จริยา

ผู้เขียน : จริยา

อัพเดท: 07 มี.ค. 2014 14.13 น. บทความนี้มีผู้ชม: 4253 ครั้ง

กระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยประชาชนที่ชอบปิดไฟดูทีวี หรือใช้สมาร์ทโฟน ไอแพด จะเกิดโรคที่เรียกว่า เทคโนโลยีซินโดรม ซึ่งโรคดังกล่าวจะสร้างความเครียดต่อผู้ใช้ เพราะต้องเพ่งสายตาที่จอ ส่งผลทำให้ความดันในลูกตาสูง เสี่ยงเกิดโรคต้อหินถึงขั้นตาบอด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณะสุขแนะนำวิธีใช้เครื่องมือให้ปลอดภัย คือ ให้เปิดไฟดูทีวีหรือดูสมาร์ทโฟนในที่สว่าง และเมื่อใช้งานนานถึง 25 นาที ให้พัก 5 นาที


ยอดตาบอดพุ่ง! คนไทยปิดไฟแชทเป็นต้อหินไม่รู้ตัว!

 

นักแชทระวัง!เสี่ยง'โรคต้อหิน'

สธ.เตือนภัยประชาชน 'ดูทีวี-ดู-ส่งข้อความบนสมาร์ทโฟน ไอแพด ในที่มืด' เสี่ยง 'โรคต้อหิน' เล่นงานจากความเครียด ถึงขั้นตาบอดได้!

   รายการโลกยามเช้า ข่าวช่อง 3 รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยประชาชนที่ชอบปิดไฟดูทีวี หรือใช้สมาร์ทโฟน ไอแพด จะเกิดโรคที่เรียกว่า เทคโนโลยีซินโดรม ซึ่งโรคดังกล่าวจะสร้างความเครียดต่อผู้ใช้ เพราะต้องเพ่งสายตาที่จอ ส่งผลทำให้ความดันในลูกตาสูง เสี่ยงเกิดโรคต้อหินถึงขั้นตาบอด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณะสุขแนะนำวิธีใช้เครื่องมือให้ปลอดภัย คือ ให้เปิดไฟดูทีวีหรือดูสมาร์ทโฟนในที่สว่าง และเมื่อใช้งานนานถึง 25 นาที ให้พัก 5 นาที หรือใช้ 30 นาที พัก 10 นาที หากรู้สึกปวดตา ให้นอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมง และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในดวงตา พร้อมแนะนำให้ประชาชนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ให้พบจักษุแพทย์ปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจค้นหาโรคต้อหิน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป 5-7 เท่าตัว

ด้าน น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคต้อหินเป็นสาเหตุตาบอดอันดับ 2 ของโลก รองจากตาต้อกระจก ปัจจุบันประมาณการว่ามีคนตาบอดทั่วโลก 4.5 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นถึง 11.2 ล้านคนในปี พ.ศ.2563 ผู้ป่วยโรคต้อหินส่วนใหญ่ร้อยละ 90 มักจะไม่ค่อยรู้ตัวมาก่อน เนื่องจากโรคต้อหินมีอาการค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากสถิติสาธารณสุข ปี 2555 พบผู้ป่วยโรคต้อหินทั่วประเทศ 17,687 ราย พบมากสุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4,831 ราย ภาคกลาง 4,352 ราย กรุงเทพมหานคร 3,486 ราย ภาคเหนือ 3,084 ราย และภาคใต้ 1,934 ราย โดยในคนปกติทั่วไปที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต้อหินประมาณร้อยละ 1 ส่วนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นต้อหินมากถึงร้อยละ 5-7 หรือมากกว่าคนปกติ 5-7 เท่าตัว แนวโน้มผู้ป่วยโรคนี้จะมากขึ้นตามจำนวนผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งขณะนี้ไทยมีประมาณ 3.5 ล้านคน ได้กำชับให้โรงพยาบาลทั่วประเทศรณรงค์ให้ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาปีละ 1 ครั้ง และผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พบจักษุแพทย์ปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจหาโรคแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดปัญหาการสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อหินได้

             “ที่น่าห่วงเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้ พบว่า สาเหตุสำคัญของการเกิดโรคต้อหิน อีกอย่างหนึ่งคือ ความเครียด ทำให้เกิดความดันลูกตาขึ้นได้ ซึ่งขณะนี้ประชาชนมีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้นทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ โทรทัศน์ จนทำให้เกิดปัญหาที่เรียกว่า เทคโนโลยีซินโดรม ซึ่งเทคโนโลยีซินโดรมไม่ได้ทำให้เกิดจุดรับภาพจอตาเสื่อม หรือตาบอด แต่จะทำให้เกิดความล้าของสายตา ตาแห้ง เนื่องจากต้องใช้สายตาเพ่งที่ภาพ หรือตัวอักษรที่มีขนาด เล็ก และอยู่ในจอ การเพ่งจะทำให้ม่านตาขยายใหญ่ขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ที่นิยมปิดไฟดูทีวี เล่นสมาร์ทโฟน ไอแพด มีแอพพลิเคชั่นมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ก หรือไลน์ต่าง ๆ การส่องไฟฉายอ่านหนังสือ จะมีความเสี่ยงเกิดเทคโนโลยีซินโดรมได้ง่าย เพราะต้องใช้สายตากำกับตลอดเวลา จะทำให้กล้ามเนื้อตาล้า ตาแห้ง เครียดตลอดเวลา ยิ่งรายละเอียดเยอะ ตายิ่งทำงานหนัก” นายแพทย์ฐาปนวงศ์ กล่าว

 
       นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า การใช้เทคโนโลยีมาก ไม่ว่าจะดูเพื่อความบันเทิง ดูข่าวสารทั่วโลกนาน คุยกัน ความระทึกต่าง ๆ จะทำให้ผู้ใช้เกิดความเครียด โดยอาการเตือนของความเครียด จะเริ่มรู้สึกแสบตา ตาแห้ง น้ำตาไหล กะพริบตาบ่อย ปวดเมื่อยล้าที่กระบอกตา สายตาพร่า มองเห็นไม่ชัด บางคนมีอาการปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วย วิธีรักษาด้วยตนเอง สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ให้นอนหลับเป็นเวลา 7 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ซึ่งจะเป็นการรักษาที่ให้ผลดีที่สุด และดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มน้ำให้ตาให้ชุ่มชื้นขึ้น หรือทำประคบเย็น โดยให้ใช้ผ้าขนหนูหนาหรือผ้าเช็ดหน้า พับ 3 ส่วน นำไปแช่น้ำที่มีน้ำแข็งจนเย็น บิดหมาด ๆ วางปิดตั้งแต่ขมับให้ทับพาดผ่านดวงตา เว้นสันจมูก ไปถึงขมับอีกข้าง ถ้าเย็นเกินไปให้เอาออก หากหายเย็นให้นำไปแช่น้ำเย็นใหม่อีกครั้ง ติดต่อกันอย่างน้อย 20 นาที พัก 1 นาที วันละ 2 หน จะช่วยลดความเครียด เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา นอกจากนี้ ควรเปิดไฟดูทีวี การอ่านหนังสือในที่แสงสว่างเพียงพอ ดีที่สุดควรใช้เทคโนโลยีเท่ที่จำเป็น ใช้ให้ปลอดภัย เหมาะสม คือ ใช้นานประมาณ 25 นาที และให้พัก 5 นาที หรือใช้นาน 30 นาที และพัก 10 นาที เปลี่ยนอิริยาบถสลับกันไป จะช่วยได้ให้เหมาะสม ถ้าไม่จำเป็นอย่ายุ่งกับเทคโนโลยี ให้ควบคุมใจตัวเอง 
 
        ทั้งนี้ ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 พบคนไทย อายุ 6 ปีขึ้นไป ดูทีวี 57 ล้านคน และล่าสุดปี 2555 คนไทยใช้คอมพิวเตอร์ 21 ล้านกว่าคน ใช้โทรศัพท์มือถือ 44 ล้านกว่าคนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดร้อยละ 84 ภาคกลางร้อยละ 75 ภาคเหนือร้อยละ 68 ภาคใต้ร้อยละ 67 ต่ำสุดภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 64
 

 

 

 

ภาพประกอบจาก www.photos.com

ขอขอบคุณที่มา

http://ch3.sanook.com/13152/%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%87-%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%9f

http://www.komchadluek.net/detail/20140305/180203.html

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที