ผู้ใดที่มีพ่อแม่หรือบรรพชนที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าการขายมา ตั้งแต่กาลนานมา ส่วนใหญ่จะนำมันมาถ่ายทอดสู่ลูกหลานที่รักในการสืบทอดกิจการค้าของตนเอง เช่น ตั้งข้อสังเกตจากคำถามของลูกค้าที่เข้ามาถามหาเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการแต่ว่าตนเองไม่มีขาย เมื่อถามบ่อยครั้ง เถ้าแก่จะเริ่มใช้วิจารณญาณว่าสินค้าและบริการดังกล่าวร้านค้าของตนเองจะมีศักยภาพพอที่ขายสินค้าหรือบริการนั้นได้หรือไม่ โดยพิจารณาจากต้นทุนของสินค้า ทุนในการดำเนินกิจการรวมทั้งทำกำไรได้คุ้มค่าหรือเปล่าและสามารถนำมาขายได้จริงหรือไม่ นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่พบมากที่สุดในร้านขายของชำหรือร้านโชว์ฮ่วย
สำหรับบัณฑิตรุ่นใหม่ที่อยากมาช่วยป่าป๊า หม่าม๊าขายของ ถ้าได้ดำเนินกิจการไปแล้วพบสภาวการณ์บางอย่างที่จะต้องทำวิจัยตามที่เรียนมาไม่ว่าจะเป็นยอดขายตกต่ำ หรือลูกค้าเสื่อมความนิยมในตัวสินค้าและบริการ เราจะดำเนินการวิจัยได้อย่างไร มันไม่เหมือนกันกับที่เรียนมา เช่นลูกค้าบางรายอ่านหนังสือไม่ออกอ่านแบบสอบถามไม่ได้ ส่งแบบสอบถามไปบ้านไม่ยอมส่งกลับมา ลูกค้าบางรายเป็นลูกค้าขาจร ไม่ได้มาซื้อประจำ ร้านค้ามีกำไรน้อยไม่คุ้มค่ากับการลงทุนทำวิจัย หรือจะใช้การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว เราเองไม่มีเวลาเพียงพอ และลูกค้าเองเช่นกัน มีบางรายไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวที่แท้จริงในการสัมภาษณ์ เช่น รายได้ อายุ สถานภาพ อาจเป็นเพราะขวยเขิน หรือต้องการปกปิดด้วยเหตุผลบางประการ ตลอดจนอาจเกิดความคาดเคลื่อนของสารสนเทศที่ได้เพราะไม่ทราบขนาดประชากรสำหรับการสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่แน่นอนเพื่อกำหนดระดับความเชื่อมั่นในการทำวิจัย
ดังนั้นการตัดสินใจแต่ละครั้งในเรื่องต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการแทบทุกรุ่นทุกวัยในฐานะเถ้าแก่ร้านหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเสี่ยงกับการตัดสินใจ หากผิดพลาดอันจะมีผลเสียคือปัญหาการขาดทุนตามมา เรียกกันว่าจะต้องใช้ ความเก๋าเดาสุ่ม เพราะขาดข้อมูลหรือสารสนเทศเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น ในฤดูทำนาของทุกปีชาวบ้านที่เป็นชาวนาจะซื้อรถไถนาและอุปกรณ์ประกอบที่ใช้ในการทำนา เห็นคู่แข่งหรือร้านค้าที่ขายสินค้าเหล่านี้ประจำเอาสินค้าเหล่านี้มาขายแล้วขายดี จะเกิดคำถามว่า เราจะซื้อมาขายเหมือนเขาได้ไหม ถ้าเถ้าแก่รายใดใจกล้า จะทำการตัดสินใจเอาสินค้าเหล่านั้นมาขายทันที โดยไม่มีการสำรวจก่อนว่าชาวบ้านที่เป็นชาวนาที่ว่านี้ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ ถ้าโชคดีเกณฑ์ที่ว่านี้ไม่มีอะไรมากเกินกว่าเถ้าแก่รถไถนารายใหม่จะสร้างเกณฑ์มาตรฐานได้ตามคู่แข่ง ถือว่าโชคดีการตัดสินใจเอารถไถนามาขายครั้งนี้ไม่เสียหายจนต้องขาดทุน แต่ในทางตรงกันข้ามลูกค้าตัดสินใจซื้อโดยดูจากชื่อเสียงของร้านค้า ความน่าเชื่อถือและการบริการหลังการขายที่น่าประทับใจแบบไม่รู้ลืมของเถ้าแก่ร้านเดิมเจ้าประจำ ล่ะ ? เถ้าแก่รถไถรายใหม่ จะทำอย่างไร ในทางวิชาการเรียกปัจจัยที่เถ้าแก่รถไถรายใหม่ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันกับคู่แข่งเดิมได้ ว่า High Barrier Entries หรือกำแพงในการขวางกั้นมิให้คู่แข่งรายใหม่เข้ามาแข่งขันได้ง่าย ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ ถือว่าการตัดสินใจในการทำธุรกิจผิดพลาดเพราะขาดข้อมูลหรือสารสนเทศ แล้วเราจะมีวิธีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ได้ข้อมูลหรือสารสนเทศเหล่านี้มา นอกจากวิธีระเบียบวิจัยทางธุรกิจ แบบที่สอนในสถาบันการศึกษาที่มุ่งใช้กับองค์การธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลัก
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที