หิ่งห้อยสีคราม

ผู้เขียน : หิ่งห้อยสีคราม

อัพเดท: 28 ธ.ค. 2006 23.59 น. บทความนี้มีผู้ชม: 4505 ครั้ง

โดยปกติคนเราเมื่อเกิดมายอมต้องมีเป้าหมาย และต้องเข้าใจในวิธีบรรลุเป้าหมายให้สมบูรณ์ แล้วอะไรล่ะคือที่มาของเป้าหมาย และที่มีของวิธีบรรลุเป้าหมาย มนุษย์มากมายหาคำตอบกันอยู่บางกลุ่มเจอ แต่ผิด บางกลุ่มไม่เจอ น้องนักที่จะค้นพบเจอแล้วถูกต้องตามหลักความเป้นจริงของสิ่งมีชีวิต เรามาตามหาคำตอบตามหลักพุทธศาสตร์กันเถิด


เราเกิดมาทำไม? ภาค 1

ในท่ามกลางสังสารวัฏ อันจะกำหนดเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลายมิได้นี้  เหล่าสรรพสัตว์ต่างต้องเวียนว่ายตายเกิดนับครั้งไม่ถ้วน โดยไม่รู้ความเป็นจริงว่า ตนเกิดมามีเป้าหมายอย่างไร จนกว่าจะมีมหาบุรุษผู้ทรงบารมีเปี่ยมล้นมาตรัสรู้ธรรมสั่งสอนสัตว์ ให้รู้ถึงเป้าหมายชีวิตแล้วดำเนินรอยตามพระองค์ข้ามไปสู่ฝั่งพระนิพพานอันเป็นแดนเกษมได้

                ผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า    “ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ”  ที่กล่าวเช่นนี้เพราะ มนุษย์สามารถประกอบการต่าง ๆ ได้ ซึ่งในขณะที่สรรพสัตว์อื่น ๆ ไม่สามารถกระทำได้ การได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ย่อมประเสริฐกว่าอัตภาพอื่นใด ดังเช่นมีตำนานกล่าวไว้ถึงการเกิดเป็นมนุษย์ยากเย็นแสนเข็ญมากว่า หากเปรียบเทียบการเกิดเป็นมนุษย์แล้ว การที่มีเต่าตาบอดอาศัยอยู่ในก้นมหาสมุทรลึก ในทุก ๆ 100 ปี จะโผล่หัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำครั้งหนึ่ง และโอกาสที่จะโผล่หัวมาอยู่ในห่วงที่ลอยน้ำอยู่นั้นได้ นั่นคือการได้เกิดมามีอัตภาพความเป็นมนุษย์ แม้เทวดา พรหม อรูปพรหมยังเกิดได้ง่ายเสียกว่า แต่ก็ยังไม่ประเสริฐเท่ามนุษย์ มนุษย์สามารถประกอบบุญและบาปได้ แต่ในขณะเดียวกัน เทวดา พรหม อรูปพรหมไม่สามารถประกอบบุญหรือบาปได้เลย นอกเสียจากการชื่นชมยินดีหรือที่เรียกว่า อนุโมทนา

                มนุษย์เป็นอัตภาพแห่งการประกอบเหตุ ภพอบาย ภพสวรรค์ รูปภพและอรูปภพ เป็นภพภูมิแห่งการเสวยผลแห่งเหตุที่ประกอบไว้ในขณะที่ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ กล่าวคือ หากในขณะที่เป็นมนุษย์ประกอบแต่คุณงามความดี สร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงามไว้ในชีวิต เมื่อละจากโลกก็ได้บังเกิดในสวรรค์หรือรูปภพหรืออรูปภพ แต่หากในขณะที่เป็นมนุษย์ประกอบแต่สิ่งไม่ดี สร้างแต่ความชั่วให้เข้ามาในชีวิต เมื่อละจากโลกจิตใจจะเศร้าหมอง ส่งผลให้ไปบังเกิดในอบายภูมิ อันมีทุคติ วินิบาต สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการชดใช้กรรมอยู่อย่างยาวนาน บางกรณียาวนานถึงหลาย ๆ พุทธันดรกันเลยทีเดียว เช่น เถรเทวทัต เป็นต้น

                เป้าหมายชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏที่แท้จริงคือ นิพพาน แต่การจะทำเป้าหมายชีวิตในสมบูรณ์ได้ต้องประกอบเหตุ คือ การทำความดีให้มากในระดับที่เรียกว่า บุญบารมี ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดเพราะไม่รู้วิธีไปสู่นิพพาน เมื่อไม่รู้วิธีไปสู่นิพพานก็จะยังคงเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น แต่เมื่อรู้แล้วว่าการไปสู่นิพพานต้องดำเนินรอยตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ แสวงบุญและสร้างบารมี  ดังนั้น เราสามารถกล่าวได้ว่า เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี

               


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที