GIT Information Center

ผู้เขียน : GIT Information Center

อัพเดท: 15 ก.ย. 2016 07.44 น. บทความนี้มีผู้ชม: 2653 ครั้ง

ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับขอนำเสนอ "เทรนด์เครื่องประดับอัญมณีปี 2017" สนใจบทความอื่นๆ อ่านเพิ่มเติมที่ http://infocenter.git.or.th สอบถาม พูดคุย หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ที่ https://www.facebook.com/GITInfoCenter


เทรนด์เครื่องประดับอัญมณีปี 2017

ด้วยปัจจุบันการกำหนดเทรนด์การออกแบบเครื่องประดับที่เผยแพร่ออกมาในแต่ละปีก่อนล่วงหน้าของบรรดาเหล่ากูรูในแวดวงธุรกิจแฟชั่นและเครื่องประดับนั้นได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการวางแนวทางในการดีไซน์สินค้าของผู้ประกอบการในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับค่อนข้างมาก ทางทีมกูรูด้านการออกแบบรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีและเครื่องประดับของ Swarovski Gemstone จึงได้กำหนดเทรนด์การออกแบบเครื่องประดับในปี 2017 ตาม Gem Visions Trend Directions 2017 ภายใต้ธีมแนวคิด 4 เทรนด์หลัก เพื่อเป็นแนวทางแก่นักออกแบบและผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับเป็นไอเดียในการสร้างสรรค์สินค้า คัดสรรวัตถุดิบในการผลิต เตรียมพร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นชิ้นงานเครื่องประดับเพื่อเปิดตัวเป็นคอลเลคชั่นใหม่ๆ ตามฤดูกาล มีรายละเอียดดังนี้
 
 
Existence หรือ ‘การมีอยู่’ เทรนด์เครื่องประดับที่สื่อถึงการเปิดมุมมองที่ไม่เคยมีใครเห็นหรือค้นพบมาก่อนของโลกใบนี้ เพื่อที่จะเข้าใจถึงเรื่องราวของจักรวาลและชีวิตบนผืนโลก เป็นแนวคิดการออกแบบที่อิงมาจากธรรมชาติโดยสะท้อนความสนใจด้านวิทยาศาสตร์และธรณีวิทยาผสมผสานกับเทคโนโลยีการออกแบบและการผลิตสมัยใหม่ ซึ่งวัสดุที่ใช้นั้นได้แรงบันดาลใจจากพื้นผิวโลกไปจนถึงส่วนที่ผิวดินแยกออกจากกันลึกลงไปใต้ผิวโลกอย่างภูเขาไฟ รวมถึงซากฟอสซิลซึ่งเป็นขุมทรัพย์ทางโบราณคดีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อันปรากฎเป็นลวดลายหยาบๆ ไม่ละเอียดมีสีสันตามธรรมชาติแสดงอยู่บนพื้นผิววัสดุ อย่างเช่น หินอุกาบาตซึ่งเป็นหินสีเทาจากอวกาศที่อุดมไปด้วยแร่เหล็ก ฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์และช้างแมมมอธ เปลือกหอยและไม้ที่กลายเป็นฟอสซิล งาช้าง ฟันและเขาสัตว์ที่แกะสลักเป็นลวดลายแบบชนเผ่า อัญมณีก้อนดิบหรือไม่มีรูปทรงอย่างเพชรก้อนหรือเพชรดิบ อำพัน อะเกต รวมถึงเพชรแผ่นบางและอัญมณีอื่นๆ ที่มีมลทินขนาดใหญ่เห็นได้ชัด มาผสมผสานในการออกแบบเครื่องประดับแนวร่วมสมัยที่ยังเน้นความดิบและความไม่สมบูรณ์แบบซึ่งได้กลายมาเป็นความงดงามในยุคนี้ เหมาะกับผู้บริโภคที่แสวงหาความแปลกใหม่ หลงใหลความงามตามธรรมชาติของอัญมณีที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง จึงเปิดกว้างรับตัวเลือกอื่นๆ ที่ให้ความพิเศษ อีกทั้งยังต้องการเครื่องประดับที่ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแฝงแนวคิดเชิงจริยธรรม
 
กลุ่มสีของอัญมณีที่ใช้ตกแต่งนั้นเป็นสีโทนเทาอมฟ้า เขียวอมฟ้า เขียวอมน้ำตาล ครีม และน้ำตาลอมแดง ซึ่งเป็นสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกและลักษณะทางภูมิศาสตร์ ด้วยการออกแบบเหลี่ยมเจียระไนอัญมณีให้ดูทึบแสงแต่มีแพทเทิร์นแบบปริซึมซึ่งเล่นกับการหักเหและการเบี่ยงเบนของแสง รวมถึงการจัดวางแบบเกลียว อย่างหิน อัญมณีทรงโดมที่มีหลายด้านดูมีมิติและความหลากหลายดึงดูดทุกสายตาเมื่อสะท้อนกับแสง ส่วนโลหะที่นำมาใช้ในเทรนด์นี้อาทิเช่น ทองเหลือง ทองแดง อะลูมิเนียม และเหล็กกล้า โดยเน้นโลหะที่ดูเหมือนเป็นสนิม ผ่านการออกซิไดซ์หรือทำปฏิกิริยาทางเคมีบนผิวโลหะ รวมทั้งมีการลงคราบกรุบนพื้นผิวโลหะ 
 
 
Haute Gems หรือ ‘อัญมณีชั้นสูง’ เทรนด์เครื่องประดับที่สื่อถึงการกลับมาของอัญมณีที่งดงามตระการตาด้วยลุคและอารมณ์ตามสไตล์แฟชั่นชั้นสูงแนวร่วมสมัย อันสื่อถึงความสง่างามและมีคุณค่า โดยคัดสรรคุณภาพอัญมณีน้ำงามหายากทั้งในแง่สี ความกระจ่างใส และผ่านการเจียระไนด้วยสัดส่วนที่สมดุล เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์และความงามของอัญมณีอันเลอค่า มาประดับบนตัวเรือนเครื่องประดับที่ฟู่ฟ่าหรูหราอลังการด้วยขนาดและรูปทรงที่ใหญ่กว่าปกติ ซึ่งผลิตขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตละเอียดลออในทุกรายละเอียด 
 
อัญมณีที่นำมาใช้ตามเทรนด์นี้อาทิ ทับทิมจากโมซัมบิก มรกตจากแซมเบีย ไพลิน แอเมทิสต์ และพาราอิบาทัวร์มาลีนจากแอฟริกา เป็นต้น ซึ่งเน้นการใช้สีสันที่ผสมผสานระหว่างเฉดสีสดและสีเข้มเล่นกับการตัดกันของสี เพื่อสร้างโทนสีที่ฉูดฉาดสะท้อนทั้งความหวานและความเปรี้ยวอย่างเช่น การใช้หยกสีม่วงอมชมพูคู่กับแซฟไฟร์หรือโทแพซสีเหลืองสด ทัวร์มาลีนสีชมพูคู่กับโอปอสีส้มแดงคล้ายสีของเปลวไฟ รวมไปถึงการใช้อัญมณีโปร่งใสที่อวดให้เห็นตัวเรือนด้านในซึ่งปกติมองไม่เห็น การลงยาบนพื้นผิววัสดุด้วยเทคนิค Cloisonné เลียนแบบกระจกสีในโบสถ์โกธิค การใช้เทคโนโลยีที่สร้างวัสดุเหมือนเนื้อผ้าทำให้เกิดวัสดุที่ดูเหมือนผ้าไหม ลูกไม้ หรือการเย็บปักซึ่งเป็นรูปแบบของแฟชั่นชั้นสูงที่จะกลายเป็นตัววัสดุและพื้นผิวของเครื่องประดับ สำหรับโลหะที่นำมาใช้รังสรรค์เป็นตัวเรือนอาจทำด้วยทอง เงิน และไทเทเนียมหรืออาจเป็นโลหะที่ผ่านการรมดำก็ได้
 
 
Easy-Trans-Form หรือ ‘การแปลงโฉมอย่างง่าย’ เทรนด์เครื่องประดับที่เน้นองค์ประกอบเรียบง่ายทันสมัย แต่แฝงด้วยนวัตกรรมการออกแบบจากความคิดอันสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์และประสิทธิภาพในการใช้งานเป็นสำคัญ ด้วยการดีไซน์เครื่องประดับที่สามารถปรับใช้ได้ในหลายรูปแบบหรือปรับเปลี่ยนโยกย้ายแต่ละชิ้นส่วนออกมาเป็นเครื่องประดับสไตล์อื่นๆ ได้ อาทิเช่น สามารถถอดแยกชิ้นสร้อยคอให้เป็นสร้อยข้อมือและเข็มกลัด หรืออัญมณีแต่ละชิ้นส่วนสามารถถอดเปลี่ยนสลับได้ เพื่อให้สามารถปรับลุคการสวมใส่เครื่องประดับได้เหมาะกับการใช้งานหรือแมตซ์กับสไตล์การแต่งตัวที่ต้องการตั้งแต่งานกลางวันไปถึงงานกลางคืน รวมไปถึงแฟชั่นต่างหูต่างคู่ที่รังสรรค์ต่างหูที่ไม่เข้าคู่กัน หรือสามารถสลับจับคู่ต่างหูทรงเก๋ที่ไม่เหมือนกันมาใส่เข้าคู่กัน เช่น การใส่ต่างหูสั้นข้างยาวข้างแบบไม่สมมาตร หรือสองข้างสีสันไม่เหมือนกัน หรือมีรายละเอียดบางจุดไม่เหมือนกัน ไปจนถึงการใส่ต่างหูชิ้นใหญ่หรือทรงยาวตุ้งติ้งข้างเดียวคู่กับต่างหูทรงหมุดติดหูชิ้นเรียบๆ ก็เพิ่มความโฉบเฉี่ยวและความโดดเด่นให้ใบหน้าดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น ต่างหูต่างคู่จึงกลายเป็นตัวเลือกที่มาแรง ด้วยความงามตรงความแตกต่างที่ไม่มีกฎตายตัว บางครั้งความไม่เท่ากันและความไม่สมบูรณ์ก็กลายเป็นความสวยเลิศที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ สามารถตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาเครื่องประดับที่มีไอเดียนอกกรอบ 
 
เฉดสีที่ใช้ตามเทรนด์นี้เน้นกลุ่มสีสันที่สร้างความสดใสแนวสปอร์ต เช่น สีเขียว และโทนสีพาสเทลอย่างสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ชมพู เหลืองอ่อน ไปจนถึงสีส้มสดซึ่งเป็นสีที่กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก ส่วนวัสดุที่นำมาใช้เป็นอัญมณีโปร่งใสและโปร่งแสง เช่น หินคริสตัล และหินสองสีอย่างอเมทรีน และวัสดุที่มีประกายเมื่อสะท้อนกับแสงอาทิ โอปอ มูนสโตนสีรุ้ง ลาบราดอไรท์ รวมถึงยังเลือกใช้เซรามิคมาตกแต่งเพื่อสร้างสัมผัสเนียนลื่นแลดูเงางามทันสมัย และผสมผสานงานโลหะจำนวนมากในการเชื่อมอัญมณีเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นโลหะเงินที่มีพื้นผิวเมทัลลิคขัดมัน ทองเหลืองซึ่งมีพื้นผิวสะท้อนแสงได้หลายทาง เหล็กพื้นผิวเหลือบ และมีการใช้โลหะเป็นกรอบล้อมรอบอัญมณีเพื่อให้เครื่องประดับมีโครงสร้างที่ดีและสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ 
 
 
Self Art หรือ ‘ศิลปะที่สื่อความเป็นตัวตน’ เทรนด์นี้นำเสนอวิธีการใหม่ๆ ในการแสดงออกถึงความเป็นตัวตนผ่านเครื่องประดับอัญมณี หากอัญมณีคือวิธีหนึ่งที่จะสื่อสารกับคนทั้งโลก ดังนั้น อัญมณียุคใหม่นั้นต้องเชื่อมโยงกับผู้ใหญ่ที่มีความเยาว์วัย นั่นก็คือกลุ่มคนรุ่นเจนเนอเรชั่น Y หรือคนยุคมิลเลนเนียล ซึ่งเป็นคนกลุ่มที่ไม่ยอมเป็นไปตามกระแส การค้นหาความเป็นเอกลักษณ์จึงปรากฏชัดในหมู่คนหนุ่มสาวรุ่นนี้ ซึ่งมองว่าคุณค่าในตัวสินค้าสำคัญน้อยกว่าคุณค่าส่วนบุคคล คนกลุ่มเจนวายเหล่านี้ต้องการสิ่งที่มีสาระสำคัญหรือความหมาย เพื่อที่จะรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างอัญมณีและเรื่องราวของมัน เครื่องประดับที่มีสไตล์เฉพาะตัวสะท้อนถึงความเป็นอัตลักษณ์ของตนและแฝงไอเดียเก๋ไก๋ไม่ธรรมดาจึงดึงดูดความสนใจของลูกค้ากลุ่มนี้ และด้วยมีทัศนคติไม่นิยมสวมใส่เครื่องประดับที่ดูเป็นทางการจนเกินไป เครื่องประดับแนวสตรีทแฟชั่นที่ทำให้รู้สึกมั่นใจเมื่อสวมใส่จึงเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าเครื่องประดับดีไซน์หรูหรา ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเล่นลวดลายกราฟฟิค รูปแบบฟรีฟอร์มซับซ้อนน่าสนใจซึ่งแสดงออกถึงความเป็นอิสระและความมีเอกลักษณ์ การผนวกรวมเครื่องประดับกับอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้กลายเป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ซึ่งรังสรรค์ด้วยตัวเรือนโลหะมีค่าและประดับอัญมณี โดยผสมผสานแฟชั่นเข้ากับการใช้งานได้อย่างลงตัว จึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้
 
สำหรับอัญมณีที่ใช้ในเทรนด์นี้จะเน้นไปที่วัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เพชรสังเคราะห์ คิวบิคเซอร์โคเนีย คริสตัล ผลึกฮาวไลท์ทั้งสีธรรมชาติและสีย้อม เรซิน  อะคริลิค เป็นต้น ผสมผสานกับอัญมณีจากธรรมชาติอาทิ เพชรสีดำและน้ำตาลเทอร์ควอยซ์ ลาพิสลาซูลี และปะการังสีสด รวมถึงการลงยาบนชิ้นงานเครื่องประดับ โดยเน้นสีสันสดใสเจิดจ้าแทรกด้วยความแข็งของกราฟฟิคสีดำและสีโทนพาสเทลอย่างสีน้ำตาลกาแฟ คาราเมล ฟ้า ชมพู มิ้นท์เข้ม และส้มอิฐ โลหะที่ใช้ส่วนมากมักเป็นเงิน ทองสีดำและน้ำตาล ทองชมพู หรือแม้กระทั่งทองสีออกเขียว รวมถึงไทเทเนียม และอะลูมิเนียม สำหรับการดีไซน์เครื่องประดับตามเทรนด์นี้จะเน้นความเป็นอิสระของอัญมณี โดยอาจเป็นจี้หรือชาร์มห้อยไว้แบบหลวมๆ หรือสามารถหมุนได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยข้อมือ สร้อยคอ และต่างหู เหลี่ยมเจียระไนอัญมณีที่นิยมจึงเป็นแบบทรงหยดน้ำ หรือทรงสัปปะรด ทรงหลังเบี้ย ทรงเหลี่ยมกุหลาบ หรือแกะสลักเป็นลวดลาย
 
จากเทรนด์การออกแบบเครื่องประดับอัญมณีในปี 2017 ที่กล่าวมาข้างต้นเห็นได้ว่าบรรดานักออกแบบเครื่องประดับหรือผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ต่างต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น ซึ่งคงหนีไม่พ้นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานโดยเฉพาะกลุ่มเจนวายที่เริ่มมีกำลังซื้อสูงขึ้น และกำลังจะกลายเป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ที่มีศักยภาพในตลาดอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้มีพฤติกรรมการบริโภคไม่เหมือนกับกลุ่มคนรุ่นเดิมหรือรุ่นพ่อแม่ ผู้บริโภคยุคใหม่ต่างมองหาสินค้าที่แปลกแตกต่าง มีสไตล์สะท้อนรสนิยมของตน หรือแสดงออกถึงความเป็นตัวตน และเปิดรับวัสดุทางเลือกใหม่ๆ มาใช้ทดแทนอัญมณีหรือโลหะมีค่ามากยิ่งขึ้น ปัจจุบันนักออกแบบเครื่องประดับจึงต้องคิดนอกกรอบนำเสนอสิ่งที่แตกต่าง “สิ่งที่งดงาม เป็นเอกลักษณ์ และมีดีไซน์ล้ำสมัย ทั้งหมดนี้รวมกันอยู่ในงานชิ้นเดียว” พร้อมทั้งผสมผสานเครื่องประดับให้เข้ากับเทรนด์ที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม เพื่อดึงดูดความสนใจของคนรุ่นใหม่เหล่านี้ 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที