Robertty

ผู้เขียน : Robertty

อัพเดท: 19 ธ.ค. 2022 12.35 น. บทความนี้มีผู้ชม: 7513 ครั้ง

เงินเฟ้อสูงขึ้น หุ้นกลุ่มไหนได้รับประโยชน์จากการขึ้นของเงินเฟ้อครั้งนี้บ้าง?

อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงจนทำให้ธนาคารกลางหรือ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ทำให้การลงทุนในปีนี้ผันผวนมาก การลงทุนในช่วงที่ภาวะเงินเฟ้อขึ้นนี้ กลุ่มหุ้นหลายๆ กลุ่มก็มีผลกระทบที่ต่างกัน แล้วกลุ่มไหนบ้างที่ได้รับประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้?

STARTRADER ได้ทำการสรุปกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่เงินเฟ้อสูงขึ้น เช่นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ประกันภัย กลุ่มอุปโภคบริโภค ทองคำ และภาคพลังงานที่อาจได้รับประโยชน์จากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

กลุ่มหุ้นธนาคาร

เงินเฟ้อนั้นมีผลต่อดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลตรงต่อธนาคารเนื่องจากรายได้ของธนาคารมาจากดอกเบี้ยในการปล่อยสินเชื่อ การที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเนื่องจากผลกระทบของเงินที่เฟ้อขึ้น ทำให้ธนาคารมีการปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มส่วนต่างของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ นอกจากนี้ธนาคารยังได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคเนื่องจากราคาสินค้าบริโภคที่สูงขึ้น

กลุ่มหุ้นประกันภัย

บริษัทประกันภัยมีการนำเบี้ยประกันของลูกค้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน ส่วนมากก็จะอยู่ในสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีความเสี่ยงสูงมากนักอย่างพันธบัตรและหุ้นกู้ การที่อัตราเงินเฟ้อมีการสูงขึ้นนําไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถช่วยเพิ่มผลกําไรของบริษัทประกันภัยได้ เงินที่บริษัทประกันนำไปลงทุนใหม่ (Reinvest) จะได้ผลตอบแทนสูงในช่วงภาวะเงินเฟ้อ


Forex กับ Cryptocurrency ต่างกันอย่างไร??

 

นักเทรดมือใหม่หลายๆ ท่านมักมีความสับสนระหว่างตลาดสองประเภทนี้ เนื่องจากการเทรดของตลาดสองประเภทนี้สามารถทำได้ทางออนไลน์และเป็นการเทรดสกุลเงินด้วยเช่นกัน แต่สกุลเงินฟอเร็กซ์และคริปโตนั้นมีความแตกต่างเป็นอย่างมาก จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เทรดเดอร์ควรจะศึกษาตลาดสองประเภทนี้อย่างละเอียด 

Forex คือ ตลาดซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่าง ๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร

Cryptocurrency เป็นตลาดซื้อ-ขายสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ บนเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือที่เทรดเดอร์มักจะเรียกกันว่า “สกุลเงินดิจิทัล” เช่น บิทคอยน์หรืออีเธอเรียม 

ความคล้ายของ Forex กับ Cryptocurrency คือ  สามารถซื้อขายทางออนไลน์ได้ ตลาดของสองประเภทนี้ถูกขับเคลื่อนโดยความสมดุลของอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply)  ราคาจะสูงขึ้นเมื่อมีผู้ซื้อมากกว่าผู้ขาย และลดลงเมื่อผู้ขายครอบงำผู้ซื้อ

 

ข้อแตกต่างระหว่าง Forex กับ Cryptocurrency

 

Forex Cryptocurrency
ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ (หยุด เสาร์ อาทิตย์ ตลาด Crypto เปิดตลาด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ (ไม่มีวันหยุด)
เทรดบนสกุลเงินที่ใช้ในแต่ละประเทศ Crypto จะเทรดสกุลเงินดิจิตอล
มีสกุลเงินประมาณ 170 คู่ Crypto มีประมาณ 5,000 สกุลเงิน
Forex มีสภาพคล่องสูงตัว เพราะมีคนซื้อและขายเป็นจำนวนมาก Cryptocurrency สภาพคล่องตัวค่อนข้างต่ำกว่า Forex 

45% ของมูลค่าใน Crypto ตลาดเป็นของ Bitcoin
มีเลเวอเรจสูงสุดถึงหลัก 1:500 หรือมากกว่า ไม่มีหรือมีแต่ก็น้อยกว่ามาก
ปริมาณความต้องการตลาด Forex มีอยู่ไม่จำกัด เพราะตลาดนี้เป็นตลาดซื้อขายที่มีอยู่ทั่วโลก Cryptocurrency ที่จำนวนเหรียญดิจิทัลสำหรับการเทรดถูกสร้างมาอย่างจำกัด ทำให้ราคาของเหรียญแปรผันตามความต้องการเป็นเจ้าของเหรียญ
Forex มี Regulator อยู่หลายประเทศทั่วโลก เพราะสกุลเงินในตลาด Forex ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลส่วนกลางที่เป็นเจ้าของสกุลเงินประเทศนั้น ๆ ตลาด Cryptocurrency ไม่มี Regulator ทำให้มีการโกงง่ายกว่าตลาด Forex

 

อย่างไรก็ตามตลาดคริปโตถือเป็นตลาดใหม่ เพราะฉะนั้นเทรดเดอร์อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากคู่สัญญา เช่น การหลอกลวง แต่สำหรับการซื้อขาย Forex เป็นตลาดที่ได้รับการพัฒนาและมีการควบคุมอย่างเข้มงวด ทำให้การเทรด Forex มีผลเสี่ยงที่น้อยกว่า นี้จึงเป็นเหตุผลที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องมีการศึกษาตลาด วางแผนการเทรด และรู้จักวิธีบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม 

 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที