เกร็ดน่ารู้ในทัวร์ยุโรปที่ฝรั่งเศส
คิดแผนท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสควรจะเตรียมยังไง มีอะไรน่าดึงดูดและก็ควรจะทราบก่อนที่จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสบ้าง ไปถึงเมืองน้ำหอมทั้งทีจะต้องซื้ออะไรเป็นของฝาก จำต้องไปเช็กอินตรงไหน จำต้องรับประทานอะไรเด็ดๆ พวกเรามีคำตอบให้ตรงนี้
ประเทศฝรั่งเศส เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าท่องเที่ยว รวมทั้งยังมีความเกี่ยวพันอันดีกับเมืองไทยโดยตลอด ดังจะมองเห็นได้จากละครบุพเพสันนิวาส ที่มีการผูกมิตรภาพกันมาตั้งแต่ยุคพระผู้เป็นเจ้าหฝ่าส์ที่ 14 และก็สมเด็จพระที่นารายณ์มหาราช สำหรับคนใดกันที่กำลังจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสด้วยตัวเองทีแรก ไม่รู้จักจะเริ่มเช่นไรดี ลองอ่านเกร็ดท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสน้อยๆ ที่พวกเราเก็บมาไว้ตรงนี้ และก็ยังมีสิ่งที่น่าดึงดูดฯลฯ ไปดูกันจ้ะ
ก่อนท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศส พวกเราก็จำต้องมาทำความรู้จักกับประเทศนี้กันก่อนนิดหน่อย ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป แล้วก็ยังมีเกาะรวมทั้งดินแดนอื่นๆ อยู่ทั่วทั้งโลก ในส่วนที่เรียกว่าประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่นั้นจะตั้งอยู่รอบๆ ทางฝั่งตะวันตกของทวีปยุโรป ทางด้านเหนือใกล้กับช่องแคบอังกฤษแล้วก็สมุทรเหนือ ข้างใต้ชิดกับสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน มีขอบเขตใกล้กับประเทศสเปน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศอิตาลี ประเทศลักเซมเบิร์ก รวมทั้งประเทศเบลเยียม มีพื้นที่โดยรวมมากยิ่งกว่า 540,000 ตารางกิโลเมตรอย่างยิ่งจริงๆ ซึ่งถือได้ว่าประเทศที่ใหญ่ที่สุดชั้น 2 ในยุโรป ทำให้ประเทศฝรั่งเศสมีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายแบบ ทั้งยังป่าดง เทือกเขา สมุทร เมืองสุดสงบเงียบ รวมทั้งเมืองสุดล้ำยุค
นอกเหนือจากการที่จะมีพื้นที่ใหญ่ตระการตาแล้ว ประเทศฝรั่งเศสก็ยังเป็นที่ตั้งของยอดดอยที่สูงที่สุดในยุโรปด้วย ซึ่งหากไม่นับยอดดอยเอลบรุส (Mount Elbrus) ที่แนวเขาคอเคซัส ประเทศรัสเซีย ที่ยังไม่ชัดแจ้งเรื่องดินแดนอยู่นั้น ยอดดอยมงบประมาณล็อง (Mont Blanc) ที่แนวเขาแอลป์ ประเทศฝรั่งเศส ก็ยอดเยี่ยมเขาที่สูงที่สุดในยุโรป มีความสูงอยู่ที่ 4,807 เมตร อันเป็นสถานที่สำหรับท่องเที่ยวสำคัญที่นักเดินทางไม่สมควรพลาดเลยล่ะ
ประเทศฝรั่งเศส มีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองน้ำหอมของโลก ด้วยตรงนี้มีการผลิตน้ำหอมจากดอกไม้และก็เครื่องหอมต่างๆ สูงที่สุดของโลก แม้คนใดกันแน่เคยท่องเที่ยวกรุงปารีส จะเจอกับสินค้าแบรนด์น้ำหอมหลายประเภท นับไม่ถ้วนกันอย่างยิ่งจริงๆ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็จะมีกลิ่นหอมยวนใจๆ ลอยกระจายไปทั่ว แต่ว่าถ้าเกิดต้องการท่องเที่ยวดูเมืองเจ้าตำรับการสร้างน้ำหอม จำเป็นต้องทดลองท่องเที่ยวเมืองกราสส์ (Grasse) กันจ้ะ ตรงนี้ล่ะที่เป็นแหล่งผลิตน้ำหอมที่จริงจริงของประเทศฝรั่งเศส มีพิพิธภัณฑสถานน้ำหอม (International Perfume Museum) ให้เข้าชมด้วย
ท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสจะพลาดเมืองกรุงปารีสมิได้เลยจ้ะ เนื่องจากว่าตรงนี้เป็นเมืองหลวงสุดรุ่งเรืองของทั้งยังประเทศฝรั่งเศสรวมทั้งยุโรป ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ มีแม่น้ำแซนไหลผ่านกลางเมือง ตรงนี้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแล้วก็วัฒนธรรมที่สำคัญ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้วก็ศิลป์ที่เด่นเยอะมาก เป็นต้นว่า หอพักไอเฟล, พิพิธภัณฑสถานลูฟวร์, อาสนวิหารน็อทร์-ดามที่กรุงปารีส, อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล หรือ ประตูชัยประเทศฝรั่งเศส, โบสถ์แซ็งต์-ชาแปล, พระราชสำนักลุกซ็องบูร์, ดิสนีย์แลนด์ ฯลฯ
ราชสำนักแวร์ซายส์ ตั้งอยู่ในเมืองแวร์ซายส์ (Versailles) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของกรุงปารีส ห่างจากจุดศูนย์กลางเมืองกรุงปารีสมาราวๆ 17 กม. ทำขึ้นในปี ค.ศ. 1661 โดยในยุคพระผู้เป็นเจ้าหฝ่าส์ที่ 14 ที่ประเทศฝรั่งเศส มีพื้นที่ทั้งปวงมากยิ่งกว่า 800 เฮกตาร์ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบบาคอยค-คอยควัววัว สร้างด้วยหินอ่อนรวมทั้งอุปกรณ์ที่บรรเจิด ข้างในตกแต่งอย่างงดงามหรูหราโอ่อ่า อีกทั้งของตกแต่งแล้วก็เครื่องเรือนล้วนมีการสั่งทำจากอุปกรณ์คุณภาพดี ประณีต
โดยยิ่งไปกว่านั้นห้อง The Hall of Mirrors เป็นห้องที่เป็นที่รู้จักไปทั้งโลก ด้วยการออกแบบที่สวยงามเกินอธิบาย มีหน้าต่างกระจกโค้งทั้งสิ้น 17 บาน ซึ่งเมื่อเปิดออกก็จะมองเห็นสวนแวร์ซายส์กว้างขวางแล้วก็งามเลิศ ด้านในตกแต่งด้วยภาพวาดบนฝาผนังสุดวิจิตรตระการตารวมทั้งประทีปแชนเดอร์เลีย พร้อมด้วยของตกแต่งสีเหลืองทองคำงาม และก็ด้านในห้องนี้เองที่พระผู้เป็นเจ้าหฝ่าส์ที่ 14 ที่ประเทศฝรั่งเศสได้ให้ภาควิชานักการทูตโกษาปานจากประเทศไทยเข้าเฝ้าตอนวันที่ 1 ก.ย. พุทธศักราช 2229 (คริสต์ศักราช 1686)
เมืองกางร็สต์ (Brest) เป็นอีกเมืองที่น่าท่องเที่ยวของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในจังหวัดฟีนิสแตร์ (Finistere) ประเทศเบคอยตาญ (Bretagne) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นเมืองเล็กๆ ริมฝั่งสมุทรแอตแลนติกเหนือ นับว่าเป็นเมืองท่าเรือสำคัญของภูมิภาคนี้ ในสมัยก่อนเรือผลิตภัณฑ์หรือเรือต่างๆ ชอบมาแวะพักกันที่เมืองนี้ก่อนจะไปสู่กรุงปารีส เรือของภาควิชานักการทูตโกษาปานก็เหมือนกัน ภายหลังผ่านน้ำผ่านห้วงสมุทรจากเมืองไทยมาแล้ว ก็ได้มาแวะพักกันที่เมืองกางร็สต์ที่นี้ในวันที่ 18 เดือนมิถุนายน 2229 นับว่าเป็นจุดแรกของการเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส คนกรุงถึงได้ตั้งชื่อถนนหนทางที่ภาควิชาราชทูตเดินทางผ่านว่า Rue de Siam หรือถนนหนทางประเทศไทย ตอนนี้นักเดินทางก็สามารถที่จะท่องเที่ยวดูถนนหนทางสายประวัติศาสตร์นี้กันได้
สำหรับคนที่ถือหนังสือเดินทางเมืองไทย ต้องทำงานขอวีซ่าเชงเก้น โดยยื่นคำขอวีซ่าไปที่สถานเอกอัครราชทูตประเทศฝรั่งเศส โดยยื่นผ่านผู้แทนเป็นบริษัท TLScontact เลขที่ 12/1 ชั้น12 ตึกสาทรสิตี้ทาวเวอร์ ถนนหนทางสาทรใต้ 175 ตำบลทุ่งว่านมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
ขั้นแรกคนที่จะเดินทางจะต้องเข้าไปสมัครสมาชิกที่ fr.tlscontact.com พอลงทะเบียนเป็นระเบียบก็ล็อกอินเข้ากรอกแบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่าให้ครบ เมื่อครบถ้วนสมบูรณ์แล้วหลังจากนั้นก็เลือกนัดหมายวันยื่นขอวีซ่าในเว็บ แล้วมาตระเตรียมเอกสารให้พร้อม
เอกสารวีซ่าเชงเก้นจำพวกท่องเที่ยวของประเทศฝรั่งเศส มีดังนี้ แบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่า, หนังสือเดินทาง (ถ้าเกิดมีเล่มเก่าให้เอามาด้วย) พร้อมสำเนาทุกหน้าที่มีตราประทับรวมทั้งวีซ่า, เอกสารการจองตั๋วเรือบินไป-กลับ, ภาพถ่ายขนาด 3.5 x 4.5 ซม. 2 รูป, สัญญาประกันภัยการเดินทางที่ออกโดยบริษัทที่ได้รับการยืนยัน, หลักฐานการจองบังกะโล, ใบรับรองการทำงานตัวจริง ภาษาอังกฤษ หรือประเทศฝรั่งเศส, สำเนาสลิปค่าจ้างรายเดือน 3 เดือน พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ หรือประเทศฝรั่งเศส, สเตทเมนต์บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตัวจริงย้อนไป 3 เดือน, ใบสุทธิบัญชีจากแบงค์ฉบับจริง รวมทั้งแนวทางท่องเที่ยวในประเทศประเทศฝรั่งเศส
เมื่อถึงวันนัดหมายยื่นขอวีซ่าให้จัดแจงเอกสารต่างๆ ให้พร้อม พร้อมด้วยเงินค่าธรรมเนียม 60 ยูโร ราวๆ 2,317 บาท และจากนั้นก็นำไปยื่นขอถึงที่เหมาะบริษัท TLScontact พอเพียงยื่นเสร็จก็รอคอยการพินิจโดยประมาณ 7 วัน ก็จะทราบผลว่าวีซ่าผ่านหรือเปล่า ดูก่อนยละเอียด
ท่องเที่ยวบ้านเขา ก็จำเป็นต้องทราบขนบประเพณี สิ่งที่ควรจะทำและไม่ควรจะทำกันด้วยนะคะ อย่างประเทศฝรั่งเศสก็มีวัฒนธรรมที่ไม่เสมือนบ้านพวกเราหลายแบบด้วยเหมือนกัน เช่น การพูดคำว่า บงยกร์ (Bonjour) ก็เป็นการบอกทักกันของคนประเทศฝรั่งเศส, การทักกันของผู้ที่รู้จักกันนอกเหนือจากที่จะประสานมือแล้วหลังจากนั้นก็จะใช้แนวทางหอมแก้มทั้งสองข้างด้วย, การนั่งแท็กซี่ ผู้โดยสารจะนั่งได้เฉพาะข้างหลังผู้ขับ, การกินของกินโดยธรรมดาจะมีทั้งสิ้น 3 หลักสูตร, การกินของกินของคนประเทศฝรั่งเศสจะใช้มีดแล้วก็ส้อมปกติ ฯลฯ
ประเทศฝรั่งเศสใช้เงินสกุลยูโร ด้วยเหตุนั้นควรจะแลกเงินยูโรประจำตัวไปด้วยเลยจ้ะ อัตราแลกเปลี่ยนเดี๋ยวนี้อยู่ที่ราวๆ 1 ยูโร = 38.40 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เดือนเมษายน 2561) แม้กระนั้นไม่เสนอแนะให้พกมากมายนะคะ ด้วยเหตุว่าบางทีอาจมีการหายได้ พกไว้เฉพาะจ่ายตลาดนิดๆ หน่อยๆ ในซูเปอร์มาร์เกต หากมีบัตรเครดิต ก็ควรจะพกไปจ้ะ ทางฝั่งยุโรปนิยมใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตพอควร เมื่อก่อนไปก็โทร. เช็กกับแบงค์ที่คุณถือบัตรอยู่ก่อนนะคะ ว่าสามารถเอาไปใช้ที่ประเทศฝรั่งเศสได้ไหม แล้วก็เป็นการแจ้งให้ทางแบงค์รู้ด้วยจ้ะ ว่าพวกเราจะเอาบัตรไปใช้ที่ประเทศฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศสจะมีฤดูอยู่ 4 ฤดูร่วมกัน ซึ่งแต่ละตอนก็จะมีความงามต่างกันออกไป ขึ้นกับว่าคนไหนกันแน่ต้องการไปมองเห็นประเทศฝรั่งเศสในแบบไหน โดยฤดูใบไม้ผลิจะอยู่ระหว่างสิ้นเดือนมี.ค.-เดือนมิถุนายน ตอนนี้จะมีดอกไม้บานสะพรั่งงาม อากาศเย็นสบายพอดี หน้าร้อนจะอยู่ระหว่างก.ค.-ก.ย. เดี๋ยวนี้ตอนกลางวันจะช้านานขึ้น อุณหภูมิราว 20 องศาเซลเซียสขึ้นไป ส่วนฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มโดยประมาณสิ้นเดือนเดือนกันยายน-ธ.ค. อากาศจะเย็นลง มีฝนตกน้อย รวมทั้งหน้าหนาวจะอยู่ระหว่างธันวาคม-มี.ค. ระยะนี้มีหิมะ ก็จะต้องจัดเตรียมเสื้อแขนยาวครึ้มๆ ไปด้วย
การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศฝรั่งเศสอย่างกรุงปารีสจะมีรถไฟฟ้าใต้ดินให้บริการ ส่วนเมืองอื่นๆ นั้นก็มีรถประจำทางให้บริการจ้ะ แต่ว่าถ้าเกิดจะท่องเที่ยวผ่านเมืองคนประเทศฝรั่งเศสนิยมใช้บริการรถไฟด่วน RER หรือไม่ก็ใช้บริการเรือบินในประเทศ คนใดกันซึ่งสามารถขับขี่รถได้ ทำใบอนุญาตขับขี่สากลไปแล้วเช่ารถยนต์ขับก็ได้จ้ะ ทดลองคำนวนมองว่าไปกันกี่คน เมืองที่จะท่องเที่ยวนั้นเดินทางตรากตรำมากน้อยแค่ไหน คุ้มกับการเช่ารถยนต์หรือเปล่า
สำหรับในกรุงปารีสนั้น นักเดินทางจะเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน มีการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับโดยสารเป็นท่องเที่ยว ท่องเที่ยวละ 1.90 ยูโร แม้กระนั้นหากซื้อแบบเป็นแพ็ก 10 ใบ จะราคา 14.90 ยูโร ส่วนของเด็กถ้าหากเป็นแพ็ก 10 ใบ จะอยู่ที่ 7.45 ยูโร
ส่วนหากคนไหนกันแน่คำนวณดูแล้วว่าควรจะมีการเที่ยวทั่วทั้งยังโซน 1-5 รวมทั้งเดินทางมากเสนอแนะให้ซื้อตั๋วแบบ Navigo Decouverte ซึ่งจะเป็นตั๋วรายสัปดาห์ หรือทุกเดือนนั่นเอง ตั๋วจำพวกนี้จะสามารถใช้ได้หลายโซน ถ้าหากเลือกโซน 1-5 ก็จะมีสถานีดังๆ ดังเช่น Airport CDG, Disneyland Paris, Chateau de Versailles แล้วก็ ORY Airport (โซน 4) ราคาอยู่ที่ 22.80 ยูโร จะใช้ได้แบบอาทิตย์ชนอาทิตย์ คือถ้าหากซื้อวันจันทร์ ก็ใช้ได้ถึงเพียงแค่วันอาทิตย์ ถ้าเกิดซื้อวันพุธ ก็ใช้ได้ถึงวันอาทิตย์เช่นเดียวกัน
เว้นเสียแต่เมืองกรุงปารีสและก็ราชสำนักแวร์ซายส์แล้ว ประเทศฝรั่งเศสก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่งามน่าดึงดูดอีกเยอะมาก กระจายตัวอยู่ทั้งประเทศ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่ไม่เหมือนกันออกไป มีเสน่ห์ในแบบของตน ที่เที่ยวประเทศฝรั่งเศสที่น่าดึงดูดอื่นๆ อาทิเช่น วิหารมง-แซ็ง-มีแชล (Mont-Saint-Michel) , ราชสำนักช็องบประมาณอร์ (Chateau de Chambord) , เมืองคานส์ (Cannes) เลย์ กอร์จ มอง แวร์ป่าดง (Les Gorges du Verdon) , เมืองมาร์แซย์ (Marseille) , ทุ่งลาเวนเดอร์เมืองพรอว็องส์ (Provence) , ยอดดอยมงบประมาณล็อง (Mont Blanc) , เมืองเฟรนช์ริวีเอรา (French Riviera) , หมู่บ้านต่างจังหวัดเล็กๆ ในประเทศอาลซัส (Alsace) , เมืองคอยราคะมองร์ (Rocamadour) ฯลฯ
ถ้าหากต้องการท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสให้ลึกซึ้งมากขึ้น ก็จำเป็นต้องมาท่องเที่ยวดูตอนที่มีเทศกาลสำคัญ เพราะว่าคนกรุงจะพร้อมใจกันจัดเทศกาลนั้นๆ และร่วมเทศกาลกันอย่างกระปรี้กระเปร่า ประเทศฝรั่งเศสก็มีเทศกาลที่น่าดึงดูดหลายเทสกาลเลยจ้ะ เป็นต้นว่า
- งานคาร์นิวัลที่เมืองนีซ (Carnival de Nice) จัดขึ้นช่วงปลายก.พ.-ต้นเดือนเดือนมีนาคม
- เทศกาลอีสเตอร์ (Easter Day) จัดขึ้นตอนเมษายน
- เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival)
- เทศกาลสู้วัวกระทิง (Ferias de Nimes) จัดขึ้นตอนพฤษภาคม
- วันบัสตีย์ หรือวันชาติของประเทศฝรั่งเศส จัดขึ้นวันที่ 14 ก.ค. ของทุกปี
- เทศกาลลาเวนเดอร์เมืองพรอว็องส์ (Provence) จัดขึ้นตอนกรกฎาคม
- เทศกาลวันคริสต์มาส จัดช่วงปลายธันวาคมของทุกปี
นอกเหนือจากสถานที่เที่ยวจะงามถูกใจแล้ว ประเทศฝรั่งเศสก็ยังมีของกินที่นานัปการและก็อร่อยระดับต้นๆ ของโลกอย่างยิ่งจริงๆ ตรงนี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานศึกษาสอนทำกับข้าวมีชื่อเสียงก้องโลกอย่างเลอ กอร์ดอง เบลอ (Le Cordon Bleu) สอนทำครัวเจ้าตำรับแบบชาวประเทศฝรั่งเศสอย่างแท้จริง ด้วยเหตุดังกล่าวหากผู้ใดได้มาท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศส ก็ต้องการให้ได้ทดลองรับประทานอาหารประเทศฝรั่งเศสกันสักนิด โดยยิ่งไปกว่านั้นเครป มีอร่อยๆ เยอะเลยจ้ะ
ในเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากใหญ่ๆ ของประเทศฝรั่งเศสจะมีบ้านพักให้เลือกนานาประการแบบ ตั้งแต่โฮสเทลไปจนกระทั่งบังกะโลหรูหราระดับ 5 ดาว ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็จะราคาแพงสูงหน่อย ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ก็มองงบประมาณในกระเป๋าจะดีเยี่ยมที่สุด และก็ควรจะหาข้อมูลแต่ละเมืองไว้เพราะโซนไหนเป็นโซนไม่เป็นอันตราย อย่างในกรุงปารีส ก็จะมีการแบ่งเป็นโซน โดยนักเดินทางคนประเทศไทยชอบพักกันในโซน 4-6 รวมทั้ง 13-15
ท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสทั้งทีก็จำต้องซื้อผลิตภัณฑ์ Made in France ติดไม้ติดมือกลับมานิดหน่อย ของกำนัลประเทศฝรั่งเศสที่น่าดึงดูด เป็นต้นว่า เหล้าองุ่นบอร์โด (Bordeaux) , เหล้าองุ่นหวาน (Dessert wine) , เกลือเฟลอร์ เดอ เซล (Fleur de Sel) , ของหวานแคว้นประเทศฝรั่งเศส, La Roche-Posay, Bioderma, น้ำหอมทุกแบรนด์ โดยยิ่งไปกว่านั้นแบรนด์จากเมืองกราสส์ (Grasse) , สบู่สกัดธรรมชาติ, เครื่องแต่งตัวที่จัดอยู่ในหมวดเวชภัณฑ์, ช็อกโกแลต, แยม Bonne Maman, ชา Kusmi Tea, เทียนหอม Kerzon ฯลฯ
หวังว่าทั้งปวงนี้จะมีประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังคิดแผนท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสไม่มากมายก็น้อยนะคะ นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มสำหรับในการคิดแผนท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสพื้นฐานก็ตามใจจ้ะ ^^ ผู้ใดกันได้โอกาสท่องเที่ยวก็เก็บรูปงามๆ มาฝากกันด้วยนะคะ :)
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที