บันทึกการเดินทางไปภูกระดึง (ฝั่งบ้านฟองใต้ ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์) | |||||||||||||||||
ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค. 2548 | |||||||||||||||||
"บทที่ 4 : เดินทางกลับ" | |||||||||||||||||
ตื่นนอนเวลา 06.30 น. ของวันที่ 4 ธ.ค. แปรงฟัน + ล้างหน้า (แต่ไม่อาบน้ำอีกแล้ว) เจ้าหน้าที่ฯ เค้าชวนกินกาแฟ (เค้าต้มน้ำร้อนให้) แต่ไม่ชอบกาแฟ ยังดีที่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป | |||||||||||||||||
และปลากระป๋องที่เตรียมมา ได้รองท้องเป็นอาหารยามเช้า ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดและเก็บของให้เรียบร้อยเท่าไหร่ คนที่จะขอติดสอยห้อยตามไปด้วย เค้าก็บอกว่า จะลงไปกันแล้วนะ | |||||||||||||||||
ตอนประมาณ 7 โมงกว่าลงจากภูป่าก่อ ขอถ่ายรูป Tent เป็นที่ระลึกก่อนเพราะตอนกลางคืนไม่สามารถถ่ายได้เพราะมืดมากถึงมากที่สุด | |||||||||||||||||
Tent น้อยคอยรัก |
ก็เลยต้องรีบเก็บของยัดใส่กระเป๋าในบัดดล (เพราะกลัวไม่มีรถกลับ) ก็ยังใส่ชุดนอนอยู่ | ||||||||||||||||
นั่นแหละ (เสื้อยืด + กางเกงวอร์ม) ค่อยไปเปลี่ยนที่บ้าน Home Stay ก็ลงกันไปหลายคน กลุ่มแรก | |||||||||||||||||
ลงไปก่อน เราก็ตามหลังไปห่างๆ แล้วก็มีอีกกลุ่มตามมา (มีเด็กเล็กๆ ไม่น่าจะเกิน 9 ปี 4-5 คน ด้วย | |||||||||||||||||
เด็กพวกนี้ก็เก่งนะ ยังเดินขึ้นภูฯ ไหว ไม่เหมือนผู้ใหญ่บางคน) ตอนเดินลงไม่ลำบากมาก แต่เพราะยัง | |||||||||||||||||
เจ็บขาอยู่ ก็เลยแย่หน่อย แล้วบางทีทางมันก็ชัน มันหยุดไม่ค่อยอยู่ ก็เกือบลื่นล้มไปเหมือนกัน | |||||||||||||||||
เดินไปตอนแรก ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดๆ (เพิ่งรู้ทีหลังว่า กลุ่มแรกเดินไปเจอช้างป่า เสียดายที่ไม่ได้เจอ) | |||||||||||||||||
ก็เลยเอาหูฟังเข้าหู ฟังเพลงและก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องคิดอะไร และอวดเก่งคิดว่า เดินกลับเองได้ | |||||||||||||||||
เพราะตอนมาก็ยังมาเองได้ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ มันดันหลงตอนจะถึง เพราะจำไม่ได้ว่า ทางรกๆ | |||||||||||||||||
ที่เราเดินไปตอนแรกมันอยู่ไหน ลองเดินเข้าไปในกอไผ่ เจอแต่ใยแมงมุมเต็มหน้าเลย (ทำไงดีวะ) | |||||||||||||||||
รู้ว่ามันต้องไปทางขวาแน่ๆ ก็เลยลองลุยเข้าไปเลย ไปเจอลำน้ำสูงประมาณหัวเข่า ก็ถลกขากางเกงวอร์ม | |||||||||||||||||
ขึ้นมา เพื่อไม่ให้เปียกน้ำเกินไป มือหนึ่งถือรองเท้า อีกมือถือกระเป๋า โชคดีน้ำไม่แรงมากเลยเดินถึงฝั่ง | |||||||||||||||||
อย่างปลอดภัย แต่เท้าเน่ามาก ก็ไปเจอกลุ่มชาวบ้านที่เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย เลยถามทางไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน | |||||||||||||||||
ก็ไม่ไกลมาก แต่มันต้องผ่านบ้านคนที่เลี้ยงหมา 4-5 ตัวนี่สิ เอาไงดีวะ มันมองมาแล้ว มันเริ่มเห่าแล้ว | |||||||||||||||||
จะวิ่งก็ไม่ดี เดี๋ยวมันไล่เอา เลยทำใจดีสู้หมา มองมันอย่างนั้นแหละ ยังดีที่เจ้าของบ้านกินข้าวอยู่แถวนั้น | |||||||||||||||||
เลยช่วยไล่ให้ ไม่งั้นมันคงได้ฝากรอยเขี้ยวไว้บนขาแน่ๆ เลย แล้วก็เดินไปถึงบ้านพักโดยสวัสดิภาพ | |||||||||||||||||
(ตกใจอยู่เล็กน้อย) ไปถึงก็เห็นคนกลุ่มแรก (เด็กม. 2-3 10 กว่าคน) นั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านตรงข้ามที่พัก | |||||||||||||||||
ยกมือไหว้เจ้าของบ้าน แล้วก็รีบไปอาบน้ำ เก็บของที่ยังค้างอยู่ แล้วก็นั่งคุยกับคุณบุญทันและภรรยาเค้า | |||||||||||||||||
ตอนนั้นลองดูรถกระบะที่จะขออาศัยเค้ากลับ เทียบกับจำนวนคนแล้ว มันไม่น่าจะพอนะ อาจจะกลับไม่ได้ | |||||||||||||||||
ประจวบกับที่คุณบุญทันมาบอกว่า ไปคุยกับเจ้าของรถแล้ว เค้าบอกว่า รถเต็ม กลับด้วยไม่ได้ ตอนนั้น | |||||||||||||||||
ใจแป้วมาก เอาไงดีล่ะทีนี้ จะเหมารถ หรือนอนต่ออีก 1 คืน (แต่ไม่อยากอยู่แล้ว อยากกลับไปพักผ่อน) | |||||||||||||||||
ฝ่าฟันดงไผ่ |
|||||||||||||||||
แต่อยู่ๆ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิด เสียงแตรรถของรถกระบะคันนั้นช่างเหมือนกับเสียงจากสวรรค์ | |||||||||||||||||
เค้าตะโกนบอกให้มาขึ้นรถกลับด้วยกัน อารมณ์ตอนนั้นดีใจมาก แต่ก็ยังคลางแคลงใจในสิ่งที่คุณบุญทันพูด | |||||||||||||||||
เพราะมันไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เจอ (คิดว่า เค้าคงอยากให้เหมารถเค้าออกไปส่ง ตั้ง 500-700 บาทแน่ะ | |||||||||||||||||
ทั้งที่เราก็จ่ายค่าที่พักให้ไปแล้ว 300 บาท จริงๆ ค่าที่พักตามที่กำหนดไว้คือ 100 บาท/คน/คืน แต่เราเห็นว่า | |||||||||||||||||
เค้ามีน้ำใจให้ข้าวเรากิน 3 มื้อ แล้วยังพาไปเที่ยวน้ำตกอีก ก็เลยถือเป็นสินน้ำใจ แต่ก็ไม่อยากคิดว่า เค้าโกหก | |||||||||||||||||
เพราะอยากได้เงินเพิ่ม) แล้วเค้าก็ให้เบอร์โทรฯ มา บอกว่า ถ้าวันหลังมากันเยอะๆ ก็ติดต่อเค้าได้ จะได้เอารถ | |||||||||||||||||
ไปรับ (Package เหมาจ่ายรายวันมั้ง) ก็รับไว้ (แต่คิดว่าคงไม่ติดต่อกลับ แต่ถ้าใครอยากได้เบอร์เค้าก็โทรฯ | |||||||||||||||||
มาถามเราได้ที่ 014320052) แต่ยังไงก่อนกลับก็ต้องยกมือไหว้ตามแบบฉบับของคนไทย แล้วก็รีบขึ้นไปนั่ง | |||||||||||||||||
บนรถกระบะตอนครึ่ง หลังคนขับ ส่วนเด็กๆ นั้น ก็นั่งคุยกันที่หลังรถกระบะ ระหว่างทางกลับ เจอกับรถของ | |||||||||||||||||
นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่สวนทางมา พอเจอคนหน้าตาดีหน่อย ก็กรี๊ดกันกระจกแทบแตก (เจอควายบนถนน | |||||||||||||||||
ก็ยังกรี๊ดเลย ไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้เลย) ภายในรถ ก็ได้คุยกับเจ้าของรถและภรรยาของเค้า ก็ได้ความว่า ทำไร่ | |||||||||||||||||
ข้าวโพดอยู่ที่อ. หล่มเก่า แต่ขายได้ราคาไม่ดีนัก และมีลูกชายอีกคนจบม. 6 แต่ไม่ยอมเรียนต่อ ไม่รู้ทำไม | |||||||||||||||||
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ในรถขนข้าวโพด |
|||||||||||||||||
คนเราเมื่อมีโอกาส กลับไม่อยากเรียน เค้าก็เลยถามว่า ที่บริษัทฯ รับพนักงานหรือเปล่า | |||||||||||||||||
ก็เลยตอบไปว่า รับอยู่ แต่ต้องยืนทำงานในโรงงานจนเมื่อยขาแน่ๆ พร้อมทั้งให้นามบัตรไป | |||||||||||||||||
(แต่ก็ไม่ได้บอกเค้านะว่า ใกล้จะลาออกแล้ว) เค้าก็ชวนให้ไปเที่ยวกันต่อแถวอุทยานฯ | |||||||||||||||||
น้ำหนาว [แต่จำชื่อสถานที่ไม่ได้ เพราะตอนนั้นอยากจะกลับแล้ว และไม่ใช่นางงาม (รักเด็ก)] | |||||||||||||||||
ก็เลยปฏิเสธเค้าไปอย่างนุ่มนวลว่า เหนื่อยและขายังเจ็บอยู่ คงเดินไม่ไหว (จริงๆ นะ) เค้าก็เลย | |||||||||||||||||
จอดให้ลงกลางทางตรงจุดเดิมกับตอนขามาที่คุณครูผู้ใจดีได้เคยมาส่ง เค้าก็แนะนำว่า ให้ลอง | |||||||||||||||||
โบกรถขนข้าวโพดซึ่งมีผ่านอยู่หลายคัน จากนั้นก็ได้ไหว้เพื่อแสดงความขอบคุณในความมีน้ำใจ | |||||||||||||||||
และไปนั่งรอรถที่ศาลา (ที่เดิมเป๊ะๆ) พร้อมซื้อน้ำและคุยกับคนแถวนั้นซักพัก ไม่นานก็มีรถ 6 ล้อ | |||||||||||||||||
สีฟ้าผ่านมา เลยรีบวิ่งข้ามถนน เพื่อไปโบกรถ (ครั้งแรกตั้งแต่ที่มาเที่ยว) ตอนแรกคิดว่า คงไม่จอดมั้ง | |||||||||||||||||
เพราะผ่านหน้าไปแล้ว 10-20 เมตร แต่ปรากฏว่า เค้าจอดให้ ก็บอกไปว่า ขอติดรถไปลงที่แยก | |||||||||||||||||
ห้วยสนามทรายเพื่อรอรถเข้าหล่มสัก ก็ได้นั่งที่หน้ารถ เพราะหลังรถมีข้าวโพดอยู่เต็มคัน จึงได้คุย | |||||||||||||||||
กันอย่างเต็มที่ เลยถามไปว่า จะไปส่งข้าวโพดที่ไหน เค้าบอกว่า ที่อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น แต่ละวัน | |||||||||||||||||
จะขนวันละ 3-4 เที่ยว เที่ยวแรกออกเวลาประมาณตี 4 แล้วเค้าก็ยังเล่าให้ฟังว่า ต่อไปพื้นที่แถวนี้ | |||||||||||||||||
จะหันมาปลูกยางพารา เพราะขายได้ราคาดีกว่า ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่หมาย ก็ถามไปว่า | |||||||||||||||||
ค่าโดยสารเท่าไหร่ เค้าบอกไม่เป็นไร ก็เลยรีบยกมือไหว้ขอบคุณในความมีน้ำใจของคนไทย | |||||||||||||||||
มาถึงที่หมายในช่วง 10 โมงกว่า ก็ข้ามไปรอรถฝั่งตรงข้ามกับตอนขามา ระหว่างรอรถ | |||||||||||||||||
เกิดนึกสนุกอยากลองโบกรถดู เพราะเห็นรถกระบะผ่านมาหลายคัน แต่เคย | |||||||||||||||||
มีคนบอกให้ระวัง อาจจะเจอคนไม่ดี ก็เลยระงับอาการอยากลองไว้ก่อน | |||||||||||||||||
รอรถเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้เสด็จเข้าเมืองหล่มสัก ระหว่างนั่งรถก็หลับ | |||||||||||||||||
เกือบตลอดทางเพราะอาการเพลียและเหนื่อยจากการเดินทาง จนไปถึงบขส. | |||||||||||||||||
หล่มสักในเวลาเที่ยงกว่า ๆ ก็เดินไปถามคนขายตั๋วว่า มีรถทัวร์ป.1 หรือเปล่า | |||||||||||||||||
ค้าบอกว่ามีแต่รถป.2 เข้ากทม. (213 บาท) ตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่าคิวรถป.1 อยู่ไหน | |||||||||||||||||
(ไม่รู้ว่าจะนั่งรถอะไรเข้าเมืองดี) และคิดว่าเวลาคงไม่ต่างกันมาก (รถป.1 ใช้เวลา | |||||||||||||||||
4-5 ชั่วโมง) ก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋ว โดยรถจะออกเวลา 13.00 น. | |||||||||||||||||
จองตั๋วเสร็จ เกิดอาการหิวขึ้นมาโดยทันใด ตอนนั้นมีข้าวเหนียวที่ | |||||||||||||||||
ทางบ้านคุณบุญทันให้มาตอนแรก เลยไปหาซื้อพวกหมูย่าง หรือไก่ย่าง แต่ไม่เจอ | |||||||||||||||||
เจอแต่ไส้กรอกอีสาน เลยซื้อมา 2 ชิ้น (10 บาท) + น้ำอีก 1 ขวด (8 บาท) | |||||||||||||||||
ก็พอประทังความหิวไปได้ กินไส้กรอกหมดแล้ว แต่ข้าวเหนียวยังเหลือ ทำยังไงดี | |||||||||||||||||
จะเก็บไว้ก็ใช่ที่ เลยตัดใจทิ้งลงถังขยะ โดยพยายามไม่นึกถึงเด็กชาวเอธิโอเปีย | |||||||||||||||||
บ่ายโมง 5 นาที รถมาจอดรอที่ท่ารถ รีบขึ้นรถ เสียบหูฟังเพลงพร้อมทั้ง | |||||||||||||||||
นั่งรถชมวิวไปเรื่อยๆ รถทัวร์ก็แวะตามบขส. ต่างๆ ไปเรื่อยๆ เช่นกัน ตอนแรกยัง | |||||||||||||||||
เฉยๆ ไม่คิดอะไรมาก แต่นานๆ ไป รู้สึก ทำไมมันแวะถี่จังฟะ (แต่ยังดีนะที่เค้าไม่รับ | |||||||||||||||||
คนมายืนบนรถ ไม่เหมือนสายตะวันออก คนยืนโหนกันเต็มรถเลย) ไม่ไหวแล้วเพราะ | |||||||||||||||||
เริ่มเมื่อย จนมาถึงที่บขส. อะไรสักที่ รถก็จอดให้ลงเพื่อไปเข้าห้องน้ำและซื้อของรองท้อง (ซื้อ Oishi 1 ขวด + ช็อกโกแล็ต Alfie 1 อัน) ผ่านไป 5 ชั่วโมงแล้ว หันไปมองข้างทาง กทม. อีก 100 กว่าโล | |||||||||||||||||
(ไม่อยากจะคิดเลยว่า จะถึงกทม. กี่โมง) จนกระทั่งทุมกว่าๆ มองเห็นแล้ว Future Park Rangsit (ดีใจโคตร) แต่รถก็ติดอยู่เหมือนกัน กว่าจะไปถึงหมอชิต 2 ก็ 2 ทุ่มกว่า หิวข้าวมากๆ แต่ก็อยากรีบกลับ | |||||||||||||||||
ไปดูรถทัวร์ป.1 ไปบางแสนปรากฏว่า รถหมดแล้ว แต่ยังดีที่มีรถตู้อยู่ 1 คัน แม้ว่าราคาจะแพงกว่าปกติ (ที่ละ 150 บาท) ก่อนจะขึ้นรถก็ขอเค้าไปซื้อนม + ขนมปังกินรองท้องบนรถตู้ ไปถึงที่รถพบว่า | |||||||||||||||||
ต้องนั่งเบียดกัน 4 คนหลังคนขับรถตู้ออกเวลาเกือบ 3 ทุ่ม แต่คนขับขับเร็วมากถึงตลาดหนองมนตอน 4 ทุ่มนิดๆ ข้ามสะพานลอยไปขึ้นรถสองแถวกลับเข้าไปที่พักตรงบางแสนสาย 2 ถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ | |||||||||||||||||
ตอน 4 ทุ่มครึ่ง | |||||||||||||||||
กลับมาถึงลองคิดคำนวณค่าใช้จ่ายตั้งแต่ออกเดินทางไปหล่มสัก (จากหมอชิต 2) จนถึงเดินทางกลับมากทม. ใช้ไปไม่ถึง 2,000 บาท รวมพวกของที่ซื้อไปกินบนภู (จริงๆ กดตังค์มา 4,000 กว่า) | |||||||||||||||||
รู้สึกว่า ไม่แพงเมื่อเทียบกับประสบการณ์ชีวิตที่ได้มา และเมื่อลองสังเกตข้าวของรอบตัว ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า ทุกอย่างมีรอยเปรอะเปื้อนทั้งฝุ่นและโคลนทำให้ยังจดจำคืนวันที่ได้ผ่านมาอย่างชัดเจน | |||||||||||||||||
แต่ก็ต้องกองทุกอย่างไว้ตรงนั้นก่อน แล้วไปอาบน้ำ กินยาคลายกล้ามเนื้อ ดูทีวี (หลังจากที่ไม่ได้ดูมาหลายวัน) แล้วก็หลับตานอนอย่างมีความสุขในคืนที่เงียบเหงา (เพราะเป็นวันหยุดยาว คนยังไม่กลับมา) | |||||||||||||||||
จบบทที่ 4 |
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที