DBZ

ผู้เขียน : DBZ

อัพเดท: 18 มี.ค. 2007 21.09 น. บทความนี้มีผู้ชม: 5503 ครั้ง

บางทีอะไรที่ซ้ำไปซ้ำมา
มันคงทำให้เบื่อ
แต่กับสิ่งนี้ ผมกลับรู้สึกชอบ


เทปม้วนใหม่ ใจความเดิม (สมัคร J-Columnist และ J-Reporter)

เพราะอะไร !!!

 

ทำไมเขาเดินมาคนเดียว ไม่มีใครมาเป็นเพื่อนเลย พ่อแม่เขาล่ะอยู่ที่ไหน เวลาผมไปไหนมาไหนก็ยังอยากมีคนไปด้วยเพื่อขจัดความเหงา แต่ถ้าจำเป็นต้องไปไหนคนเดียวจริงๆก็ไม่เกี่ยง แต่เขาคนนั้นทำไมมาคนเดียวได้ ทั้งๆที่อายุของเขาไม่น่าจะเกิน “หกขวบ!!!”

 

ผมอยู่ในสถานีรถไฟแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างจากตัวเมืองนาโงย่าเท่าไรนัก ช่วงเวลาตอนนั้นยังไม่เจ็ดโมงเช้า ขณะที่ผมเพลินกับการฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงตัวจิ๋วพร้อมกับรอรถไฟอยู่นั้น สายตาก็บังเอิญไปสะดุดเข้ากับหมวกสีเหลืองที่สวมอยู่บนศีรษะของเด็กน้อยคนหนึ่งอายุราวๆห้าถึงหกขวบ

 

ประเทศญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยในประเทศค่อนข้างมาก เด็กนักเรียนตัวเล็กๆสามารถซื้อตั๋วรถไฟและขึ้นรถไฟไปเรียนได้ด้วยตัวคนเดียว หรือถ้าโรงเรียนอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนักก็จะพากันเดินเป็นแถว สะพายเป้ใบโตพร้อมกับหมวกสีเหลืองซึ่งจะทำให้ผู้ที่ขับขี่ยวดยานพาหนะสังเกตเห็นได้ง่ายและจะขับรถระมัดระวังมากขึ้น

 

ไม่นานนักรถไฟที่ผมรอก็มาจอดเทียบชานชาลาอยู่ตรงหน้า ประตูเลื่อนเปิดออก ผมเดินผ่านมันเข้าไปและหาที่ว่างนั่ง ช่วงเวลาเช้าเช่นนี้ผู้คนจึงยังไม่มากนัก ถ้าผมออกจากบ้านช้ากว่านี้สักหน่อย ผมคงต้องยืนตลอดทางกว่าจะถึงบริษัท ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้หมายจะหยิบขนมปังขึ้นมาดับความหิวและนั่นก็ทำให้ผมนึกได้ว่า ไม่มีกุญแจล็อกรถจักรยาน มันไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ กุญแจของผมดอกนี้มีไว้ไขส่วนล็อกล้อรถจักรยาน ผมคงไม่ได้ล็อกและลืมมันเสียบไว้กับที่ล็อกล้อ จะลงจากรถไฟสถานีหน้าแล้วนั่งย้อนกลับไปก็คงเสียเวลามาก ผมจึงได้แต่หวังว่ารถจักรยานของผมมันจะคอยเฝ้ากุญแจดอกนั้นให้

 

การโดยสารรถไฟใต้ดินนั้น จะมีบางส่วนของรถไฟในแต่ละตู้ที่เป็นที่นั่งสำหรับคนชรา หญิงมีครรภ์ หรือคนพิการ ดังนั้นถ้ามีบุคคลดังกล่าวอยู่แถวนั้น เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องลุกให้พวกเขานั่ง แต่ในทางกลับกันที่นั่งปกติทั่วไปถ้าเรานั่งอยู่แล้วผู้ที่ยืนเป็นบุคคลธรรมดา บางครั้งการที่เราลุกให้นั่งอาจทำให้พวกเขาโกรธได้ เพราะเหมือนกับเราไปว่าเขา ว่าเขาแก่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลบางคนอาจจะเต็มใจนั่งก็ได้ถ้าเขาเมื่อย แต่เหตุการณ์ที่ว่าลุกแล้วเขาไม่นั่งมีแน่นอนถึงแม้ว่ารถไฟจะแน่นไปด้วยผู้คน

 

19715_001_Routine.jpg

 

ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงผมก็มาถึงที่หมายซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาค่อนข้างมากทีเดียว ผู้คนในชุดทำงานกับเด็กในชุดนักเรียนเดินกันขวักไขว่ เร่งรีบทำหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่ หลังจากนี้ผมต้องเดินเท้าอีกประมาณสิบห้านาทีจึงจะถึงบริษัท ผมเดินออกมาจากสถานีรถไฟแล้วเลี้ยวขวาเดินไปตามทางเท้าเล็กๆ ก่อนที่ผมจะถึงหัวมุมเพื่อเลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนนใหญ่มักจะมีเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาคนหนึ่งถือกระเป๋าเดินสวนมา วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อผมเดินเกือบจะถึงหัวมุม เธอก็เดินสวนมาจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือความตั้งใจกันแน่ เหตุการณ์แบบนี้มีอยู่บ่อยๆถ้าผมออกจากบ้านเวลานี้

 

ผมเดินตามทางเท้าเรียบถนนใหญ่ อีกประมาณสามร้อยเมตรจะมีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ผมมักจะแวะเข้าร้านนี้ทุกเช้าเพื่อหาซื้อขนมหรือเครื่องดื่มไปกินที่บริษัท ก่อนที่ผมจะผลักประตูเข้าไปในร้านก็มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งขี่จักรยานผ่านผมไปยังทางที่ผมเดินมา คาดว่าคงจะรีบไปขึ้นรถไฟ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกันทุกเช้าราวกับวีดีโอเทปที่เปิดซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งบางครั้งมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนผู้หยั่งรู้ ผมมักจะเดาเอาเล่นๆเมื่อเดินมาถึงจุดที่เหตุกาณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น

 

“เดี๋ยวจะต้องมีเด็กคนหนึ่งในชุดนักเรียนหน้าตาเหมือนคนเมื่อวานเดินถือกระเป๋าผ่านมาแน่ๆ”

“ก่อนจะเข้าร้านสะดวกซื้อผมต้องเห็นคนหน้าเดิมขี่จักรยานผ่านหลังผมไปแน่นอน”

 

                19715_003_Routine.jpg

 

ทั้งสองประโยคนั้นผมมักจะนึกในใจอยู่บ่อยๆและนำมาพิจารณาว่ามันจะเป็นจริงตามคาดหรือไม่ และส่วนใหญ่มันมักจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันทุกวันไม่มีผิด นอกจากนี้พนักงานในร้านสะดวกซื้อก็คนเดิมกับคำพูดประโยคเดิม

 

ทั้งหมดนี้อาจจะเกิดจากสิ่งๆเดียว นั่นคือ “ตารางเวลาของการเดินรถไฟ” เวลาของการเดินรถไฟในวันทำงานจะแตกต่างกับวันหยุดแต่ส่วนใหญ่ธุระต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวันจะมาจากวันทำงานมากกว่า ดังนั้นใครที่ต้องการไปให้ถึงที่หมายในเวลาที่ต้องการมักจะกำหนดเวลาออกจากบ้านได้และก็ทำแบบนั้นซ้ำกันทุกๆวัน เมื่อทุกคนทำแบบนี้เหมือนกันหมดก็ทำให้ก่อเกิดภาพเหตุการณ์ที่ซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ ชาวญี่ปุ่นจึงได้ชื่อว่าเป็นคนตรงต่อเวลามากซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างทีเกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นผลทางอ้อมมาจากเรื่องเล็กๆอย่างตารางเวลาของการเดินรถไฟนั่นเอง

 

เมื่อช่วงเวลาของวันผ่านไป พระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำลงบอกให้ทุกชีวิตรู้ว่าถึงเวลาหยุดพัก เลิกงานเมื่อถึงเวลา ชาวญี่ปุ่นค่อนข้างทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับงานมากดังนั้นการทำงานล่วงเวลาจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับชาวญี่ปุ่น ผมใช้เวลาทำงานต่ออีกสักหน่อยเพื่อเคลียร์งานของวันนี้ให้เรียบร้อยแล้วเก็บข้าวของเดินออกมาจากบริษัท กลับบ้านตามเส้นทางเดิมที่พระอาทิตย์ส่องแสงบอกทางเมื่อตอนเช้า

 

ก่อนที่ผมจะขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผมแวะเข้าศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก มีสิ่งของให้เลือกซื้อมากมายทั้งของใช้หรือของกิน ผมเดินเข้าไปโดยหมายว่าจะหาซื้ออาหารสำหรับมื้อเย็นนี้ เดินเลือกอยู่ไม่นานนักสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ป้ายบอกลดราคาอาหารชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่อาหารกล่องชุดหรืออาหารสดมักจะลดราคาเมื่อเวลาล่วงเลยเกินหนึ่งทุ่มไปแล้ว ป้ายลดราคานี้เองทำเอาผมเสียรู้ไปแล้วในครั้งแรกที่เลือกซื้อ ป้ายบอกลดราคานั้นมีตัวเลขตัวใหญ่ติดอยู่ที่กล่อง เช่น 50 หรือ 100 พร้อมกับคันจิอีกไม่กี่ตัวทำให้ผมรู้สึกว่าลดราคาแล้วถูกลงจริงๆ จาก 500เยน เหลืออยู่ 100เยน แต่จริงๆแล้วเป็นเช่นนั้นไม่ เลขหนึ่งร้อยที่ว่านั่นคือ ลดราคาไปอีก 100 เยนจากราคาเต็มต่างหาก เมื่อเลือกซื้อสิ่งของเรียบร้อยแล้วก็เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ผมก็รู้สึกถึงเทคโนโลยีง่ายๆของเครื่องเก็บเงิน เพราะมันจะทอนส่วนที่เป็นเหรียญออกมาเองโดยที่พนักงานเก็บเงินป้อนราคาซื้อลงไปเท่านั้น ดังนั้นพนักงานไม่จำเป็นต้องนับเศษเหรียญเลย นับเฉพาะธนบัตรเท่านั้น และถ้ามีธนบัตรที่ต้องทอนให้เราหลายใบ เขาจะยื่นมาให้เราดูใกล้ๆในขณะที่นับเพื่อให้เราได้ยืนยันไปพร้อมกันกับเขา ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาดูแลลูกค้าดีจริงๆ

 

ผมขึ้นรถไฟกลับมายังสถานีที่ใกล้บ้านที่สุดและเป็นที่ที่ผมจอดรถจักรยานเอาไว้ ออกจะเป็นเรื่องปกติทีเดียวที่ลานจอดรถจักรยานจะเป็นสิ่งที่คู่กับสถานีรถไฟเสมอ พนักงานในชุดสูท หรือเด็กในชุดอยู่บ้านก็ขี่จักรยานกันเป็นเรื่องปกติ ผมลงจากรถไฟแล้วรีบวิ่งไปที่ลานจอดรถโดยหวังว่าเจ้าสองล้อคันน้อยของผมจะไม่หายไปไหน แล้วมันก็...ยังจอดนิ่งสนิทอยู่ที่เดิมพร้อมกับกุญแจดอกนั้น

 

“ประเทศนี้ช่างน่าอยู่เสียจริง ไร้ซึ่งโจรขโมย” ผมรำพึงกับตัวเอง

 

19715_002_Routine.jpg

 

จากนั้นผมก็เดินจูงจักรยานกลับบ้านอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับวีดีโอม้วนใหม่ที่มีใจความเดิมๆของทุกกิจวัตรที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

 

 

โดย ปาณชัย วงศ์ธีรโรจน์

สมัคร J-Columnist และ J-Reporter

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที