ตอนที่ 37
วันที่ 11
ศาสตร์ของการบริหารงาน (Science of Management) (4)
(Stiglitz vs E. Porter ) "QC Story"
Two Gurus of Two Thai PM
ดร. ไมเคิล อี.พอร์เตอร์ (Dr. Michael E. Porter)
ไมเคิล ยูจีน พอร์เตอร์ (Michael Eugene Porter) เกิดในปี พ.ศ.2490 ที่เมืองแอนน์ อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน ( Ann Arbor, Michigan) ขณะนี้มีอายุ 62 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรม การบินและเครื่องกล (aerospace and mechanical engineering) ที่มหาวิทยาลัยพรินส์ตัน (Princeton University) และในปี พ.ศ.2512 จบ MBA ที่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ( Harvard Business School ) และจบ Ph.D. ด้านเศรษฐศาสตร์ธุรกิจที่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ( Harvard University ) ในปีพ.ศ.2514 และอีก 2 ปีต่อมา เขาก็ได้มาเป็นอาจารย์ที่ ฮาร์วาร์ด ในส่วนของ HBS (Home Business System) เขาได้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ในเวลาต่อมา
พอร์เตอร์ สอนที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นเวลา 7 ปี เขาเริ่มแต่งหนังสือและออกสิ่งตีพิมพ์ ตั่งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา ที่เด่นๆและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และถือว่าเป็นคัมภีร์ของผู้บริหารและนักธุรกิจทั่วโลก เป็นชุดต่อเนื่องของหนังสือรวม 3 เล่มคือ
1. Competitive Strategy เป็นหนังสือที่เสนอ Five Force Model ใช้ในการวิเคราะห์สภาพการแข่งขัน ในอุตสาหกรรม (Techniques for Analyzing Industries and Competitors) โดยพิจารณาจากปัจจัยภายนอกทั้ง 5 ข้อ เริ่มจาก แรงผลักดันจากนักลงทุนหน้าใหม่ / แรงผลักดันจากอำนาจการต่อรองจากกลุ่มผู้ซื้อ / แรงผลักดันจากอำนาจการต่อรองของผู้ผลิตและผู้ป้อนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต / แรงผลักดันจากการใช้สินค้าทดแทน / แรงผลักดันจากจำนวนคู่แข่งที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม ( New Entrant, Supplier, Buyer, Substitutes ,Industry Competitor ) แล้วสร้างเป็น วิธีการ / แนวทาง / สรุปเป็นกลยุทธ์ เพื่อใช้ให้เหมาะสมตามประเภทของธุรกิจนั้นๆ หนังสือเล่มนี้ออกวางตลาดในปี 2523 โดยแปลเป็นภาษาต่างๆถึง 17 ภาษา และต้องพิมพ์ออกมาถึง 58 ครั้ง
2. Competitive Advantage เป็นหนังสือที่แสดงแนวทางการใช้กลยุทธ์จากที่วางไว้ เพื่อสร้างคุณภาพจากศักยภาพ และปัจจัยภายใน ตามข้อมูลของ ปัจจัยภายนอก (Creating and Sustaining and Superior Performance) โดยให้ผลงานของกระบวนการนั้นส่งผ่านออกมาในรูปของ สินค้า /การบริการ แก่ลูกค้า การสร้าง ความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) โดย การสร้างความแตกต่าง ของสินค้า / การบริการ (Differentiation)
ความต่างด้านราคาต้นทุน (Cost Leadership) ลงลึกในรายละเอียด ( Focus ) ของความถนัดเพื่อระดมกลุ่มธุรกิจ (Cluster)
..ว่ามีจุดแข็งอยู่ที่ไหนโดยวางตลาด (position)
ของธุรกิจให้เป็นรูปแบบ ( Model ) ของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)
..เริ่มตามประเภทของธุรกิจ (Primary Activities)
.ควบคุม / ดูแลลูกค้า / การให้บริการ แก่ลูกค้า โดยมีการสนับสนุนกิจการ ( Support Activities) ทางด้านระบบ
..HR / Account / Managing หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ 2 พิมพ์ออกมาในปี 2528 โดยพิมพ์ซ้ำจำนวน 34 ครั้ง
3. The Competitive Advantage of Nations เป็นหนังสือที่อธิบาย ถึงการสร้างความได้เปรียบ ในการแข่งขันระดับประเทศ
ตามที่เราถนัด / มีความพร้อม / ตามปัจจัยภายในประเทศ โดยใช้ โมเดลเพชรพลวัต ( Dynamic Diamond ) ผู้ที่จะมีความสามารถแข่งขันในตลาดโลกาภิวัตน์ ( Globalization ) ได้นั้น ต้องอยู่ภายใต้ของปัจจัยการผลิต ( Factor Condition )
.5 M
factor
.เราต้องผลิตด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพเพื่อตอบสนอง
.ต่อความต้องการผลผลิต ( Demand Condition ) คือตลาดที่สามารถรับ..สินค้า / การบริการ ..ของเราได้ทั้งหมด
..กับสายใย / สมาชิก / พันธมิตรการผลิต
ที่สามารถสนับสนุนเราได้อย่างต่อเนื่อง ( linkage Industries ) ผนวกกับการมี กลยุทธ์ /โครงสร้างทางธุรกิจ / กฎหมายที่เอื้ออำนวยกับ
ระบบ / ระเบียบ
.ในการทำการค้าทั้งของ
ตนเอง / คู่ค้า
และของประเทศคู่แข่งขัน
ศาสตราจารย์ พอร์เตอร์ เป็นนักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ที่มีบทบาทกับการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ ระดับประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจระดับโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางที่ เชิงสร้างกลยุทธ์ แข่งขันกัน เขาเป็นผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์ และขีดความสามารถในการแข่งขัน เขาได้รับเชิญไปเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจและทำการศึกษาและวิจัยทางด้านเศรษฐศาสตร์ให้กับหลายๆ ประเทศ อาทิเช่นแคนาดา โปรตุเกส นิวซีแลนด์ อินเดีย ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาให้กับ ผู้นำอีกหลายชาติ เช่น สิงคโปร์ เอกวาดอร์ ไต้หวัน และเปรู
ในปี พ.ศ. 2544 ศาสตราจารย์ พอร์เตอร์ ได้รับการเชื้อเชิญจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการวางแผนกลยุทธ์ด้าน เศรษฐกิจระดับประเทศและก็ได้ถูกนำเอาแนวความคิดของเขา มานำเสนอต่อรัฐบาลและภาคเอกชนไทย นับว่าเป็นการปฏิรูปการบริหารระบบเศรษฐกิจให้สู่ยุคกลยุทธ์อย่างแท้จริง แต่เพราะเหตุผลนา นับประการที่ถูกนำมากล่าวอ้างโดยเฉพาะอัตราค่าตอบแทน ของเขา จนทำให้ในที่สุดรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรต้องยกเลิกแนวความคิดที่จะจ้างให้เขามาเป็นที่ปรึกษา ในที่สุด
ถึงอย่างไรก็ตาม มาในปีที่ พ.ศ. 2546 ศาสตราจารย์ พอร์เตอร์ ก็ได้รับเชิญจากบริษัทเอกชน จัดโดยสถาบันศศินทร์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เพื่อมาแสดงปาฐกถาเรื่อง "Thailands Competitiveness and Creating the Foundation for Higher Productivity" ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2546 ณโรงแรมรีเจนท์ กรุงเทพฯ และเขาก็ได้มีโอกาสเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก
.จากคำกล่าวของนายกทักษิณ ว่า
."พอร์เตอร์ต้องการให้ภาคเอกชนของไทยเข้มแข็งและฟิตมากขึ้น ไม่ใช่อะไรก็ต้องรอรัฐบาลอย่างเดียว และรัฐบาลก็ต้องปลุกเร้าให้ภาคเอกชนปรับปรุงเรื่องของศักยภาพในการแข่งขันของตัวเอง รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนที่ต้องแก้ไข"
จากกลยุทธ์การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน (Compettitive Adventage) ของ พอร์เตอร์ ให้ทั้งภาครัฐและเอกชนต้อง
ประสานความร่วมมือกันโดยการ เอานำรูปแบบ ของการรวมกลุ่มทางอุตสาหกรรมที่สามารถเอื้อประโยชน์และเกื้อหนุนกันได้ ที่เราเรียกว่า
..Clustering
. มาใช้ เพื่อเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรม
..ทั้งระดับ
.จุลภาค
และ
มหภาค
อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน
สร้างความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาว ต่อเศรษฐกิจของประเทศได้
โดยมีผลเป็นรูปธรรมจากการที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ริเริ่ม
.โครงการพันธมิตรอุตสาหกรรม
Cluster Development Project
. ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา
พอร์เตอร์ ได้แสดงความเห็นว่า
.ประเทศเล็กๆในภูมิภาคอาเซียน จะต้องสร้างความต่อเนื่องและเชื่อมต่อเป็น พันธมิตรระหว่างภูมิภาค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ
การขยายตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศนั้น
..ย่อมส่งผลให้เศรษฐกิจภายในมีการขยายตัว เพราะมีการใช้ภายใน และการส่งออกไปภายนอก เพิ่มมากขึ้น
. ทุกส่วนจะขยับไปพร้อมๆกันได้โดยเฉพาะภาค อุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ
.มีการจ้างแรงงาน และเสริมสร้างรายได้กระจายลงไปทุกระดับของพลเมืองชาติ
.ไทยต้องพยายามลดจุดอ่อนด้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านของสถานภาพทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของภาครัฐ ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงตัวคุณภาพประชาชน ทั้งความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมด้วย
ศาสตราจารย์ พอร์เตอร์
.ได้กล่าวในปาฐกถาเรื่อง
Thailand's Competitiveness Creating the Foundations for Higher Productivity
.ว่า การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่ที่การเพิ่มผลผลิต ซึ่งเป็นการสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศอย่างยั่งยืน
..ตามสายตาของ ศาสตราจารย์ พอร์เตอร์ นั้น ประเทศไทยทั้ง ภาครัฐและเอกชนไทยจะต้องร่วมมือกันเพื่อก้าวข้าม วิกฤติการณ์ ที่ยาวนานของระบบเศรษฐกิจของประเทศ และของโลกนี้ไปให้ได้ เขาเสนอแนะ 6 แนวทาง ดังต่อไปนี้
.1. ไทยจะต้องมีการปฏิวัติเพื่อยกระดับมาตรฐานการประกอบธุรกิจเพื่อเร่งให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่ม
2. ภาครัฐ และเอกชน จะต้องประสานงานร่วมกันเพื่อสร้างพันธมิตรอุตสาหกรรม
คลัสเตอร์ (Cluster )
หรือกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมเครือข่ายระหว่างอุตสาหกรรมย่อย และอุตสาหกรรมหลัก
. 3. ไทยจะต้องเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับองค์กร และหน่วยงานเอกชน เช่น เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และเพิ่มผลิตภาพการผลิต
.4. ภาคเอกชน และรัฐบาลจะต้องเดินหน้าไปด้วยเป้าหมายเดียวกัน โดยนโยบายของเอกชน กับความช่วยเหลือจากรัฐบาลส่งเสริม และสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มผลิตภาพในองค์รวมของประเทศ
.5 ต้องมีการกระจายอำนาจการบริหารของภาครัฐลงไปสู่ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่แท้จริง
.6.ไทยต้องสร้างกลยุทธ์เพื่อผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะพันธมิตร
คลัส เตอร์ (Cluster )
พอร์เตอร์ แนะจุดแข็งของไทยว่า
ควรมุ่งไปที่
.การสร้างมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอาหาร
..ไทยควรสร้างแบรนด์ ปิกอัพ ของประเทศ
.ไทยเป็นเสมือน ไอร์แลนด์ แห่งเอเชีย เพราะมีความเป็นศูนย์กลาง
..คือมีจุดแข็ง 5 ประการ ได้แก่ 1. ไทยมีความมั่นคงทางการเมือง และเศรษฐกิจในระดับมหภาคมากกว่าประเทศจีน เกาหลี มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
(ข้อนี้ต้องใช้ดุลพินิจกันเองครับ !)
2. ไทยมีขนาดของตลาดภายในประเทศมากกว่าสิงคโปร์ และฮ่องกง
3. ไทยมีความโปร่งใส และเปิดรับการแข่งขันมากกว่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน
4. คนไทยมีระดับการศึกษา และมีโครงสร้างพื้นฐาน มีประสิทธิภาพในการนำเทคโนโลยีมาใช้ ได้ดีกว่าจีน เวียดนาม พม่า และลาว
5. ไทยมีแนวทาง / วิธีของการรวมกลุ่ม
.ของอุตสาหกรรมมากกว่า (ยกเว้นอุตสาหกรรมไฮเทค) ไต้หวัน และสิงคโปร์
ไอร์แลนด์เป็นศูนย์กลางของยุโรป แต่ไทยนั้นเป็นศูนย์กลางของภูมิอาเซียน
มีความพร้อมด้วยภูมิภาคและศักยภาพในการสร้างผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมกับ
.มีแนวโน้มที่จะสร้างความร่ำรวยมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านจากการเป็นศูนย์กลางนี้ได้
..ที่น่าสังเกต
ไอร์แลนด์
สามารถสร้างความสำเร็จของการเป็นศูนย์กลางได้ภายในระยะเวลาเพียง
.15 ปีเท่านั้น !
ศาสตราจารย์ พอร์เตอร์ มีผลงานเป็นหนังสือ สิ่งตีพิมพ์ และบทความที่น่าสนใจของนักธุรกิจและนักวางแผนทางกลยุทธ์ระดับประเทศและเป็นที่ยอมรับในอารยประเทศนับเป็น 100 ผลงาน
บทส่งท้ายของตอนที่ 37 : ความเหมือนของ 2 กูรู
.ที่มีมุมมองต่อการปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ของไทยคือ
.การปฏิรูปกระบวนการจัดระบบความพร้อมภายในตั้งแต่
จุลภาค
จนถึง
มหภาค
เน้นจุดแข็งของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
..หลักการคิด / สร้างฐานความรู้ให้คนในประเทศให้รู้จักคิดว่า
.เราควรจะอยู่ในประเทศนี้ด้วยวิธีการดำเนินชีวิตแบบ
..เรียบง่าย / หรือต้องมีกลยุทธ์
..เพื่อต่อสู้กับใคร
..? ความต่าง
.ก็ตรงที่จะเอาสินค้าที่ผลิต / งานบริการ / ทรัพยากรที่มีอยู่
.ส่งออกไปขายยังต่างประเทศ (ยุโรป /อเมริกา )
..หรือให้มีการพึ่งตนเองภายในประเทศ / ในภูมิภาคเดียวกัน
..มัน
เป็นแนวนโยบายที่ต่างกัน
..การบริหารงานโดยการสร้างกลยุทธ์เพื่อส่งสินค้าออกไปทุกๆภูมิภาคที่เป็นตลาดของเรานี้หรือ!
..ผู้นำประเทศต้องเลือกแนวทางที่เหมาะสมตามที่เดินมาแล้ว
..เพื่อให้เกิดการกินดีอยู่ดีของคนในประเทศต่างหากมิใช่หรือ
!....ประเทศของเรากำลังพัฒนามี
..นโยบายของเราที่ดีสมควรนำมาใช้ได้ตลอดไปคือ
sufficiency economy ..
พร้อมๆกับ
good government
..แล้วความสำเร็จตามความเห็นของท่านกูรูทั้ง สองคงจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้านี้
.เป็นแน่ครับ !
Personal Opinion :
ระดับ CSR ของ Dr. Michael E. Porter : มีความเป็นคนของสังคมดี แนวคิดเพื่อสังคมส่วนรวม / เพื่อนร่วมงาน / ร่วมโลกใบนี้
.ดี !
ระดับ CSR ของ Joseph E. Stiglitz : มีความรับผิดชอบต่อสังคมดีระดับหนึ่ง
.มีใจช่วยเหลือผู้อื่นในระดับความคิดส่วนตัว
ดีมาก
..การจะทำตามแบบ / อย่าง
.ก็ได้แต่ต้องปรับมากที่เดียว !......รวมๆแล้ว
.ดีมาก !
///////////////////////////////////////////
2/9/2552
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที