ตอนที่ 16
บทแทรกตอนที่ 15
.2 Geniuses
อัจฉริยะก้องโลก: อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) และวิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม ( William Henry Gates III ) หรือบิลล์ เกตส์( Bill Gates )
...2 Geniuses
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
.เขาเป็นคนเชื้อสายยิว(Jewish) เกิดเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2422 ผ่านมาแล้ว 130 ปี (นับจาก พ.ศ. 2552)
ที่เมืองอูล์ม (Ulm) ในแคว้นบาเดน-เวอร์เทมบูร์ก(Baden-Wuettemberg ) ติดกับแคว้นบาเยิร์น(Bayern หรือ Bavaria) ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี(Germany)
..
มารดาชื่อพอลลีน(Pauline)
บิดาชื่อแฮร์มานน์ ไอน์สไตน์(Hermann Einstein)
มีอาชีพเป็นพนักงานขายของ
ต่อมาครอบครัวก็ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองมิวนิค(Munich) เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาเยิร์น
.การซึมซาบความเป็นนักประดิษฐ์ คิดค้นและการทดลองจากบิดาของเขา กับได้รับการฝึกฝนดนตรี(ไวโอลิน) ตั้งแต่วัยเยาว์
..บวกกับการมียีน(gene)ของชาวฮิบรู
.ทำให้เป็นผู้ที่ได้รับการพัฒนาทางความคิดมาเป็นลำดับ
ตามประวัติแล้วเขาเริ่มเข้าเรียนที่มิวนิค และเป็นเด็กที่มีอาการผิดปกติทางพันธุกรรมหรือสมองมีอาการบาดเจ็บ
.ทางการแพทย์เรียกว่า ดิสเล็กเซีย(Dyslexia)
มองจากภายนอกแล้วดูว่าจะเป็นเด็กที่มีการเรียนรู้ช้ากว่าเด็กทั่วไป
แต่กลับทำให้อัลเบิร์ตมีเวลาใช้สมองและความคิดใคร่ครวญถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ของธรรมชาติ
มากกว่าเด็กคนอื่นๆ
รวมถึงเรื่องของครอบครัวไอน์สไตน์
โดยเฉพาะเรื่องที่แฮร์มานน์มีความสนใจและ
พยายามที่จะทดลองเกี่ยวกับเคมีไฟฟ้า
..และบางส่วนก็มาจากแรงบันดานใจที่เกิดกับตัวของอัลเบิร์ตเองเช่น
.เมื่ออายุได้ 5 ขวบ บิดาให้เขาเล่นเข็มทิศ
. และได้รู้ว่ามีแรงผลักที่ทำให้เข็มทิศเปลี่ยนทิศทางได้
..และในที่สุดแฮร์มานน์กับลุงของอัลเบิร์ต ก็ได้เปิดกิจการธุรกิจเคมีไฟฟ้าที่เมืองมิวนิค
มีชื่อว่า Elektrotechnische Fabrik J. Einstein & Cie
.ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือไฟฟ้าที่เกียวกับ
.Direct current
...แต่กิจการก็ไม่ประสบความสำเร็จ
.จนในที่สุดแฮร์มานน์ต้องพาครอบครัวไอน์สไตน์ข้ามประเทศไปอยู่ที่
.พาเวีย(Pavia) ซึ่งเป็นเมืองอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี
.ห่างจากมิลาน(Milan) ราว 35 กม.ในขณะที่เขาอายุได้ 14 ปี และมาเรียนต่อที่ซูริค(Zurich ) ในสวิสเซอร์แลนด์จนจบที่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสมาพันธรัฐสวิส
.ETH (Eidgenössische Technische Hochschule )
พอจะลำดับขั้นของพัฒนา การเรียนรู้ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้เป็น 2 ระยะคือที่เยอรมันและสวิสเซอร์แลนด์
.กล่าวคือเมื่อ
.. อายุ 5 ขวบ
เขาได้เรียนรู้จากเข็มทิศที่พ่อให้เขาเล่น....ว่ามีแรงผลักที่ทำให้เข็มทิศเปลี่ยนทิศทางได้
. อายุ 12 ปี
..สามารถทำความเข้าใจในเรื่องเรขาคณิตของ ยูคลิด(Euclid) เป็นอย่างดี ช่วงย่างเข้าวัยรุ่น:
.ลุงของเขาให้การสนับสนุนในการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยให้การแนะนำและหาหนังสือที่เขาสนใจให้อ่านเพื่อการศึกษา อายุ 16 ปี
..สามารถเรียนรู้และเข้าใจหลัก ทางคณิตศาสตร์ กฎทางฟิสิกส์ กฎของนิวตัน โดยเฉพาะเข้าใจวิชาแคลคูลัส ดิฟเฟอเรนเชียน และการอินทิกรัลได้ดี ในขณะที่อยู่ในวัยเรียน:
ขณะที่เขาเห็นแสงในท้องฟ้าและจินตนาการว่าถ้าสามารถไล่ตามแสงด้วยความเร็วเท่ากับแสงแล้วจะยังคงมองเห็นแสงนั้น
หรือไม่?....และ ในระหว่างที่ไล่ตามแสงนั้น
.ความเร็วสัมพัทธ์ของแสงจะเท่ากับศูนย์หรือไม่..?...และถ้าแสงหยุดนิ่ง
.เราจะเห็นแสงและแสงจะมาถึงตาเราหรือไม่...?.. วัตถุที่เรามองเห็นเหล่านั้นจะยังคงอยู่
หรือจะหายไปคือ
.มองไม่เห็นนั่นเอง ! อายุ 21 ปี
..เขาจบการศึกษาที่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสมาพันธรัฐสวิส
.ETH (Eidgenössische Technische Hochschule ) วิชาเอกฟิสิกส์ (Physics - เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่ว่าด้วยสสาร และ พลังงาน ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงสถานะทางกายภาพของสสารและพลังงาน ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานของการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่างๆในปัจจุบัน)
ลำดับขั้นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลังจากจบการศึกษาของอันเบิร์ต ไอน์สไตน์ และการผลสำเร็จต่างๆ
. หลังจากที่จบการศึกษามา 1 ปี
..ได้รับสิทธิ์เป็นพลเมืองของสวิสเซอร์แลน์ เขาเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีที่มีผลงานออกมา
ช็อควงการวิทยาศาสตร์ทั้งหมดโดยมีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชา
..กลศาสตร์ควอนตัม(quantum mechanics)
.สถิติกลศาสตร์(Statistical Mechanics)
และจักรวาลวิทยา(Cosmology)
อายุ 26 ปี
(พ.ศ. 2448 หรือประมาณ 104 ปีที่ผ่านมาแล้ว) เขาได้สร้างผลงานที่มีประโยชน์คุณูปการให้กับวงการวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ 3 ทฤษฎีหลักได้แก่
..1. ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Theory of Relativity) ป็นกลุ่มทฤษฎีฟิสิกส์ที่ว่าด้วยการเพิ่มพลังงานแก่มวลให้มีความเร็ว เพิ่มขึ้น มวลก็จะเพิ่มขึ้นด้วย จึงไม่มีอะไรที่จะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง ได้ความสัมพัทธ์ระหว่างมวลและพลังงานตามสมการ
. E=mc²
..2. ปรากฏการณ์โฟโตอิเลคตริก( Photoelectric Effect) แสดงให้เห็นว่าแสงเป็นพลังงานชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อตกกระทบกับโลหะ
.สามารถทำให้อิเล็กตรอนหลุดจากโลหะนั้นได้
..และมีพลังงานบางส่วนที่ถูกดูดซับไว้
เป็นที่มาของทฤษฎีคลื่นแสง
.คือแสงเป็นทั้งคลื่นและอนุภาค
..และปรากฏการณ์โฟโตอิเลกทริกนี้เองเป็นที่มาของ
..quantum mechanics
.นำมาสู่การพัฒนาเทคโนโลยีในยุคอวกาศ(Space Ace)และIT (Information Technology)
3.การเคลื่อนที่แบบ บราวเนียน( Brownian Motion) เป็นทฤษฎีการเคลื่อนที่ของอนุภาคเล็กๆที่สังเกตได้ยากด้วยตาเปล่า
. ซึ่งแขวนลอยอยู่ในน้ำร้อน โดยอาศัยทฤษฎีพลังงานจลน์โมเลกุลของความร้อน (The Molecular-Kinetic Theory of Heat) ซึ่งเป็นผลจากทฤษฎีพลังงานจลน์โมเลกุล หรือเรียกว่าเป็นการเคลื่อนที่แบบ บราวเนียนในระดับโมเลกุลนั่นเอง
.ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางทฤษฎีของชีววิทยา
.. อายุ 30 ปี.....ได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยชูริคและต่อมาก็ได้รับตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ และได้ทำการสอนในอีกหลายมหาวิทยาลัย อายุ 43 ปี
.ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
อายุ 54 ปี
.เกิดการยึดอำนาจในประเทศเยอรมันโดยพรรคนาซี(Nazi Party)มี
.อดอล์ฟฮิตเลอร์(Adolf Hitler)
เป็นหัวหน้าพรรคนาซีหรือพรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
.จึงได้หลบออกมาจากเยอรมันไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
และเข้าเป็นสมาชิกของสถาบันค้นคว้าและวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
ในขณะที่มีโครงการแมนฮัตตัน เพื่อพัฒนาอาวุธระเบิด ปรมณู.......ซึ่งโครงการนี้ก็ได้พัฒนามาโดยที่
เขาไม่มีส่วนร่วมแต่
.ก็ได้เกิดระเบิดทำลายล้างโลกขึ้นสำเร็จ
..และได้ถูกใช้ในสงครามโลกโดยนำไปทิ้งที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นการยุติของสงครามโลกครั้งที่ 2
.
เขาได้ใช้ชีวิตบั่นปลายที่เมืองพรินซ์ตัน(Princeton) มลรัฐนิวเจอร์ซีย์(New Jersey) และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในขณะที่เขาอายุได้ 76 ปี
.และที่
.Princeton University
.นี้เองที่เปิดเผยเรื่องราวของ
. The Human Side
ซึ่งเป็นความรู้ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอีกมุมหนึ่งของ
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ความตอนหนึ่งได้กล่าวว่า
.ศาสนาที่อยู่บนพื้นฐานของธรรมชาติและจิตใจและควรเป็นบทสรุปของประสบการณ์ธรรมชาติและจิตใจแบบองค์รวม
..มิใช่เป็นรูปแบบสำเร็จใดๆ
นั่นคือเป็นไปตามเหตุและผลของธรรมชาตินั่นเอง
ตรรก
.จาก
.อัลเบิร์ต..Einstein
..ความจริงจะถูกบดบังไปจนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงความเชื่อเหนือเหตุผลใดๆ
.หลังจากการถูกชักนำ
ทางความคิดของคน!
กิจกรรมท้ายบท
1. คำถาม
ตรรก
จะเกิดขึ้นได้เมื่อ
.? 2. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
.เป็นคนประเภท
.genius....ใช่หรือไม่..? 3. ท่านในฐานะเป็นผู้นำ/ผู้บริหาร
.คือ
. genius
ผู้หนึ่งใช่หรือไม่
? 4. มีความแตกต่างกันของพนักงานในสำนักงานของท่าน
.หรือไม่?
มี/ไม่มี
.(แตกต่างกันทางด้านความคิดหรือการแสดงออกทางการกระทำและด้านความฉลาด) 5. ท่านได้คติอะไรจากชีวประวัติของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
..ในแง่ของการตัดสินใจ! 6. ท่านเชื่อหรือไม่ว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไต มี
.CSR
7. เติมคำลงในช่องว่างต่อไปนี้
ในหน่วยงานของท่านมีผู้ที่เรียกว่า
genius
หรือไม่
..มี/ไม่มี
. ผู้ที่ทำให้องค์กรอยู่ได้คือ
.และเป็น/ไม่เป็น
ผู้ที่มีผลต่อรายได้หลักขององค์กร(ผลได้ผลเสีย)
มีความจำเป็นหรือไม่ที่องค์กรของท่านต้องมี
genius
.จำเป็น/ไม่จำเป็น.......เพราะ
..ถ้ามี/ถ้าไม่มี... จะเกิดอะไรขึ้น
มีความจริงอยู่ว่าถ้าเราเป็นผู้นำขององค์กร เราต้องทำงานให้มากกว่าทุกคนในองค์กร
จำเป็น/ไม่จำเป็น
เพราะ
.เรามี/ไม่มี
genius
อยู่ในองค์กร
.ท่านมองเห็นใครบ้างในองค์กรสามารถทำหน้าที่แทนท่านได้
มี/ไม่มี
ท่านกำลังลำบากแล้ว
..เพราะว่าไม่มีคนเก่งอยูในองค์กรเลย!....................คำตอบทั้งหมดอยู่ที่ท่านเองครับ!
ในตอนหน้าจะเป็นตอนจบของบทแทรกของตอนที่ 15
..ขอให้ท่านเป็นผู้ที่มีจินตนาการของการเป็นผู้นำ/ผู้บริหารครับ
.!
/////////////////////////////////////////////////////////
8 พฤษภาคม 2552
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที