ความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมีรสหวาน
โนกุจิ ฮิเดโยะ
๑
ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองภูเขาบันได อีกครั้งหนึ่ง
ฟ้าครึ้มเมฆขาวราวกับต้องการซ่อนเร้นยอดภูเขาไว้ไม่ให้เห็น สีเทาทึบหม่นของท้องฟ้าทำให้บรรยากาศดูทึบแลอึดอัดด้วยก้อนเมฆจับตัวลอยแน่นเต็มท้องฟ้า
สายลมแรงเย็นจากทะเลสาบซึมแทรกทะลุเสื้อผ้าที่ผมสวมใส่ ความเย็นพุ่งจู่โจมใส่ไล่มาตั้งแต่ใบหน้าลงมาจนถึงเท้า ทำให้ผมหนาวสะท้านจนทนแทบไม่ไหว แต่ระยะทางจากพิพิธภัณฑ์ ไปสถานีรถไฟอินาวะชิโร่ก็ไกลไม่ต่ำกว่าสี่กิโลเมตร
มันคงสายเกินไปแล้วที่ผมจะหวนกลับไปยังจุดเริ่มต้น หากต้องการจะพบกับมุมอุ่นและชายคาคุ้มหัว ผมก็ไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นนอกจากจะหยุดรอรถเมล์ที่ป้ายข้างทาง
ภูเขาบันไดที่ปกปิดด้วยก้อนเมฆ
แต่เมื่อผมดูระยะเวลาที่ต้องรอรถเมล์เที่ยวถัดไปแล้ว ผมขอเลือกที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นมากกว่า
คิดๆ ดูก็แทบไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาเดินเตร่อยู่กลางสายลมเย็น ณ ข้างถนนเช่นนี้
ด้วยความคิดไม่สมประกอบที่อยากจะทดลองเดินจากหน้าบ้านของดอกเตอร์โนงูจิเพื่อกลับไปยังสถานีรถไฟอินาวะชิโร่
ผมอยากรู้สึกเหมือนเช่นวันวานที่เด็กชายมือพิการคนหนึ่งเดินไปโรงเรียนในยามเช้า
อือม ทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบอีกแล้วครับ
ผมรู้สึกเพียงแค่อยากจะเดิน ไม่มีแผนที่ เส้นทางก็ไม่รู้แน่ชัด ด้วยระยะทางกว่าสามถึงสี่กิโลเมตร ผมจะระลึกถึงเส้นทางจากเส้นทางเมื่อขามาที่นั่งรถเมล์มาจากสถานีอินาวะชิโร่
ผมหันไปมองภูเขาบันได ที่สูงแต่ซ่อนเร้นไว้ด้วยก้อนเมฆและใหญ่ขนาดถ้าอยากจะเห็นภาพภูเขาทั้งลูกต้องถ่ายภาพแบบพาโนรามา
ผมเห็นบรรยากาศและทิวทัศน์แล้วก็ตัดสินใจ
๒
ผมหยุดมองภูเขาบันไดแล้วหันกลับมามองเส้นทางเดินเท้าเลียบถนนเลนเดียวด้านหน้า รถบรรทุกสิบล้อจากด้านหลังวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้ตัวทำเอาผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
สายลมเย็น ทำให้ผมนึกถึงอะไรหลายๆ อย่าง...
แต่ที่นึกถึงมากที่สุด คือ ความเป็นชนบทที่แฝงเร้นอยู่ในวิถีชีวิตของประเทศญี่ปุ่นที่ก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
ณ ที่นี้ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยนาข้าว สีเขียวอ่อนของต้นข้าวทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาในอดีต
ริมถนนระหว่างเดินกลับจากพิพิธภัณฑ์ ดร.โนงูจิ
ในช่วงเวลา ระหว่าง ค.ศ. ที่ ๑๘ ระหว่างทางเดินกลับบ้านของ เด็กชายโนงูจิ ที่เดินไปกลับระหว่างบ้านและโรงเรียนด้วยระยะทางหลายสิบกิโลเมตร เด็กคนนั้นก็คงแหงนมองภูเขาบันไดลูกนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เด็กคนนั้นอาจจะคิดถึงข้าวเย็นที่บ้านเพราะต้องทนหิวจากการอดข้าวมื้อเที่ยงเพราะไม่มีข้าวห่อไปกินที่โรงเรียน บางทีอาจจะคิดถึงมือข้างซ้ายที่พิการที่เกิดจากอุบัติเหตุในวัยเยาว์จนนิ้วมือใช้การไม่ได้
รูปบ้านหลังเดิมของดร.โนงุจิ ที่อนุรักษ์ไว้ตั้งไว้ด้านข้างพิพิธภัณฑ์
แต่อย่างไรก็ตาม เด็กชายโนงูจิคงไม่คาดคิดว่า เมื่อโตขึ้นมาจะได้ใช้ชีวิตที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับภูเขาบันไดลูกนี้
ย้อนไปในอดีต ชนบทที่ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้ แต่เด็กชายพิการ จากชายขอบกลับสามารถพลิกฟ้าฝืนดวงเพื่อเป็นนายแพทย์ตามที่ใจปรารถนาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
สำหรับผมแล้ว เด็กชายคนนี้คงไม่ใช่เด็กธรรมดา และในอนาคต ชายคนนี้ก็คงไม่ธรรมดา เช่นกัน
แต่ชายคนนี้กลับบอกภรรยาของเค้าว่า เค้าเป็นเพียง นักแบคทีเรียวิทยาเท่านั้นเอง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที