วิกูล

ผู้เขียน : วิกูล

อัพเดท: 10 ก.ย. 2009 07.42 น. บทความนี้มีผู้ชม: 6351 ครั้ง


ไม่ทำ ๕ ส. จะทำให้การทำอย่างอื่นยุ่งยากไปหมด


-



ยิ่งโลกพัฒนาไปมากเท่าใด การผลิตก็มีการแข่งขันกันสูงตามไปด้วย เพราะถ้าสถานประกอบการใด ไม่อ่อนไหวต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว ก็ยากที่จะประคับประคองตนเอง ให้อยู่รอดปลอดภัยได้ จะประสบกับสภาวะทุนหายกำไรหด งดการดำเนินกกิจการไปในที่สุด

 

เมื่อมีการแข่งขัน สถานประกอบการที่ไวต่อกระแส ต่างก็พยายามค้นหากิจกรรมมาเสริมในกระบวนการบริหาร กระบวนการผลิต จะเห็นได้จากมีกิจกรรมเพื่อการเพิ่มผลผลิตออกมาอย่างมากมาย ที่ศูนย์ฝึกอบรมต่างๆ เป็นต้น นำเสนอเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน

 

สถานประกอบการเอง ก็ให้ความสนใจในหลักสูตรกิจกรรมนั้นๆ บ้างส่งพนักงานไปอบรมภายนอกองค์กร หรือจัดหาวิทยากร ที่ปรึกษา เพื่อเข้าไปให้ความรู้ถึงที่ทำงานหลากหลายกิจกรรมหลากหลายวิชาการ ทั้งนี้ก็เพื่อส่งเสริมการเพิ่มผลผลิต ให้มีภูมิคุ้มกันอยู่รอดได้ในสถานการณ์ และบรรยากาศการค้าเสรี เช่นปัจจุบัน

 

แม้จะมีความพยายาม จัดหากิจกรมวิชาการต่างๆมากมาย ชนิดทีเกือบเป็นตลาดนัดกิจกรรม ตลาดนัดวิชาการการเพิ่มผลผลิตไปแล้วในสถานประกอบการนั้น จนพนักงานบางคนสับสนว่าเขาได้อบรม หรืออยู่ในกลุ่มกิจกรรมใดบ้าง เพราะมากเหลือเกิน

 

การกระทำเช่นนั้นบางสถานประกอบการก็ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลในการประกวดอยู่เนืองๆ จนเป็นที่สนใจของผู้บริหารจากที่อื่น ส่งพนักงานเข้าไปศึกษาดูงาน

 

แต่ก็มีอีกหลายแห่ง แม้มีกิจกรรมเช่นเดียวกัน กลับไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่กิจกรรมเดียว หรืออย่างดีก็เคยได้รับรางวัลมาบ้าง แต่ก็ต้องมีอันล้มเลิกไปในที่สุด

 

สาเหตุทั้งที่สำเร็จ และไม่สำเร็จในกิจกรรมทั้งมวลล้วนมาจาก ๕ ส. ที่เป็นทั้งตัวแปลต้น และตัวแปลตาม

 

สถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นก็เพราะพื้นฐานของกิจกรรม ๕ ส. หนักแน่นถาวร เป็นกิจกรรมพื้นฐาน คู่ขนานไปกับทุกกิจกรรม

 

ส่วนที่ล้มเหลว ล้วนไม่ทำ ๕ ส. หรือเคยทำก็เพียงแค่แบบไฟไหม้ฟาง วาบมา ก็วูบไปอย่างฉับพลันทำแล้วเลิก โหนกระแสเป็นช่วงๆ

 

หรือบ้างก็หลงทาง โดยคิดแค่มีการอบรม ๕ ส. ก็อุปโลกทึกทักเอาว่า ทำ ๕ ส. แล้ว มี ๕ ส. แล้ว เพียงเพราะได้ปัดๆ เช็ดๆ ถูๆ  แล้วก็ไปคว้ากิจกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดวิชาการเข้ามาอย่างไม่ขาดสายทุกกิจกรรม เกรงว่าจะตกยุค

 

จึงกล่าวได้ว่า ถ้าไม่ทำกิจกรรม ๕ ส. ให้เข้าไปในวิญญาณของพนักงานเป็นเบื้องต้นเสียก่อน แต่กลับไปนำกิจกรรมอื่นๆ เข้ามาดำเนินการ กิจกรรมนั้นๆ ก็จะเคลื่อนตัวไปได้อย่างยากลำบาก หรือไม่ได้เลย ถ้าได้ก็คงเป็นประหนึ่งพายกระทะในสระแคบๆ

 

และอาจสาหัสไปถึงขั้นที่กิจกรรมนั้น ล้มเหลว ดังเข็นครกขึ้นภูเขา แบบนี้น่าเสียดายเป็นยิ่งนัก ไม่เข้ากันเลยกับความพอเพียง

 

๕ ส. ไม่ใช่ของเก่า ไม่ล้าสมัย แต่เป็นกิจกรรมที่เป็นอมตะไม่มีวันตาย เป็นคำตอบให้กับทางออกของทุกปัญหา ทั้งการผลิตและการบริหาร

 

ก็เพราะ ๕ ส. คือปัจจัยพื้นฐานในการเพิ่มผลผลิต ส่งผลแน่นอนในทางบวก ต่อประสิทธิภาพประสิทธิผลการทำงาน ค่าใช้จ่าย การส่งมอบ ความปลอดภัย ขวัญกำลังใจ สิ่งแวดล้อม และคุณธรรม

 

๕ ส. เป็นกิจกรรมพัฒนาคนพัฒนางานได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยผ่านการทำกิจกรรมกลุ่มย่อย เข้าได้กับคำว่า “รากฐานของตึกคืออิฐ รากฐานของการผลิตคือ ๕ ส.”

 

กิจกรรมอื่นก็จำเป็น แต่ความจำเป็นนั้น หากมากเกินไป ไม่อยู่บนพื้นฐานของสายกลางความเหมาะสมขององกร ในเฉพาะไม่อยู่บนพื้นฐาน ๕ ส. แล้วไซร้กิจกรรมนั้นก็เป็นโมฆะสูญเปล่า

 

จึงสรุปได้ว่า ถ้ายังไม่ทำ ๕ ส. ให้ประสบความสำเร็จก่อน ก็ไม่ต้องไปขอทำกิจกรรมอื่น ไม่เคยคิด ไม่เคยพูด ไม่เคยเห็นกิจกรรม ๕ ส. ก็ไม่ต้องไปคิด ไปพูด หรือไปดูกิจกรรมอื่น

 

สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษะ สร้างนิสัย...!!!

 

 

เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง

 

๕ ส. คืออะไร

http://www.moc.go.th/opscenter/cb/5s.html

๕ ส. -  กองเรือลำน้ำ

http://www.navy.mi.th/riverine/action/5s1.htm

๕ ส. – วิกิพีเดีย

http://th.wikipedia.org/wiki/5%E0%B8%AA

๕ ส. - สำนักงานบำรุงทางอุดรธานี ๒

http://www.doh.go.th/dohweb/hwyorg62400/index/5s.htm


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที