1. หน้าแรก
  2. วิชาการ
  3. วิทยาศาสตร์น่ารู้
ขนิษฐา

ผู้เขียน : ขนิษฐา

อัพเดท: 13 มี.ค. 2007 14.31 น. บทความนี้มีผู้ชม: 922832 ครั้ง

สร้างเสริมการเรียนรู้ โดย นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีปทุม ชั้นปีที่ 1

อันตรายจากบุหรี่ อย่าสูบ...ดีที่สุด

นักศึกษา นายธีรศักดิ์  ผุดพัฒน์

โทษ และพิษภัยจากบุหรี่

            ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ใน " ควันบุหรี่ " เป็นสาเหตุของโรคถุงลมโป่งพอง
 สาร " นิโคติน และ คาร์บอนมอนอกไซด์ " ในควันบุหรี่ เป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจ
 บุหรี่มีสารประกอบต่างๆ ประมาณ 4,000 ชนิด มีสารก่อ มะเร็ง ไม่ต่ำกว่า 42 ชนิด
            1.         นิโคติน เป็นสารที่ทำให้ติดบุหรี่ ออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมอง เป็นตัวกระตุ้น และ " กดประสาทส่วนกลาง " ทำให้ความรู้สึกต่างๆ ช้าลง    

2.                  ทาร์ เป็นสารก่อมะเร็ง ร้อยละ 50 ของทาร์ จะไปจับที่ปอด ทำให้เกิดการระคายเคือง เป็น สาเหตุของการไอเรื้อรัง

3.                  คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นก๊าซที่ ทำลาย คุณสมบัติในการเป็นพาหะนำออกซิเจน ของเม็ดเลือดแดง ทำให้ มึนงง ตัดสินใจช้า เหนื่อยง่าย เป็นสาเหตุสำคัญของ โรคหัวใจ

4.                  ไฮโดรเจนไซยาไนด์เป็น " ก๊าซพิษ " ที่ ทำลายเยื่อบุหลอดลม ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง

ห้าม ! ขายบุหรี่ ให้แก่เด็กอายุ 18 ปี (ฝ่าฝืนจำคุก 1 เดือน) ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

" สูบบุหรี่ " วันละซอง " อายุจะสั้น "วันละ 3-4 ชั่วโมง

การ " หยุดสูบบุหรี่ " จะช่วย ลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคหัวใจ

การสูบบุหรี่ ทำให้ " กล้ามเนื้อใบหน้า " " หดรั้งตัว " เกิดตีนกา รอยย่นรอบดวงตา หน้าผาก และรอบปากผู้สูบบุหรี่   " เสี่ยง " ต่อโรค มะเร็งปอด มากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ 12 เท่า

มารดาสูบบุหรี่ ขณะ ตั้งครรภ์ จะทำให้ น้ำหนัก ทารก น้อยกว่าเกณฑ์ ประมาณ 200 กรัมบุหรี่ มี ผลต่อการตั้งครรภ์  ตกเลือด แท้ง คลอดก่อนกำหนด

ผู้สูบบุหรี่ที่ติด " เชื้อเอดส์ " จะมี ภูมิต้านทาน ของร่ายการลดลง ทำให้เชื้อไวรัสแพร่พันธุ์ในร่างกาย ได้ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น  

การสูบบุหรี่ของคนในครอบครัว มีผลต่อเด็ก ทำให้ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ โรคหลอดลมอักเสบ ปอดบวม และหอบหืด   หากสามี หรือภรรยาของคุณสูบบุหรี่ คุณจะมี ความเสี่ยง เป็น โรคหัวใจ มากกว่าปกติ ถึง 3 เท่า หากสามี หรือภรรยาของคุณสูบบุหรี่ คุณจะมี โอกาส เสียชีวิต เร็วกว่าปกติ ถึง 4 ปี

" ควันบุหรี่ " ทำให้เกิดอาการเคืองตา ปวดศีรษะ คัดจมูก น้ำมูกไหล

ผู้สูบบุหรี่ จะ เป็นหวัด บ่อยกว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ เพราะ ควันบุหรี่ ทำให้กลไกในการป้องกันการติดเชื้อ ของระบบทางเดินหายไตเสียไป

การสูบบุหรี่ ทำให้กระเพาะอาหาร หลั่งกรด เพิ่มขึ้น ซึ่งมีโอกาสเป็นแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก มากกว่า ผู้ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่าบุหรี่ จะทำให้ " ผู้ที่มีโรค " ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ โรคไซนัส และโรคปอดเรื้องรัง มีอาการของโรค กำเริบ มากขึ้น
การเผาไหม้ ที่ปลายมวนบุหรี่ ทำให้ เกิดอุณหภูมิสูง ถึง  1600-1800 องศาฟาเรนไฮต์

นิโคติน ในควันบุหรี่ มีฤทธิ์กระตุ้น การ บีบตัวของลำไส้ ในระยะแรก ทำให้ผู้สูบบุหรี่หลายคน ต้องสูบบุหรี่เมื่อเข้าห้องน้ำ

หาก พ่อ-แม่ ติดบุหรี่ โอกาส ที่ ลูกจะติดบุหรี่ มีถึงร้อยละ 70 เมื่อหยุด สูบบุหรี่ การทำงานของต่อมรับรสอาหาร จะกลับ คืนสู่ภาวะปกติ ทำให้ทานอาหารอร่อยขึ้น และอาหารที่เข้าสู่ร่างกาย ก็จะถูกเผาผลาญในอัตราปกติ

90 ใน 100 คน ของผู้สูบบุหรี่ สามารถ เลิกสูบบุหรี่ได้ ด้วยตัวเอง โดย ไม่ต้องใช้ยาใดๆ
 สมุนไพร หญ้าดอกขาว นำมาชงดื่มวันละ 3 ครั้ง ช่วย ลดความหงุดหงิด จากการเปรี้ยวปาก อยากสูบบุหรี่ได้  

อาการ ที่เกิดขึ้น จากการ อดบุหรี่ เช่น หงุดหงิด กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เกิดขึ้นชั่วคราว ประมาณ  72 ชั่วโมง  เท่านั้น เมื่อ สูดควันบุหรี่ สารนิโคติน จะเข้าสู่ร่างกายทางปอด กระจายสู่อวัยวะต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สูบ ซิการ์ มีอันตราย เช่นเดียวกับ สูบบุหรี่

                บุหรี่ มีสารปรุงแต่ง กลิ่นรส ที่มีอันตรายมากกว่า 2,000 ชนิด เช่น ยาฆ่าแมลง ยาเบื่อหนู ยาดองศพ

               ในปัจจุบันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยได้ออกกฎหมายต่างๆ เพื่อควบคุมการสูบบุหรี่ของคน ไม่ว่าจะเป็นการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ห้ามขายบุหรี่ในสถานศึกษาหรือใกล้แหล่งสถานศึกษา แต่จากผลการวิจัยล่าสุดพบว่า “เด็กส่วนใหญ่ที่มีปัญหาทางด้านระบบทางเดินหายใจได้รับผลกระทบโดยตรงจากครอบครัว”โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ของนิวยอร์กได้เผยแพร่ผลการวิจัยล่าสุดของดร.แมนเฟรดด์ นูเบอร์เกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจประจำมหาวิทยาลัย เวียนนา ประเทศออสเตรีย จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างเด็กกว่า 20,000 คนใน 8 ประเทศทั่วโลก ซึ่งยืนยันว่า “พ่อแม่ที่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์บุตรรวมทั้งหลังคลอดบุตร ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจของลูกน้อย” โดยการที่พ่อแม่สูบบุหรี่ขณะลูกน้อยยังอยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 12 ปี ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจของลูก ทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมายเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ภาวะหายใจล้มเหลว และมะเร็งปอดในอนาคตอันใกล้ของลูกน้อยอย่างคาดไม่ถึงอีกทั้งผลการวิจัยยังระบุว่า “เด็กส่วนใหญ่ที่มีพ่อแม่หรือพี่น้องที่สูบบุหรี่ มีแนวโน้มที่จะติดบุหรี่ตั้งแต่เด็กเนื่องจากได้รับอิทธิพลและแบบอย่างมาจากครอบครัวซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการสูบบุหรี่ก่อนวัยอันควรของเด็กเหล่านั้น”จากการวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างเด็กจากทั่วโลกรวมทั้งเด็ก 22,712 คน จากกลุ่มเป้าหมายใน 8ประเทศพบว่า “31-40 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่มีแม่สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ จะเกิดปัญหาการทำงานผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ มากกว่าเด็กที่มีแม่ไม่สูบบุหรี่ ส่วนในเด็กเกิดใหม่ที่แม่สูบบุหรี่พบว่า กว่า 24-27 เปอร์เซ็นต์ พบปัญหาความผิดปกติของปอด”และเป็นที่น่าตกใจว่า “กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างของเด็กในปัจจุบันกำลังเผชิญปัญหาและได้รับผลกระทบโดยตรงจากควันบุหรี่ที่พ่อแม่สูบทั้งในขณะตั้งครรภ์และแรกเกิด ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาร้ายแรงที่บั่นทอนสุขภาพของเด็กเหล่านี้ซึ่งเป็นอนาคตสำคัญของประเทศ”ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นและตระหนักว่า การรณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ในที่สาธารณะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากต้นเหตุที่เป็นผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาสุขภาพของคนในปัจจุบันได้นั่นคือการที่พ่อแม่สูบบุหรี่และลูกน้อยได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกายโดยตรงเป็นระยะเวลานาน และชี้ให้เห็นว่ากฎหมายและการรณรงค์ต่างๆ ในปัจจุบันไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่ได้ “นอกจากความรักและความปรารถนาดีของพ่อแม่ที่มีต่อลูกน้อยซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของกฎหมาย”

อ้างอิง

http://advisor.anamai.moph.go.th/healthteen/latest/news05.html

 

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที



WRITER © 2024 Technology Promotion Association (Thailand-Japan). All Rights Reserved.