นักศึกษา นายชัชวาล ยิ้มนิ่มนวล
ระบบป้องกันฟ้าผ่า
โครงสร้างของระบบป้องกันฟ้าผ่า
ประกอบด้วยอุปกรณ์สองส่วน ส่วนบนเรียกว่า AIR TERMINAL เป็นแท่งสแตนเลสผสมทองแดงกลมตัน มีความยาวประมาณ 28 เซนติเมตร อยู่ในท่อชนิดพิเศษที่ไม่มีความต้านทานต่อเข้ากลับอุปกรณ์ส่วนล่าง อุปกรณ์ส่วนล่างนี้เป็นชุดควบคุมการทำงานของระบบ เนื่องจากการเหนี่ยวนำไฟฟ้า หรือการเหนี่ยวนำต่างศักย์สูงๆ หรือ ที่เรียกว่า ฟ้าผ่า จะทำให้หัวสแตนเลสผสมทองแดงเกิดการ สึกกร่อน และด้าน (OXIDATION) อย่างแน่นอน แต่ AIR TERMINAL มีความยาวประมาณ
ระบบการทำงานของระบบป้องกันฟ้าผ่า
มีการทำงาน เป็นสองขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเหนี่ยวนำให้สูงขึ้นหรือ บรรเทาการเกิดฟ้าผ่าให้ดีขึ้น ดังนี้
ขั้นตอนแรก
โดยการเชื่อมโยงประจุไฟฟ้าภาคพื้นดินที่บริเวณติดตั้งนั้นกับประจุไฟฟ้าบนบรรยากาศโดยรอบในลักษณะเหนี่ยวนำ(ใช้วงจร Trigger) ดึงประจุไฟฟ้าภาคพื้นดิน เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า(High Voltage pulse)เข้าขั้วประจุไฟฟ้าออกผ่านท่อชนิดพิเศษ ในลักษณะพุ่งออกเป็นรูปวงกระจายออก เพื่อให้ประจุไฟฟ้าลงสู่ดิน เพื่อบรรเทาหรือลดปริมาณการเกิดฟ้าผ่า
ขั้นตอนสุดท้าย
ขั้วประจุไฟฟ้าเหล่านี้ อยู่ในท่อพิเศษ(Venturi Pipe) ที่ช่วยผลักดันให้ประจุไฟฟ้าพุ่งออกไปทาง Air Terminal ได้สะดวกรวดเร็ว เป็นการเร่งเวลาการเหนี่ยวนำให้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเหนี่ยวนำและการบรรเทาการเกิดฟ้าผ่าได้สูง
ลักษณะการทำงานทั้งสองขั้นตอน และการออกแบบรูปร่าง สามารถลดปัญหาการติดตั้งที่ก่อให้เกิด Harmonics or Spaike ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยทั่วไปแล้ว สภาพอากาศที่แม้ไม่มีฝนหรือพายุคะนอง ในชั้นบรรยากาศจะมีประจุไฟฟ้าจำนวนหนึ่งที่มีความแตกต่างศักย์เป็นช่วงๆมากน้อย ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของอากาศ ในสภาพปกติของระบบจะผลิตประจุไฟฟ้าส่วนหนึ่งตรงข้ามกับประจุไฟฟ้า ที่สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศโดยรอบๆ รัศมีจะถูกเหนี่ยวนำลงสู่พื้นดินทันที
รัศมีการเหนี่ยวนำของระบบป้องกันฟ้าผ่า ในรัศมี 60เมตร ประจุกระแสไฟฟ้าไม่เกิน 14,700 แอมแปร์ จะใช้ระบบแซทเทลไลท์ช่วยดึงความต่างศักย์ดังกล่าวลงสู่ AIL TERMINAL ผ่านต่อไปยังพื้นดิน โดยไม่มีปรากฎการณ์ที่เรียกว่า ฟ้าผ่า แต่อย่างใดซึ่งเป็นการควบคุมบรรเทาการเกิดฟ้าผ่าได้ระดับหนึ่ง
หมายเหตุ ( มีหลายแห่งที่ทำการติดตั้ง เกิดความสงสัยที่ปริมาณการเกิดฟ้าผ่ามีน้อย และบางแห่งไม่เกิดฟ้าผ่า ) อย่างไรก็ตาม ถ้ามีความต่างศักย์สะสมอย่างรวดเร็วมากกว่า 14,700 แอมป์ ซึ่งเกิดจากปริมาณก้อนเมฆที่หนาแน่นมากพัดผ่านมาเท่านั้นเอง อาจจะมีความต่างศักย์เป็นแสนหรือล้านโวล์ต ( มากกว่า 14,700 แอมป์ ) ก็จะเกิดฟ้าผ่าขึ้น แต่ฟ้าที่ผ่าจะถูกระบบป้องกันฟ้าผ่าดึงให้ผ่าน AIR TERMINAL และส่งผ่านลงสู่พื้นดินทันที จึงตัดปัญหาของฟ้าผ่าที่ทำให้เกิดความเสียหายให้กับอุปกรณ์ต่างๆ
ข้อสังเกตในการที่จะติดตั้งระบบ
1. ระบบที่จะทำการติดตั้ง มีการทำงานตลอดเวลาทุกๆสภาพอากาศหรือหรือไม่อย่างไร
2 มีการทำงานที่รวดเร็วกว่าหรือ ดีกว่า อย่างไร เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ล่อฟ้าฟาราเดย์(Rod) (อุปกรณ์ส่วนมากมีการทำงานที่ช้า ไม่สามารถรับการเกิดฟ้าผ่าที่รวดเร็วได้ทัน ความเสียหายจึงเกิดขึ้น) แซทเทลไลท์ มีความเร็วในการทำงานมากกว่าอุปกรณ์ล่อฟ้าฟาราเดย์ 60 Micro-Seconds อัตราความเร็วของการเกิดฟ้าผ่า ในเวลา 1 milli-second
3 ในกรณีที่มี ฝนตก แดดออก หรือ ฟ้าสลัว ไม่มีลม ฟ้าผ่า ระบบไม่ทำงานหรือไม่ และ ทำอย่าง
4 ในกรณีบริเวณที่ตั้งเกิดฟ้าผ่าบ่อยมาก จะมีปัญหากับอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าเกิดสนิมหรือกร่อน หรือไม่ ถ้าไม่ มีเหตุผลอย่างไร
5 ระบบ Grounding มีค่าความต้านทานของดิน ไม่เกิน 5 โอห์ม หรือไม่ และ วัดค่าความต้านทานดังกล่าวได้ตลอดทุกฤดูกาลหรือไม่
อ้างอิง จากหนังสือ ระบบป้องกันบรรเทาระบบฟ้าผ่า ( จากบริษัท ยนต์พาณิชย์เจริญ )
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที