ้าอยากไปเป็นทาสก็ไปเป็นทาสที่อื่นโน้น ไม่ใช่ที่ประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย” คือ ถ้าประโยคนี้ออกจากปากเหล่าหัวหน้าเขตคอมมิวนิสต์เมื่อ 30 ปีก่อนผมจะไม่แปลกใจ เพราะเป้าหมายของคอมมิวนิสต์เหล่านี้คือการล้มล้างสถาบันสูงสุดอยู่แล้วแต่มันน่าตกใจที่ประโยคให้ท้ายออกจากปากเสนาบดี...ซึ่งอ้างประชาธิปไตยจากปวงชนชาวไทยเสมอบอกตามตรงนะครับถ้านี่คือประชาธิปไตยในคอนเซ็ปต์ของจักรภพ ที่ใครๆ พร้อมจะหมิ่นคุณพ่อของคุณได้ ผมก็ขอใช้สิทธิในฐานะที่เป็นคนไทยตามรัฐธรรมนูญที่จะแสดงความคิดเห็นว่า...กูก็ไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับไอ้ประชาธิปไตยระยำและรัฐมนตรีภายใต้ระบอบแบบนี้เหมือนกันเพียงแต่ถึงตอนนี้น้ำตา ความเสียใจ และความช็อกในสิ่งที่เกิดขึ้นมันได้หายไปแล้ว จะเหลือก็แค่ความรู้สึกว่า แผ่นนี้นี้บรรพบุรุษเราสร้างมา ปกป้องรักษามา สถาบันกษัตริย์ของเราเป็นผู้นำในการสร้างให้ประเทศนี้เป็นไทอยู่ได้โดยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นที่ผ่านมาผมยังมองไม่เห็นเลยว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ผิดอะไร บ้านเมืองที่รอดพ้นวิกฤติมาได้นับต่อนับก็เพราะเรามีองค์พระมหากษัตริย์ทรงธรรมคอยชี้นำให้กับพวกเรามิใช่หรือ? ที่มันฉิบหายทุกวันนี้มิใช่เพราะนักการเมืองชั่วที่คอร์รัปชั่น และแอบอ้างสิทธิ์ที่ได้จากประชาชน แม้ว่าสิทธินั้นจะเป็นสิทธิที่ได้จากการซื้อเสียงเข้ามาโกงกินก็ตามเพราะพวกเอ็งมิใช่หรือที่แทรกแซงข่มขู่โยกย้ายจนทำให้ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระเด็นออกไป สร้างกลียุคที่เรียกว่าผู้ดีเดินตรอกขี้ครอกเดินถนน คนชั่วได้ดี คนดีได้ชั่วเพราะพวกเอ็งมิใช่หรือที่ทำให้ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลายสภาพเป็นเพียงเจ้าหน้าที่และพนักงานในกำกับของรัฐ ต้องหลับหูหลับตาทำความชั่วและทำให้บ้านเมืองนี้ร้อนเป็นไฟในขณะนี้เพราะพวกเอ็งมิใช่หรือที่ทำให้คำว่าคุณธรรมในบ้านเมืองนี้เบี่ยงเบน ถึงกับจะแก้กฎหมายสูงสุดของประเทศให้ถูกใจพวกเอ็งถามจริงๆ ไม่รู้สึกว่าพวกเอ็งทำเกินไปแล้วหรือ? เรื่องโกงเรื่องกินก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว นี่ทำเหมือนให้ท้ายกันที่จะลบหลู่พ่อของเรา...มันไม่เจียมกะลาหัวไปหน่อยหรือ ? บอกตามตรงนะครับ การที่เราเสียใจกับเรื่องนี้ เจ็บแค้นกับเรื่องนี้ แล้วนอนเจ็บ นอนแค้น นอนร้องไห้อยู่กับบ้าน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ มันไม่ได้ช่วยให้สถาบันที่เรารักและเคารพสูงสุดปลอดภัยขึ้นมาหรอกครับเพราะขณะที่เราเจ็บอยู่ในอกและไม่แสดงออกมา...ฝ่ายตรงข้ามมันเหิมเกริมและแสดงออกราวกับไม่มีสิ่งที่เราเคารพอยู่ในโลกนี้แล้วนะครับอย่าพูดว่ารักพ่อและทำดีเพื่อพ่อกันแต่ปาก แต่จงปฏิบัติบูชาเพื่อพ่อที่เราเคารพเทิดทูนด้วยเขียนมาถึงตรงนี้ผมนึกถึงบทพระราชนิพนธ์เพลง “เราสู้” ที่องค์พ่อหลวงของเราทรงแต่งขึ้นในยุคที่วิกฤติของชาติกำลังล้อมกรอบประเทศนี้อยู่ นั่นคือ คอมมิวนิสต์ ตอนนั้นลัทธิมาร์กซ์เอย เหมาเอย เลนนินเอยกำลังเบ่งบาน ธงชาติไทยจากสีแดงขาวน้ำเงินก็ถูกเหล่านักศึกษาหัวก้าวหน้าย้อมสีให้เป็นสีแดงอย่างเดียว ปนเหลืองบ้าง ปนขาวบ้าง...ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคอมมิวนิสต์สายไหนจากทฤษฎีโดมิโน ประเทศรอบข้างของเรากลายเป็นคอมมิวนิสต์กันเกือบทั้งหมด ประเทศไทยนั้นก็จ่อที่จะเป็นอยู่ เพราะ มีการฝังลัทธิล้างสถาบันเหล่านั้นกันให้ทั่วไปหมดพระองค์ท่านพระราชนิพนธ์ทำนองจากบทกลอนสุภาพ 4 บทที่นายสมภพ จันทรประภาแต่งจากพระราชดำรัสที่พระราชทานให้แก่สมาชิกสภานิติบัญญัติที่เข้าเฝ้าที่พระตำหนักจิตรลดาฯ มาเป็นกลอนถวาย เมื่อพระราชนิพนธ์ทำนองเสร็จแล้วก็ทรงมอบให้วง อส. นำไปบรรเลงในวันปีใหม่ที่ 1 มกราคม 2517 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ ทหาร อาสาสมัคร และตำรวจตระเวนชายแดน ขณะที่ประชาชนก็ได้รับอานิสงส์จากเพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ด้วยเช่นกันประชาชนได้ตรงไหนครับ...ก็ตรงนี้เมื่อฟังเพลงนี้แล้ว ความฮึกเหิมที่จะสู้กับลัทธิอุบาทว์ที่จะล้มล้างและเปลี่ยนชาติของเราให้เป็นชาติของมันมันเกิดขึ้นอย่างอักโข เพลงนี้ช่วยเตือนสติเราว่า ในช่วงเวลาที่ลัทธิคอมมิวนิสต์เบ่งบานนั้น ถ้าเราเอาแต่วางเฉย ถ้าเราไม่สู้กับความเชื่อและตัวบุคคลที่มันจะมาล้างเราให้ออกจากประเทศที่เรารู้จัก เราจะกลายเป็นคนไม่มีแผ่นดินอยู่ เหมือนเขมรอพยพ เหมือน ญวนอพยพที่สุดท้ายต้องหนีตายลงเรือแบกเสื่อผืน-หมอนใบไปตามยถากรรมบทเพลงพระราชนิพนธ์เราสู้นั้น พวกคอมมิวนิสต์ยุคอดีตหรือแม้แต่คอมมิวนิสต์อารมณ์ค้าง หรือ คอมมิวนิสต์อกหักในยุคปัจจุบัน ขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 บทเพลงอันเป็นเครื่องไม้เครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ที่เอาไว้ทำลายพวกมันนอกจากบทเพลงพระราชนิพนธ์เราสู้แล้ว ก็ยังมีบทเพลงทหารเสือพระนเรศวร และบทเพลงหนักแผ่นดินอีกด้วยแน่นอนในสงครามครั้งนั้นเราชนะจากความร่วมมือร่วมใจของคนในชาติ ประเทศเรารอดพ้นวิกฤติในครั้งนั้นได้ คงไม่ปฏิเสธนะครับว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจุดรวมใจที่ทำให้พวกเราร่วมใจกันชนะศึกครั้งนั้นมาถึงยุคสมัยนี้ ยุคที่สถาบันกษัตริย์ถูกละเมิดมากที่สุด และการคงอยู่ของสถาบันที่รักยิ่งของเรานั้นกำลังวิกฤตเพราะถูกพวกไม่หวังดีทำลายทั้งในที่แจ้งและในที่ลับบอกตามตรงนะครับบทเพลงพระราชนิพนธ์เราสู้นี้ยังสามารถเอามาฟังเพื่อปลุกและปลอบขวัญคนในประเทศจำนวนมากที่กำลังท้อแท้กับเหตุการณ์ที่เป็นไปในบ้านเมือง ให้เราสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องเสียที แม้สงครามครั้งนี้จะไม่ใช่ภาพที่ชัดเจนอย่างอดีต แต่เป็นการต่อสู้กับศัตรูที่มีโครงสร้างซับซ้อนและมีพร้อมทั้งอำนาจทุนและอำนาจสื่อ และอันตรายกว่าเดิมมากนักแต่ถ้าเราสู้...เราจะชนะในที่สุดไม่ต้องรอทหารออกมาปฏิวัติสู้หรอกครับ ประชาชนนี่แหล่ะสามารถสู้เองได้โดยสันติ ไม่ว่าจะเป็นการไปรวมตัวกันเพื่อถามนายกฯสมัครก่อนจะไปออกรายการสดทางช่อง 11 หรือเจอหน้าท่านที่ตลาด อตก. ก็ถามท่านเสียงดังๆ ไปเลยว่า ใจคอจะปล่อยให้สถาบันโดนหมิ่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือถามท่านเลยว่ารักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และผู้ที่จัดเสื้อผ้าให้คุณจิตราใส่ออกอากาศเพื่อแสดงออกว่าจะไม่เคารพต่อเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้นควรจะต้องลงโทษให้หลาบจำไหมถามท่านเลยว่า ท่าทีเมินเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นของนายจักรภพ รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสื่อของรัฐ...ท่านจะทำอย่างไรบางส่วนก็ไปไล่แจ้งความกันให้ทั่วให้โชติศักดิ์และพรรคพวกได้รู้ว่า คนที่ควรจะไปอยู่ประเทศอื่นไปอยู่กับคุณพ่อมาร์ก - เหมา - เลนนิน นั้นคือ พวกเขา... มิใช่พวกเราคนไทยที่อยู่ใน ‘ราชอาณาจักรไทย’แห่งนี้!! เหมือนที่ใครบางคนบอกให้เราไปเป็นทาสที่ประเทศอื่น หลังจากที่ฟังเพลงนี้จนจบ เราคงสามารถปลอบตัวเองและบอกคนรอบข้างดังๆ ว่า เราจะอยู่ตรงนี้ สู้ตรงนี้ สู้จนตาย เพื่อสิ่งที่เราเชื่อ สิ่งที่เราศรัทธา และสิ่งที่เราเคารพ!!เราสู้

                       บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ

                       ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า

                       เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา

                       หน้าที่เรารักษาสืบไป

                       ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า

                       จะได้มีพสุธาอาศัย

                       อนาคตจะต้องมีประเทศไทย

                       มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย

                       ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น

                       จะสู้กันไม่หลบหนีหาย

                       สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย

                       ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู

                       บ้านเมืองเราเราต้องรักษา

                       อยากทำลายเชิญมาเราสู้

                       เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู

                       เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที