เวลาออกไปทำงานข้างนอกมันก็สนุกดีนะ
ได้เดินทาง ได้เที่ยว ไม่น่าเบื่อ
แต่เวลาต้องมานั่งเขียนงานนี่ดิ เบื่อมาก
เรายังไม่แน่ใจว่า จริงๆแล้วเราอยากทำงานเขียนแบบนี้หรือป่าว
เพราะเราสมาธิสั้น ให้นั่งเขียนบทความอะไรแบบนี้ติดต่อกันไม้ได้
เราชอบถ่ายรูป เที่ยวมากกว่า ส่วนงานเขียนเราจะเขียนเมื่อมีอารมณ์
มีคนเคยบอกว่าเราอารมณ์ศิลปิน ติ๊ดๆ ตามไม่ทัน
แต่เราว่าเราทำอะไรตามอารมณ์อารมณ์ดีก็ทำ ไม่มีอารมณ์เราก็ไม่ทำ
เพราะเราสมาธิสั้น ทำอะไรนานๆไม่ได้
มาเล่าทริปไปทุ่งใหญ่ดีกว่า
งานนี้ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าบอกอ
บอกว่าจะให้ไปเข้าป่า กับ มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
ที่ป่าเขาใหญ่ เราก็โอเค อืมๆเออๆ รับคำสั่งไปกับเค้า
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าจะไปให้ไปที่ไหน บอกแค่ว่า
"โหดนะเว่ย เอาถุงนอนไปด้วย นอนกลางดิน กินกลางทราย "
กลัวตายล่ะ!!!
เช้าวันเสาร์ตื่นแต่ตีห้านั่งtaxi ไปมูลนิธิสืบ แถวพลับพลาชัย
พอไปถึงปรากฏว่าเราไม่ได้ไปเขาใหญ่ ไปทุ่งใหญ่นเรศวรต่างหาก
อ้าว เวร ทุ่งใหญ่มันอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยว่ะ
แต่เราก็ไปกับเค้า มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 5 คน
มีเรา น้าต้อ(ตากล้องVDO) อาจารย์รตยา (ประธานมูลนิธิ เป็นผู้หญิงสูงอายุ แต่แข็งแรงมาก)
มีอาจารย์ศักดิ์สิน (อาจารย์สอนธรณีวิทยา)
และพี่บอยเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ขับรถเก่งมากกกกกกก
เราหลับตลอดทาง จนถึงกาญจนบุรีแวะกินแล้ว
และซื้อเสบียง เค้าซื้อกันเยอะมากพวกเครื่องกระป๋อง จนเรางง
อ.ศักดิ์สิน บอกเราตลอดทางว่าจะพาไปที่ที่ไม่มีใครไป ที่ไกลแสนไกล
เออ ย้ำอยู่ได้ กูรู้แล้วววววววววววว
เราผ่านไปทางอ.ทองผาภูมิ เข้าไปทางไหนสักแห่ง
ทางเข้าโหดมาก จุดหมายเราคือ เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
แวะทักทายเจ้าหน้าที่คุ้มครองสัตว์ป่า เค้าเลี้ยงอาหารกลางวันเรา
แล้วเราก็เดินทางไป บ้านเซซาโว่ ถึงเย็นพอดี
(ทุ่งใหญ่ยามเย็น.....)
ทางไปนี่แบบ โหดจริงๆ เราไปด้วยรถโฟวีล แบบออฟโรด
ทางก็แบบ ต้องปีนผา หินกรวด ลงห้วย ลุยน้ำ
หัวเราโขกกับรถหลายครั้ง สะบักสะบอมมากกกกก
ที่พักคืนแรกยังเป็นบ้านพักของป่าไม้
นอนกำลังดี ตอนกลางคืนหนาวมากกกกกกกก ถุงนอ นเราเอาไม่อยู่
กลางคืนได้ยินเสียงสัตว์ป่าร้อง ทั้งกวาง เก้ง เพราะที่ที่เรานอนล้อมรอบด้วยโป่ง
ผู้ชายนอนตรงระเบียง กลางคืนต้องย้ายเข้าไปนอนในห้องเพราะเกรงว่าเสือจะตามกวางมา
ตอนเช้าเราตื่นตั้งแต่ 6 โมง เพราะเสียงนก เสียงชะนีปลุกเรา
ธรรมชาติสุดๆ เราก็ถ่ายรูปเพลินเลย
ทุ่งใหญ่เป็นหนึ่งในมรดกโลก เป้นป่าที่เหลืออยู่แห่งเดียวในไทย
ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้และสัตว์ป่า
แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ จุดมุ่งหมายของเราวันนี้คือ หมู่บ้านกะเหรี่ยงจะแก
กลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
เราจะมาถ่ายทำและเขียนงานเรื่อง วิถีกะเหรี่ยง คนเคียงป่า
ทั้งเรื่อง การทำไร่หมุนเวียน วิถีชีวิตของเค้าที่อยู่คู่กับป่า
ระหว่างทางเราผ่าน ทุ่งพระฤาษี เป็นป่าแบบทุ่งสวันนา เหมือนแอฟฟิกา
เราชอบป่าแบบนี้มาก เพราะมันมีต้น เป้ง ต้นปลง ดูแล้วเหมือนต้นไม้ยุค จูราสิคมากก
มีอยู่ชอตนึง เราหยุดหายใจ กลั้นใจด้วยความตื่นเต้น กลัวตาย
ด้วยความสมบูรณ์ของป่า ย่อมมีเจ้าป่าอย่างเสือ
เราคุยกันในรถ เรื่องเสือว่าคนโชคดีที่จะเข้ามาทุ่งใหญ่แล้วเห็นเสือ
พี่บอยก็เคยเห็นเสือระยะประชิดมาแล้ว ใกล้ๆรถเลย เสือมันตามกวางมา
พี่เค้าตั้งใจจอดรถถ่ายรูปกวาง แต่เสือเสือกออกมาให้เห็น
ขณะที่พูด เราก็เหลือบไปเห็นเสือดำ ตัวใหญ่มากกก อยู่ข้างทาง
ระยะประมาณ 20 เมตรได้ มันกำลังเดินเข้าป่าไป
แล้วสักพักไม่เกินนาที รถเราก็ขึ้นหน้าผา ไต่หน้าผา
ล้อรถมันก็ติดหิน รถก็จะถอยหลังหล่น อ.ศักดิ์สินก็เลยลงไปดูรถให้
เราล่ะกลัว เสือมันจะมากิน แต่น้าต้อก็ออกไปถ่ายวีดีโอซอตลุ้นว่ารถจะตกเหวหรือป่าวด้วย
เราก็ทำอะไรไม่ถูก คิดว่าถ้ารถล่วงลงไปจริงๆ เราคงไม่เหลือศพ เสร็จเสือแน่ๆ
แต่ไม่กี่นาทีรถก็สามารถไต่ขึ้นไปได้
..โล่งอก
เราแทบหยุดหายใจ
เราถึงหมู่บ้านกะเหรี่ยงประมาณบ่ายสาม
แล้วก็ถ่ายงานและนอนที่นั่น
ทริปนี้ยังไม่จบจ้า
ไว้มาติดตามครั้งหน้านะ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที