Guanto

ผู้เขียน : Guanto

อัพเดท: 18 พ.ย. 2019 12.55 น. บทความนี้มีผู้ชม: 6488 ครั้ง

การบริหารงาน บริหารทีม แต่ละคนก็จะมีวิธีที่ต่างกัน ไม่ว่าจะแบบดุดันหรือมีเหตุมีผล แต่หลัก ๆ แล้วเราจะแบ่งผู้นำออกมาได้เป็น 2 แบบ คือแบบผู้ว่าจ้าง (Boss) กับ แบบหัวหน้า (Leader) ซึ่งสไตล์การบริหารอีกทั้ง 2 อย่างงี้ผิดแผกโดยสิ้นเชิง แล้วคุณล่ะ กำลังเป็นผู้นำแบบไหนอยู่?


คุณเป็นผู้นำแบบไหน นายจ้าง หรือผู้นำ

การบริหารงาน บริหารทีม แต่ละคนก็จะมีวิธีที่ต่างกัน ไม่ว่าจะแบบดุดันหรือมีเหตุมีผล แต่หลัก ๆ แล้วเราจะแบ่งผู้นำออกมาได้เป็น 2 แบบ คือแบบผู้ว่าจ้าง (Boss) กับ แบบหัวหน้า (Leader) ซึ่งสไตล์การบริหารอีกทั้ง 2 อย่างงี้ผิดแผกโดยสิ้นเชิง แล้วคุณล่ะ กำลังเป็นผู้นำแบบไหนอยู่?

ถ้ายังไม่แน่ใจ ว่าตนเองเป็นแบบไหนและผู้นำทั้งยัง 2 อย่างงี้แตกต่างยังไงบ้าง ผมได้เก็บการทำงานและแนวความคิดของทั้งคู่ต้นแบบมาให้แล้ว

คำนิยามของ ผู้นำอีกทั้ง 2 จำพวก

 

1. นายจ้าง (Boss)

 

ผู้ว่าจ้าง หรือ Boss มักจะสร้างระบบเพื่อที่จะดูแลทีม มั่นอกมั่นใจและเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ ลูกทีมคือผู้ใต้บังคับบัญชาแค่นั้น มุ่งเป้าที่ผลลัพธ์ของงานและมีความเชื่อว่างานจะเสร็จได้จึงควรเป็นผลมาจากความรู้ความเข้าใจของตนแค่นั้น

 

2. หัวหน้า (Leader)

 

หัวหน้า หรือ Leader จะมองที่การพัฒนาคนเป็นพื้น ชอบรับฟังความคิดแลเห็น และให้โอกาสให้ลูกทีมแสดงฝีมือ ให้ความเอาใจใส่กับวิชาความรู้สึกของลูกทีมไม่น้อยไปกว่าผลลัพธ์ของงาน และเห็นว่าจุดมุ่งหมายจะเสร็จได้จำเป็นที่จะต้องมีสาเหตุมาจากการเข้าร่วมมือของทุกคนภายในทีม

Boss กับ Leader มีมุมมองที่ผิดแผกแตกต่างยังไงบ้าง?

ความหมายของทีม

นายจ้าง: จะมองเห็นลูกทีมเป็นบุคลากรที่จำเป็นที่จะต้องทำดังที่มอบหมายให้เสร็จและตรงกับที่ตนปรารถนา หากทำมิได้ก็จะเปลี่ยนเป็นบุคลากรที่ไม่มีประสิทธิภาพ

หัวหน้า: มองเห็นลูกทีมเป็นทรัพยากรสำคัญที่จำเป็นจะต้องพัฒนา แม้จะไม่เก่งแต่ก็จะหาวิธีพัฒนาลูกทีมคนนั้นให้สูงที่สุด และเห็นว่างานจะออกมาดีได้จำเป็นจะต้องเริ่มจากการพัฒนาคน ถ้าทีมดำเนินงานออกมาได้ไม่ดีเขาจะคอยให้คำปรึกษาเสมอ

เมื่อกำเนิดจุดบกพร่อง

นายจ้าง: จะเริ่มจากการแสดงอาการฉุนเฉียวและมองหาคนผิดเพื่อที่จะให้รับผิดชอบ ก็เนื่องจากเขารู้สึกว่าคนจะไม่ทำผิดพลาดอีกหากถูกลงโทษ

หัวหน้า: มองหาจุดบกพร่องและรีบหาทางปรับแต่งคำถามอย่างรวดเร็ว จากนั้นค่อยให้คำปรึกษากับผู้ที่นำมาซึ่งการทำให้กำเนิดคำถาม เพื่อที่จะที่เขาจะได้เล่าเรียนและไม่ทำผิดพลาดซ้ำ

การวางตัว

ผู้ว่าจ้าง: ชอบให้ลูกน้องยำเกรง เพราะว่าคนเป็นผู้นำชอบทำงานแบบดูแลลูกน้องให้เป็นไปจากที่ปรารถนา ทั้งๆที่จริง ๆ แล้ว ที่ลูกน้องยอมก็เพราะเหตุว่ากลัวจะมีคำถามแค่นั้นเอง

หัวหน้า: อยากให้ลูกทีมเคารพและปฏิบัติงานอย่างเต็มใจ คนเป็นหัวหน้าจะเพียรพยายามซื้อใจลูกน้องผ่านการแสดงออกให้พวกเขาแลเห็นถึงภาวะหัวหน้า จนลูกน้องกำเนิดความนับถือและพร้อมที่จะปฏิบัติงานให้ด้วยซ้ำความเต็มใจ

การบริหารงาน

ผู้ว่าจ้าง: ไม่ไว้ใจเวลาให้ลูกน้องปฏิบัติงานและมักจะจู้จี้ต่อเนื่องเวลา ก็เนื่องจากกลัวว่าถ้าปลดปล่อยให้ลูกน้องปฏิบัติงานเอง จะปฏิบัติงานพลาด แล้วเขาควรต้องมาตามปรับแต่งปริศนาที่กำเนิดขึ้น

หัวหน้า: มอบหมายงานพร้อมให้อิสระแล้วให้ลูกน้องดำเนินการเอง โดยที่เขามองดูอยู่ห่าง ๆ และเข้าไปให้คำปรึกษาในช่วงเวลาที่ลูกน้องมีคำถามหรือเข้ามาขอคำแนะนำ

การบริหารทีม

ผู้ว่าจ้าง: มองลูกทีมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา จะพึงพอใจแค่ว่าลูกน้องของเขาปฏิบัติงานออกมาดีเท่าไร หากดีก็เท่าตัวหากแย่ก็จะถูกลงโทษ

หัวหน้า: มองลูกทีมเสมือนพวกพ้องที่จำเป็นที่จะต้องควบคุมจะคอยสังเกตต่อเนื่องว่าลูกทีมเป็นสุขกับการดำเนินงานมั้ย มีคำถามติดขัดอะไรรึเปล่า และตัวเขาเองจะให้โอกาสให้ลูกทีมเข้ามาสนทนาเพื่อที่จะหากระบวนการสำหรับการดำเนินงานที่จะก่อให้ทุกคนเป็นสุขมากยิ่งขึ้น

เปิดรับความคิดแลเห็น

นายจ้าง: มักจะไม่ค่อยฟังใคร จะเชื่อว่าความคิดของตนเยี่ยมที่สุดและเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ โดยไม่พอใจเสียงของลูกน้อง

หัวหน้า: รับฟังมากยิ่งกว่าพูดจะชอบให้ลูกทีมออกความแลเห็น ให้โอกาสให้พวกเขาได้ออกไอเดีย ก็เพราะเหตุว่าเชื่อว่าการให้โอกาสให้คนอื่นๆได้คิดได้พูด จะเป็นการเสริมสร้างความคิดประดิษฐ์ ส่งผลให้ได้แนวความคิดดี ๆ และมากหน้าหลายตา ก็เพราะเหตุว่ามีความคิดว่าการรวมความคิดแลเห็นของทีมจะส่งผลดีกว่า

จุดหมาย

นายจ้าง: คนเป็นนายจ้างจะพึงพอใจและมุ่งเป้าแค่ให้งานสำเร็จ สั่งงานลูกน้องแบบให้ดำเนินการออกมาสำเร็จสมบูรณ์ก็พอ โดยเห็นว่าใครทำก็ได้

หัวหน้า: มอบหมายงานเพื่อที่จะให้ลูกน้องเจริญวัยเว้นแต่งานจะสำเร็จออกมาก็ดีแล้ว เขายังจะแจกจ่ายงานที่ท้าทายเพื่อที่จะให้โอกาสให้ลูกน้องแต่ละคนได้โชว์ฝีมือด้วยซ้ำ ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อการเจริญวัยในสายอาชีพของพวกเขา

อ่านมาถึงที่ตรงนี้และก็อาจจะมองว่าการเป็นผู้นำที่เต็มไปด้วยซ้ำภาวะหัวหน้าดูจะเป็นต้นแบบที่ดีมากยิ่งกว่า เว้นแต่จะมีผลให้ทีมแข็งแรง ลูกทีมเป็นสุขสำหรับเพื่อการปฏิบัติงาน ไปกระทั่งคุณภาพสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานแล้ว ยังส่งผลให้ลดอัตราการลาออกได้อีกด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ตาม การเป็นผู้นำก็มิได้มีกฎที่ต้องปฏิบัติอะไรที่ตายตัว ก็เพราะถ้าจำเป็นจะต้องเจอกับลูกทีมที่ปราศจากความรับผิดชอบ หรืออยู่ในเหตุการณ์ที่คับขันเร่งด่วน การกระทำตนเป็น Boss บ้าง ก็คงจะเป็นลู่ทางที่ดีมากยิ่งกว่า


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที