ยุโรปห้ามผลิตของเล่นพลาสติกที่มีพาทาเลต |
เป็นเพราะ Plastiticlzers ที่เป็นพาทาเลตหลายตัวที่ใช้เพื่อทำให้เนื้อพลาสติกนุ่ม ในผลืตภัณฑ์ของเล่นพลาสติกพีวีซี เช่น ของเล่นที่มีเสียงดังรัว ของเคี้ยวเล่น สำหรับเด็กเล็ก จึงเป็นไปได้ว่าในขณะที่เด็กดูดหรือเคี้ยวของเล่นที่ทำด้วยพลาสติก ดังกล่าว อาจะกลืนพวก Plastiticlzers เหล่านี้เข้าไปด้วย |
European Commission: EC จึงออกข้อห้ามเกี่ยวกับของเล่นที่ทำจากพลาสติกพีวีซี ที่มีพาทาเลตเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย โดยเริ่มประกาศบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2542 |
ดังนั้น ผู้ประกอบการใดจะนำเข้าของเล่นพลาสติกเข้าไปขายในตลาดยุโรป ก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคะบนี้ด้วย |
ขวดนมพลาสติก |
ขวดนมพลาสติกที่มียี่ห้อเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ส่วนใหญ่ทำด้วยโพลิคาร์บอเนต ไม่ใช่พลาสติกที่ค่อนข้างจะปลอดภัยเนื่องจากไม่มี Plastiticlzers ที่เป็นพาทาเลตอยู่ด้วย |
"แล้วสารอื่นในเนื้อพลาสติกโพลิคาร์บอเนตของขวดนม จะมีโอกาสออกมาปนกับอาหารหรือไม่?" |
คำตอบนี้พอจะได้จากข้อมูลของ American Plastics Council ซึ่งรายงานไว้ว่าในปี พ.ศ. 2542 คณะกรรมการอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา สรุปการทดสอบหาสารซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบคือ ไบฟีนอลเอ (BPA) จากภาชนะพลาสติกโพลิคาร์บอเนตสำหรับใส่อาหารและขวดนมว่า "เมื่อทดสอบขวดนมที่ทำด้วยโพลิคาร์บอเนตในสภาวะต่าง ๆ ปรากฏว่าไม่พบ BPA ออกมาจากขวดนม" |
ซึ่งไปตรงกับที่หน่วยงานราชการของประเทศอังกฤษลองทดสอบ ขวดนมโพลิคาร์บอเนตโดยวิธีล้างสเตอไรซ์ บรรจุน้ำและทำให้ร้อนด้วยไมโครเวฟหลาย ๆ ครั้ง ผลปรากฏว่าไม่พบ BPA ในน้ำในแต่ละครั้งเช่นกัน |
และก็ไม่พบ BPA ในอาหารหรือน้ำผลไม้ในการทดสอบหลาย ๆ รอบ โดยในแต่ละรอบของการทดลองก็มีการล้างหลาย ๆ ครั้ง แสดงว่าน่าจะใช้พลาสติกที่ทำจากโพลิคาร์บอเนตได้อย่างปลอดภัย |
ป้องกันอันตรายจากพลาสติกได้อย่างไร |
แม้ว่าจะมีของใช้ที่ทำด้วยพลาสติกอยู่รอบ ๆ ตัว แต่เพื่อสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน เราก็ควรใช้ความพยายามหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกในชีวติประจำวันออกไปบ้าง |
คือควรพยายามทำให้สารเคมีในเนื้อพลาสติกเข้าสู่ร่างกายน้อย ๆ เข้าไว้ หรือเป็นแบบไม่ต่อเนื่อง เพื่อให้เซลล์ในร่างกายได้รับการรบกวนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ |
คำแนะนำต่อไปนี้เรียบเรียงจาก Aerias AQS IAQ Resource Center |
1. พยายามใช้ของที่ผลิตจากธรรมชาติในชีวิตประจำวันแทนของใช้ที่ทำจาำกพลาสติก เช่น ใช้ชั้นวางของที่ทำจากไม้แทนชั้นพลาสติก ใช้ถูงผ้าใส่ของ แทนถุงพลาสติก เป็นต้น |
2. ใช้อุปกรณ์ในครัวทำจากแก้ว หรือเซรามิก หรือโลหะ |
3. อย่าใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารสำหรับอุ่นหรือปรุงอาหารประเภทไขมัน เช่น เนย กะทิ ในเตาไมโีครเวฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าฝช้ฟิมล์ยืดห่ออาหาร ที่มีไขมันปนอยู่ หรืออย่าอุ่น ทำให้ร้อนกับอาหารที่ยังห่อด้วยฟิมล์ยืดในเตาไมโครเวฟ เพราะสารเคมีพวก Plasticizers ปนกับอาหารได้ |
4. ถึงแม้ว่าจะมีพลาสติกนานาชนิด ที่ได้รับการออกแบบมาให้ใส่อาหาร เพื่อสามารถเก็บไว้ได้ในช่องแข็งในตู้เย็น หรือใช้กับเตาไมโครเวฟได้ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นชั้นวางถ้วยชามในเครื่องล้างจานก็ตาม แต่ก็ถือว่าพลาสติกเหล่านี้เป็นพลาสติกใช้แล้วกลับมาใช้อีก จึงไม่ใช่พลาสติกใหม่ย่อมต้องมีเสื่อมไปเรื่อย ๆ Plasticizers ก็อาจจะออกมาเรื่อย ๆ ได้เหมือนกัน |
5. ต้องแน่ใจว่าพลาสติกที่ใช้อุ่นอาหารนั้น ระบุแน่ชัดว่าเป็น Microwave Safe |
6. ห้ามใช้พลาสติกซึ่งเป็นถาด หรือ กล่องพลาสติกสำหรับแช่แข็งที่เคยใช้แล้วมาสัมผัสกับอาหารโดยตรงอีก เพราะเมื่อปล่อยให้พลาสติกเหล่านั้น อุ่นขึ้นแม้จะเป็นอุณหภูมิปกติทั่ว ๆ ไปก็ตาม อาจมีสารพลาสติกออกมาได้ |
7. ห้ามอุ่นอาหารหรือละลายน้ำแข็งในอาหารที่ห่อด้วยพลาสติกใด ๆ เช่น ถุงพลาสติก ฟิล์มยืดห่ออาหาร ฯลฯ |
8. แนะนำให้ซื้อเนื้อสัตว์จากคนแล่เนื้อโดยตรงและห่อเนื้อด้วยกระดาษ |
9. ซื้อเนยแข็งจากวงล้อเฉพาะ และห่อด้วยกระดาษก่อนใส่ถุงพลาสติก |
10. ให้ใช้ฟิล์มยืดห่ออาหารที่ทำด้วยโพลิเอทิลีนแทนพีวีซี เพราะผลิตภัณฑ์โพลิเอทิลีนไม่ใส่ plasticizers |
11. หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกพีวิซีที่เป็น #3 Recycling Code แต่หากเป็น #1 และ #2 Plastics น่าจะปลอดภัยกว่า เพราะเป็นพลาสติกที่ปราศจากคลอรีน |
12. ถ้าซื้อเนยแข็งหรืออาหารที่มีไขมันซึ่งห่อด้วยฟิล์มยืด ให้แล่ส่วนที่สัมผัสกับฟิล์มยืดออกไป |
13. สำหรบท่อส่งผ่านอาหารใด ๆ เช่น ท่อส่งนม ท่อส่งน้ำผลไม้ ควรใช้ท่อที่ทำจากวัสดุธรรมชาติแทนท่อพีวีซี เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมีปะปนมากับอาหาร |
14. ใช้ภาชนะสำหรับอาหารจานด่วนที่ทำจากพืชต่าง ๆ แทนภาชนะพลาสติก ทุกวันนี้ในสหรัฐอเมริกามีการใช้ข้าวโพด ข้าวสาลี ฯลฯ มาทำภาชนะใส่อาหาร ในประเทศไทยก็มีทำกันบ้างแล้ว โดยใช้มันสำปะหลังมาดัดแปลงทำเป็นถ้วยชามแต่ยังมีการใช้ไม่แพร่หลายนัก เพราะราคายังค่อนข้างแพงอยู่ |
หลายปีที่ผ่านมา เรื่องของพลาสติกที่ใกล้ตัวเรา โดยเฉพาะพลาสติกที่ต้องสัมผัสกับอาหาร เพื่อรักษาให้อาหารสดอยู่เสมอนั้น มีข้อถกเถียงในเรื่องความปลอดภัยจากการใช้อยู่เสมอ มีทั้งกลุ่มต่อต้าน และสนับสนุนให้ใช้ |
นักวิชาการบางท่านก็บอกว่า ทดสอบแล้วเจอสารจากพลาสติกปนเปื้อนเข้ามาในอาหาร ในขณะที่ผู้ผลิตก็อ้างว่าผลวิจัยพบว่าใช้พลาสติกแล้วมีความปลอดภัย ที่เจอสารเคมีในพลาสติกปนเปื้อนออกมานั้น ก็เป็นเพราะผู้ใช้ขาดความรู้ ความเข้าใจ และนำไปใช้แบบผิดประเภท คือไม่รู้จักใช้ให้เหมาะสมกับงาน เช่น ใช้ภาชนะพลาสติกที่ไม่เหมาะกับอาหารไขมัน เลยทำให้มีการละลายของสารเคมีในเนื้อพลาสติกนั้น ๆ ออกมาปนกับอาหารได้ เป็นต้น |
เมื่อเป็นเช่นนั้นในฐานะผู้ใช้อย่างเราก็ต้องระวังตนเองด้วยการรู้จักใช้พลาสติก อย่างรู้เท่าทัน หรือรู้จักหลีกเลี่ยงไปใช้สิ่งของอื่นที่ปลอดภัยกว่า |
แต่ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้จริง ๆ เดาว่ากลืนกินหรือหายใจเอาสารพลาสติกเข้าไปในตัวเราเข้าบ้างแล้ว ขอแนะนำให้ใช้วิธีขับสารพิษออกจากร่างกายไปบ้าง เช่น ออกกำลังกายเพื่อให้ของเสียทั้งหลายออกทางเหงื่อมาก ๆ หรือล้างพิษ ซึ่งมีสารพัดวิธีด้วยกัน มาช่วยอีกทางหนึ่ง |
วันนี้ท่านระวังการใช้พลาสติกแล้วหรือยัง |
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที