ชนิตพล

ผู้เขียน : ชนิตพล

อัพเดท: 18 ม.ค. 2014 06.10 น. บทความนี้มีผู้ชม: 1011782 ครั้ง

"ประสบการณ์ยิ่งมากยิ่งมีคุณค่าควรรู้และยิ่งมีค่ามากที่สุดเมื่อถูกถ่ายทอดออกมาจากใจ"


วันที่ 26 Emptiness Management (4)


ตอนที่ 98

วันที่ 26

 Emptiness Management (4)

 

สังขาร…..เป็นระบบการคิดปรุงแต่ง ทางจิต โดยมีเจตนา เป็นตัวแยกแยะสิ่งที่รับความรู้สึกและจดจำเพื่อ ปรุงแต่งคุณภาพของจิต ให้เป็น….กุศลหรือคุณธรรม…อกุศลหรือกิเลส และอัพยากฤตหรือสภาพกลางๆ….เกี่ยวกับความว่างเปล่าอย่างไร? ….สัมพันธ์กับปรัชญาและนิยามของ Emptiness Management และเกิดผลอะไร? …….

ตอบตามลำดับดังนี้ :                                      

คุณยงยุทธ์ :  เมื่อกำหนดรับรู้จากการสัมผัสและอารมณ์…..ก็เกิดการปรุงแต่งภายในจิต….โดยแยกแยะได้ว่าเป็นสิ่งว่างเปล่าหรือไม่ก็ตาม…..จิตแปรความว่าเป็นอะไรโดย….ตอบสนองตามผัสสะหรือตามจิตที่ปรุงแต่งในทุกขณะ…..ความว่างเปล่าของการปรุงแต่งสามารถสร้างแรงกดดัน…ได้ตามจิต                                  คุณวุฒิชัย : ถึงแม้ว่าเป็นสภาพของจิตปรุงแต่งก็ตาม….จิตก็ยังเป็นนายของธาตุคือกาย….เห็นตรงหรือไม่ก็ย่อมเป็นนายอยู่ตลอดไป….จะเป็นความว่างเปล่าหรือไม่เป็นขึ้นกับเจตนา                                                   
คุณสุชาติ :  เจตนาเป็นตัวกำหนดความว่างเปล่าตามการปรุงแต่งของจิต….ถึงแม้จิตปรุงแต่งมาไม่ตรงตามผัสสะ…แต่เจตนาเป็นตัวบอกให้การปรุงแต่งนั้นดีหรือไม่ดี….สิ้นสุดที่สติและปัญญา….การฝึกสังขารเชิงบวก….ย่อมช่วยให้มีสภาพปรากฏของจิตที่เป็น ทาน กรุณา มุทิตา…..การทำสมาธิย่อมนำมาซึ่งธาตุหรือกายที่อุดมด้วยปัญญา                                                                                              

 

วิญญาณ…..เป็นการรับรู้สิ่งที่เป็นความรู้แจ้ง…ทางอารมณ์มีการแยกแยะการรับรู้อารมณ์เหล่านั้น…ผ่านทางอายตนะ6  คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ แปลงผ่านสื่อสัมพันธ์ ออกมาทางอารมณ์…เช่นอายตนะจาก การมองเห็นด้วย..ตา …เมื่อสัมผัสกับ..รูปแล้ว…สื่อและส่งถึงประสาท…เข้าสู่..ใจ….จึงแปลงออกมาเป็นอารมณ์ ซึ่งเปรียบเสมือนผลของสังขารธรรม….เป็นจิตที่รับรู้ถึง  รูป เวทนา  สัญญา และสังขาร…..ในส่วนรูปที่มากระทบ หู ตา จมูก ลิ้น และกาย  และสูงสุดของการรับรู้คือ….นิพพาน…….เกี่ยวกับความว่างเปล่าอย่างไร?….สัมพันธ์กับปรัชญาและนิยามของ Emptiness Management และเกิดผลอะไร? …….

ตอบตามลำดับดังนี้ :                                                                                         
คุณยงยุทธ์ :  สิ่งที่กำหนดให้รู้ถึงอารมณ์นั้นๆ..…ต้องเป็นสิ่งที่มากระทบกับประสาทสัมผัสหรือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ….ซึ่งไม่เป็นสิ่งว่างเปล่าแต่เป็นความจริงที่สัมผัสและจับต้องได้…สามารถถ่ายทอดได้                
คุณวุฒิชัย
: อายตนะ6 เป็นทางรับ..แปลง…และส่งผ่านไปถึงกันโดยขั้นสุดท้ายจะแปลงออกมาเป็นอารมณ์และการแสดงออกทาง….กาย แต่ใจที่จิตสามารถควบคุมได้ก็จะไม่แสดงออก….ซึ่งสามารถแปลงกลับมาควบคุมกายก็ได้                                                                                                                                                           
คุณสุชาติ :  ผมว่าสุดท้ายหรือผลลัพธ์ของสังขารธรรม….นั้นวิเศษสุดจริงๆนั่นคือ….ทางแห่งการหลุดพ้นได้ด้วยวิญญาณ….ที่หลุดจากสังขารธรรม….คือ นิพพาน  


สาเหตุของทุกข์
….ที่มาจาก…..เกิด – แก่ – เจ็บ - ตาย ….เกี่ยวกับความว่างเปล่าอย่างไร? ….สัมพันธ์กับปรัชญาและนิยามของ Emptiness Management และเกิดผลอะไร? …..การพบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา -  การพลัดพรากจากของรัก  - ความไม่สมหวังในสิ่งต้องการ….เกี่ยวกับความว่างเปล่าอย่างไร? ….สัมพันธ์กับปรัชญาและนิยามของ Emptiness Management และเกิดผลอะไร?  ตอบตามลำดับดังนี้ :                                                                                                                                      
คุณยงยุทธ์
: การเกิด – แก่ – เจ็บ ไม่ใช่ความว่างเปล่า….แต่…ตาย..คือความว่างเปล่าปราศจาก..สังขาร…ส่วนวิญญาณ จะสัมผัสได้หรือไม่…ก็แล้วแต่ จิต.....การทำงานที่ไม่อยู่ภายใต้การเจริญภาวนา..ศีล..สมาธิและปัญญา…จำเป็นต้องสร้างสภาวะหนึ่งๆควบคุม                                                                                          
คุณวุฒิชัย
:  การเกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย…เป็นไปตามสังขารธรรมถึง….แม้ว่าไม่มีความว่างเปล่าให้เห็นแต่การปรุงแต่งควบคุมได้ด้วยจิต….                                                                                                                  
 
คุณสุชาติ
:
  ร่างกายคือธาตุที่เป็นไปตาม…สังขารซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา…ส่วนความว่างเปล่าควบคุมโดยจิต….การทำงานที่ควบคุมจิตได้…ก็เท่ากับควบคุมทุกข์ได้ด้วย        
          


สังขารธรรม
…คือไตรลักษณ์  ได้แก่ อนิจจตา ทุกขตา และ อนัตตตา…….

อนิจจตา….หรืออนิจจลักษณะ….คือความไม่เที่ยงของขันธ์….สิ่งที่เกิดกระทบกับขันธ์…อาการที่เกิดขึ้นคงอยู่และเสื่อมลงกับขันธ์….เกี่ยวกับความว่างเปล่าอย่างไร? ….สัมพันธ์กับปรัชญาและนิยามของ Emptiness Management และเกิดผลอะไร?                                                                                      

ทุกขตา….เป็นทุกขลักษณะ…..เป็นทุกข์ของขันธ์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดการขัดแย้งกับความรู้สึกจนเกิดความไม่คงที่ของขันธ์และปัจจัยปรุงแต่…..เกี่ยวกับความว่างเปล่าอย่างไร? ….สัมพันธ์กับปรัชญาและนิยามของ Emptiness Management และเกิดผลอะไร?                                                                                     
 
อนัตตตา
…..เป็นอนัตตลักษณะ….การไม่มีตัวตน หลุดจากขันธ์ ไม่มีสิ่งกระทบขันธ์ จึงไม่ทุกข์และไม่มีอำนาจจึงไม่มีผลที่จะมาพึ่งพิงขันธ์…เกี่ยวกับความว่างเปล่าอย่างไร? ….สัมพันธ์กับปรัชญาและนิยามของ Emptiness Management และเกิดผลอะไร? …….

ตอบตามลำดับดังนี้ :    

คุณยงยุทธ์ , คุณวุฒิชัย และคุณสุชาติ : ตอบปัญหาร่วมกันสรุปว่า                                                         

อนิจจตา :  เป็นความไม่เที่ยงของขันธ์…เป็นได้ทั้งความว่างเปล่าและไม่ใช่ความว่างเปล่า….เป็นได้ทั้งสิ่งเที่ยงแท้และสิ่งไม่เที่ยง                                                                                                                               
ทุกขตา
:   เมื่อใดที่ขันธ์เกิดความขัดแย้งกับจิตปรุงแต่งก็ทำให้เกิดทุกข์….ซึ่งย่อมไม่เกิดความว่างเปล่า…แต่ก็มีความสงบแขวงอยู่เมื่อขันธ์และจิต มาบรรจบพอดีที่….ศีล-สมาธิ-ปัญญา….มีจิต ที่ตั้งอยู่ใน สมาธิ  

อนัตตตา : เป็นทางเดียวที่ไปสู่ความว่างเปล่า และการไม่มีตัวตน…นั่นคือหลุดออกจากขันธ์

 

บทส่งท้าย : ในตอนหน้าเป็นการสรุปความสัมพันธ์….และคำตอบทั้งหมดของทุกข์ ที่สัมพันธ์กับความว่างเปล่า…และการนำมาประยุกต์ใช้….กับการบริหารงานแบบ… Emptiness Management….ในเบื้องต้นนี้จะเห็นได้ว่า….การเข้าใจเนื้อแท้ของความหมายและองค์ประกอบของ…ทุกข์…โดยละเอียด…ก็จะเข้าใจหลักของการบริหารงานของ Emptiness Management ที่ใช้….ทุกข์ของขันธ์ตัวเดียว….สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่นั้น เกิดขึ้นแล้วสามารถรับได้ด้วยประสาทสัมผัสแรก…คือการมองเห็นด้วยตา….ส่วนปฏิกิริยาต่อไปคืออะไรนั้น….ผู้นำ / ผู้บริหารจะต้องตัดสินใจด้วยตนเอง….ว่าจะหาคำตอบ / หาทางแก้ไข / และจะดำเนินการอะไรต่อไป…..เพราะอาจจะมีบางสิ่งที่เป็นส่วนของความหมาย…แต่ไม่มีความเกี่ยวข้อง….จะเป็นคำตอบของสิ่งปรากฏให้เห็นนั้นก็เป็นได้

////////////////////////////////////////

14/4/2554

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที