สภาพสังคมชาวอเมริกาเป็นประเทศที่มีความหลากลายทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ เนื่องจากเป็นประเทศที่เป็นที่รวมของประชากรจากหลากหลายประเทศ แต่ค่านิยมในการดำเนินชีวิตของชาวอเมริกันที่คล้ายคลึงกันคือ การชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ยอมรับความคิดเห็นและการตัดสินใจของผู้อื่น ให้ความสำคัญกับการประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะสไตล์การสอนเด็กของพ่อแม่ชาวอเมริกา จะพบว่าพ่อแม่จะสอนให้เด็กเรียนรู้การช่วยเหลือตนเองตั้งแต่เด็ก เปรียบเสมือนการฝึกให้ลูกนกบิน เมื่อบินได้แล้วก็สามารถบินออกไปหากินได้ด้วยตนเอง เด็กๆชาวอเมริกันหลายคนพยายามแสดงให้พ่อแม่เห็นว่าเขาสามารถดิ้นรนต่อสู้ชีวิตได้ด้วยตนเอง ประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเอง ซึ่งถ้าเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ชีวิตก็รู้สึกอิสระ และพ่อแม่ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่เขาเป็นลูกนกที่สามารถบินได้ด้วยตนเอง ซึ่งลักษณะการดำเนินชีวิตของบิลล์ เกตส์ ก็มีลักษณะการดำเนินชีวิตตามรูปแบบนั้น ซึ่งเมื่อเขาตัดสินใจออกจาก
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พร้อมเหตุผลที่เขามีพ่อแม่ก็ยอมรับการตัดสินใจนั้น แต่พื้นฐานการสร้างสำเร็จในกับ บิลล์ เกตส์ คือ การสร้างพื้นฐานความรู้ การปลูกฝังจิตสำนึกด้านคุณธรรมให้กับเขา พร้อมกับการเป็นแบบอย่างให้ดูโดยจากการเป็นผู้มีส่วนร่วมขององค์กรการกุศลต่างๆ
บิลล์ เกตส์ เจ้าของบริษัทไมโครซอฟต์ ซึ่งเคยเป็นมหาเศรษฐีที่ติดอันดับ 1 โลก ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 14 ปี และที่น่าสนใจขึ้นไปอีก คือ เขาไม่ได้เรียนจบมหาลัย แต่เป็นผู้ที่หลงใหลและมุ่งมั่นในการทำงานกับคอมพิวเตอร์เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา จนมีเรื่องเล่าว่าหลายครั้งที่เขาหมกตัวอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์กินนอนในห้องนั้นทั้งวันทั้งคืน ตัวชี้วัดที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตคือ ถูกจัดเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกเมื่อตอนอายุเพียง 39 ปี บิลล์ เกตส์ เป็นชาวอเมริกันเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดี บิดาเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงมารดามีอาชีพเป็นครู มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เขาเป็นคนที่ 2 เขามีทั้งพี่สาวและน้องสาว เมื่อตอนที่อายุได้ 13 ปี เขาถูกส่งตัวไปเรียนที่โรงเรียนผู้ชายล้วนชื่อว่า Lakeside ซึ่งมีค่าเทอมสูงมาก และที่นี่ทำให้เขาได้พบกับคอมพิวเตอร์ และเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาค้นคว้ามันอย่างจริงจัง จนสามารถผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้เมื่อตอนอายุ 17 ปี ต่อมาเมื่ออายุได้ 18 ปี เขาได้มีโอกาสเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดและดีที่สุดคือ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยในตอนแรกเขาไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนวิชาอะไรดีจึงเลือกเรียนตามพ่อ คือ วิชากฎหมาย แต่สุดท้ายก็เรียนไม่จบเพราะจุดสนใจของเขาอยู่ที่คอมพิวเตอร์ของโรงเรียน และเขาก็ทำมันจนประสบความสำเร็จ ข้อคิดที่เขาพูดในเรื่องการเรียนคือ การศึกษาในโรงเรียนตัดสินให้ใครบางคนต้องกลายเป็นผู้แพ้บางคนกลายเป็นผู้ชนะ ซึ่งเขาก็สามารถทำให้พ่อแม่ยอมรับการตัดสินใจของเขาในการลาออกครั้งนั้นได้ แต่ใน
ชีวิตจริงๆไม่ได้เป็นแบบนั้นคนทั้งโลกคาดหวังผลลัพธ์จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่างหาก เขามีวิธีการคิดแบบนี้ และทำแบบนี้ได้ยังไง พ่อแม่สอนวิธีคิดของเขาหรือเปล่า จุดนี้น่าสนใจมาก พ่อแม่ของบิลล์ เกตต์ไม่เคยซื้อคอมพิวเตอร์ให้เขาในช่วงก่อนอายุ 15 ปี
แม่ของเขาสอนให้เขาเป็นคนที่รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ รับผิดชอบตัวเอง ของเล่นที่เล่นเสร็จแล้วต้องเก็บให้เรียบร้อยด้วยตนเองแม่ของเขาต้องการให้เป็นเด็กที่มีความสามารถทั้งทางดนตรีและการเล่นกีฬา แต่เขาทำมันได้แต่พอเล่นเป็นเท่านั้น และพ่อของเขาต้องการให้เขาได้รับการศึกษาที่ดีเนื่องจากเขาเป็นคนที่เรียนวิทยาศาสตรฺและคณิตศาสตร์ค่อนข้างดี จึงส่งลูกไปเรียนในที่ที่คิดว่าดีที่สุดและมีความเก่งด้านวิชาการ ที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้ค้นพบในสิ่งที่ตัวเองรัก นอกจากนี้พ่อของเขาได้ขึ้นว่าว่าเป็นผู้ใจบุญรวมทั้งแม่ของเขาเป็นประธานการกุศลขององค์กรยูไนเต็ดเวลย์ พ่อได้เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า “Showing Up for Life: Thoughts on the Gifts of a Lifetime” หรือแปลเป็นไทยว่า ชีวิตที่เกิดมาคือของขวัญที่มีค่าที่สุด บิลล์ เกตต์ ได้เคยกล่าวถึงพ่อของเขาว่า “พ่อของผมเป็นคนที่ฉลาดและสงบที่สุดเท่าที่ผมเคยพบ และเขาก็เป็นคนที่สอนวิธีคิดและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม” โครงการกุศลต่างๆเขาได้บอกว่าพ่อของเขาต้นแบบในการทำสิ่งนั้นแล้วเขาก็ทำมันต่อ ปัจจุบันพ่อของเขาอายุ 85 ปี ส่วนแม่เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมหลังจากที่เขาแต่งงานได้ไม่นาน
“Before you were born, your parents weren't as boring as they are now. They got that way from paying your bills, cleaning your clothes and listening to you talk about how cool you thought you were. So before you save the rain forest from the parasites of your parent's generation, try delousing the closet in your own room.”
-Bill Gates-
“ก่อนที่คุณจะเกิดพ่อแม่ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้: พวกเขาต้องทำงานเพื่อจ่ายสิ่งต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคุณ ต้องซักเสื้อผ้าให้กับคุณ ต้องฟังในสิ่งที่คุณพูดสิ่งที่คุณคิด ดังนั้น คุณต้องปกป้องการทำลายพ่อแม่ของคุณ ด้วยการที่คุณทำสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง”
-บิล เกตต์-
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที