ทำไมต้อง เรียนภาษาที่อังกฤษ เหตุที่อังกฤษถือเป็นประเทศต้นกำเนิด เพราะประเทศอังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคม ทำให้แต่ละประเทศที่ตกอยู่ใต้อาณัติจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1 ภาษาที่ 2 หรือแม้กระทั่งภาษาราชการกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ภาษาอังกฤษจึงแพร่หลายไปโดยปริยาย
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน คนจึงนิยมไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะได้ภาษาแล้วยังได้ใช้งานจริงอีกด้วย นอกจากนี้ตามหลักของนักภาษาศาสตร์ (Phonetician) การเรียนภาษาที่ดีที่สุดคือการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้งานจริง ทั้งในแง่ของการฟัง พูด อ่าน เขียน และในเมื่ออยากเรียนภาษาอังกฤษจะมีอะไรดีไปกว่าการที่ไปเรียนที่ประเทศต้นกำเนิดอีกล่ะ?
บางคนอาจจะไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นยังไง แต่เรามีตัวเลือกสำหรับการช่วยตัดสินใจสำหรับคุณให้ที่นี่
การเรียนภาษาที่อังกฤษมีอยู่ 2 ประเภท แบ่งเป็น
คอร์สนี้จะเป็นการเน้นฟัง พูด อ่าน เขียน สำหรับการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะพัฒนาทักษะทั้ง 4 เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารและเพิ่มความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษอีกด้วย และถึงแม้ว่าคอร์สนี้จะมีสอนทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน ครบแต่ความจริงแล้วจะเน้นการฟังและพูดมากเป็นพิเศษ คำศัพท์ที่ใช้จะไม่ได้ยากมาก เป็นศัพท์ทั่วๆ ไป
สำหรับคอร์สนี้จะเป็นการเน้นภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษ ในด้านการศึกษา การวิจัย และวิชาการต่างๆ สอนฟัง พูด อ่าน เขียน เช่นกัน แต่จะเน้นหนักไปทางอ่านและเขียนมากกว่า โดยคำศัพท์ของฝั่งวิชาการจะเป็นคำศัพท์ที่ยากขึ้นมา และเฉพาะทางมากขึ้น
แน่นอนว่านอกจากเป็นประเทศต้นกำเนิดภาษาอังกฤษแล้ว การคมนาคม ระบบสาธารณะสุขต่างๆ ยังเอื้อเฟื้อต่อผู้ที่มาเรียนมากอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ตอบโจทย์หลายๆ คน หากใครที่เป็นแฟนหนัง แฟนซีรีส์ต่างประเทศก็มีที่ให้ตามรอยหนัง หรือกระทั่งแฟนฟุตบอลก็คงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย
และแน่นอนว่าระบบการเรียนการสอนของที่นี่ก็สนับสนุนให้ผู้ที่มาเรียนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษก็ติดอันดับโลกมาตลอด รวมถึงการได้ฝึกฝนแลัซึมซับภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาโดยตรงอีก มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้พัฒนาทักษะทั้ง 4 ในการมาเรียนที่ภาษาที่อังกฤษอย่างแน่นอน
การเลือกเมืองที่จะไปเรียนภาษาก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะเราจะต้องดูว่าเมืองไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา วันนี้เราคัด 3 เมืองเด่นๆ มาให้แล้วว่าเมืองไหนน่าสนใจ เหมาะกับใครบ้าง
1. ลอนดอน (London)
เมืองยอดนิยมของคนขี้เหงา เพราะลอนดอนนั้นเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวจึงคึกคักอยู่ตลอดเวลา การเดินทางจากลอนดอนไปที่อื่นๆ ก็ง่ายแสนง่าย เป็นศูนย์กลางของเกาะอังกฤษ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
ใครสายโรงละครก็มีถนนชาฟสบิวรี่ (shaftesbury avenue) หรือใครที่เป็นสายประวัติศาสตร์ก็มีพิพิธภัณฑ์บริติช (British Museum) ให้ไปศึกษา มีย่านโซโห (Soho) ที่เป็นไชน่าทาวน์ (Chinatown) ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษอีกด้วย จึงไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารเลย
2. อ็อกฟอร์ด (Oxford)
เมืองเก่าแก่ที่เด่นในเรื่องการศึกษา ใครกันบ้างที่จะไม่คุ้นหูกับมหาวิยาลัยอันดับโลกอย่าง มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด? เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่รีบร้อนเหมือนลอนดอน นอกจากนี้ค่าครองชีพก็ไม่สูงเท่าลอนดอน ทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเก่าแก่ เรียกว่าเงียบสงบเหมาะกับการไปเรียนอย่างมาก
นอกจากนี้อ็อกฟอร์ดยังถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปิดโอกาสอีกมากมายสำหรับคุณ เพราะแค่ได้ยินว่าไปเรียนที่เมืองอ็อกฟอร์ดมา ทุกคนก็ยินดีจะต้อนรับคุณแม้ว่าคุณจะไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดก็ตาม
3. บริสตอล (Bristol)
สำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายมากไปหรือความเงียบสงบมากเกินไป บริสตอลอาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูกับเมืองนี้เท่าไหร่นัก แต่เมืองนี้ถือว่าการศึกษานั้นไม่น้อยหน้าไปกว่าเมืองอื่นๆ ในอังกฤษเลย เป็นเมืองที่เงียบสงบ แต่ก็มีส่วนที่สนุกสนานเหมือนกัน
และสำหรับใครที่ไม่คุ้น แต่รู้จัก Banksy นักวาดกราฟฟิตี้ชื่อดังระดับโลกที่ใช้ผลงานตัวเองในการขับเคลื่อนดนตรีและศิลปะ ก็อาจจะร้องอ๋อมาบ้าง เพราะเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของเขา เวลาเดินในเมืองก็จะเห็นศิลปะบนกำแพงตามตึกรามบ้านช่อง เรียกได้ว่าถูกใจสายอาร์ตและสายวิชาการแน่นอน
คอร์สเรียนภาษาที่อังกฤษส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นจะมีตั้งแต่ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน ถ้าระยะยาวก็จะเป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งคนส่วนมากจะเลือกระยะเวลา 6 เดือนเพราะไม่มากไม่น้อยเกินไป ทั้งในแง่ของระยะเวลาและค่าใช้จ่ายซึ่งจะเฉลี่ยอยู่ 120,000 - 280,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่และสถาบัน
หากอยากเรียนภาษาก็ควรจะเลือกเรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรงเพราะการเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้ใช้งานจริง จะทำให้คุณสามารถเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และควรจะเลือกเมืองที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้รู้สึกกดดันมากเกินไป นอกจากนี้ การเลือกเรียนภาษาที่อังกฤษควรเลือกอย่างน้อย 6 เดือน เพราะไม่ช้าไม่เร็วเกินไป มีเวลาให้ปรับตัวและฝึกฝนจริง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที