รูปแบบเจ้าของคนเดียว (Sole or Individual Proprietorship)
เป็นรูปแบบธุรกิจที่ดำเนินกิจการโดยบุคคลเพียงคนเดียวและเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวหรือคู่สามีภรรยาร่วมกันเป็นผู้ก่อตั้งกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังผลกำไรเป็นหลักส่วนมากมักเป็นกิจการขนาดเล็ก เจ้าของเป็นผู้บริหารจัดการงานทั้งหมด ดังนั้นจึงมีความคล่องตัวในการจัดการงานสูง เนื่องจากสามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆได้เอง หากกิจการมีกำไรเจ้าของกิจการจะได้รับผลตอบแทนในรูปของกำไรแต่เพียงผู้เดียว แต่ถ้าในกรณีตรงข้ามกิจการเกิดการขาดทุนเจ้าของกิจการจะต้องรับผิดชอบผลการขาดทุนและหนี้สินที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน ในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบเจ้าของคนเดียวนี้มีประโยชน์ในกรณีที่เจ้าของกิจการมีเงินลงทุนน้อย ธุรกิจที่จะดำเนินการไม่มีความยุ่งยากแต่หากกิจการต้องการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากขาดความน่าเชื่อถือจากสถาบันการเงินและถ้าหากเจ้าของมีประวัติด้านการทำธุรกรรมการเงินที่ไม่ดีด้วยแล้วจะยิ่งส่งผลในแง่ลบอีกด้วย
ข้อดีของรูปแบบธุรกิจที่ดำเนินโดยบุคคลเพียงคนเดียว
1. การจัดตั้งและการยกเลิกกิจการ
2. อิสระในการบริหารจัดการ
3. ความภาคภูมิใจในความสำเร็จและเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทได้
4. ส่วนแบ่งผลประโยชน์
5. ปัญหาในการจัดทำบัญชี แต่จะต้องเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าตามฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
มีพาณิชยกิจบางอย่างที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ คือ
1. การค้าเร่ การค้าแผงลอย
2. พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
3. พาณิชยกิจของนิติบุคคลซึ่งได้มีพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
4. พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม
5. พาณิชยกิจของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์
6. พาณิชยกิจซึ่งรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที