Daisy

ผู้เขียน : Daisy

อัพเดท: 17 ต.ค. 2022 21.51 น. บทความนี้มีผู้ชม: 288815 ครั้ง

รอบรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ รู้ก่อน รักษาก่อน บทความที่จะมาเชิญชวนให้นักอ่านทุกคนหันมาดูแลสุขภาพเพื่อตัวเองและคนที่คุณรัก


ตรวจไมเกรน ต้องทำอะไรบ้าง รู้ก่อน รักษาก่อน

วิธีตรวจไมเกรน

ตรวจไมเกรน ตรวจได้ด้วยตนเอง ไมเกรนอาการปวดศีรษะเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ผู้คนในยุคปัจจุบันนิยมเป็นกันมาก วิธีตรวจไมเกรนและสัญญาณเตือนของไมเกรน คือ หากมีอาการปวดศีรษะ โดยมักจะปวดศีรษะข้างเดียว หรือเริ่มปวดจากข้างเดียวก่อนแล้วจึงปวดทั้ง 2 ข้าง หรือบางครั้งอาจปวดทั้ง 2 ข้างขึ้นมาพร้อม ๆ กัน แต่ละครั้งที่ปวดมักจะปวดย้ายข้างไปมาหรือสลับตำแหน่งที่ปวด 
 

เราสามารถตรวจไมเกรนด้วยตัวเองได้หากมีอาการปวดศีรษะตุบ ๆ เป็นระยะ ๆ และในขณะปวดมีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย หากมีอาการเหล่านี้แสดงว่าเรามีโอกาสที่จะเกิดโรคไมเกรนได้


อาการสัญญาณเตือนไมเกรน

อาการสัญญาณเตือนไมเกรน ผู้ที่สงสัยว่าตนเองเข้าข่ายของการเป็นไมเกรน สามารถตรวจโรคไมเกรนได้ด้วยตนเอง โดยสัญญาณเตือนของไมเกรน มักจะมีอาการบอกล่วงหน้าประมาณ

1 – 2 วันก่อนที่จะเป็น เริ่มจากอาการปวดตึงตามต้นคอ หรืออารมณ์แปรปรวน สายตาพร่ามัวหรือมองเห็นแสงกระพริบ 


จากนั้นจะมีอาการปวดศีรษะเป็นระยะ ๆ ส่วนมากมักจะปวดรุนแรงถึงปานกลาง อาการปวดจะค่อย ๆ ปวดมากขึ้นจนกระทั่งปวดรุนแรงเต็มที่แล้วจะค่อย ๆ บรรเทาอาการปวดลดลงจนหายปวด ตำแหน่งปวดไมเกรน อาจปวดร้าวมาที่กระบอกตาหรือท้ายทอย หรือปวดหัวข้างเดียว บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย


การตรวจวินิจฉัยโรคไมเกรน

ตรวจไมเกรนกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การตรวจวินิจฉัยโรคไมเกรน ไมเกรนเป็นโรคที่วินิจฉัยได้โดยการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด   และอาศัยเกณฑ์การวินิจฉัยของสมาคมปวดศีรษะนานาชาติ  อาการปวดศีรษะไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ (Primary headache) 

ซึ่งในการตรวจวินิจฉัยโรคไมเกรน จะวินิจฉัยจากอาการปวดศีรษะต่อเนื่องนานหลายวัน ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวตุบ ๆ  ปวดค่อนข้างมากหรือปวดจนทำงานไม่ไหว ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดและเส้นประสาทในสมองแต่ไม่ได้เกิดจากโรค  


ดังนั้นการเจาะเลือด เอกซเรย์ หรือการตรวจวินิจฉัยสมองจึงไม่มีความจำเป็น แต่อาจจะตรวจเพื่อช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคปวดศีรษะอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกับไมเกรน และเราสามารถตรวจไมเกรนได้ด้วยตนเอง ด้วยการประเมินแบบ ID migraine คือการประเมินตัวเองเบื้องต้น หากเรามีอาการ 2 ใน 3 ข้อขึ้นไป ให้ประเมินไว้ก่อนเลยว่าเราอาจจะเป็นโรคไมเกรน


วิธีตรวจไมเกรน ตรวจอะไรบ้าง

ตรวจวินิจฉัยโรคไมเกรน

ทางการแพทย์ได้มีเกณฑ์การวินิจฉัยและวิธีตรวจโรคไมเกรน ได้จากวิธีการดังนี้

  1. ลักษณะของอาการปวด เช่น ตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรงของการปวด ลักษณะการปวด  
  2. อาการที่เกิดร่วมด้วย เช่น ตาแดง คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ไข้ 
  3. ความผิดปกติของการทำงานของสมองหรืออวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ เช่น มองเห็นภาพซ้อน ความคิดช้า แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงเดินหรือเดินเซ 
  4. แพทย์อาจจะวินิจฉัยปัจจัยที่กระตุ้นอาการปวดร่วมด้วย เช่น ความเครียด การพักผ่อน การรับประทานอาหาร แพทย์อาจต้องส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้การวินิจฉัยแยกโรคที่อาจมีอาการที่คล้ายคลึงกับโรคไมเกรน

ปวดไมเกรน..เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

ตรวจไมเกรนด้วยตัวเอง

อาการปวดไมเกรนที่ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะบริเวณขมับต่อเนื่องนานวันละ 4–5  ชั่วโมง เป็นเวลาหลายวันติดกัน ปวดจนไม่สามารถทำงานได้ มีอาการปวดร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการกลัวแสง หรืออาการกลัวเสียง ซึ่งหนักไปจนถึงปวดศีรษะทั้งสองข้าง 
 

แม้ว่าจะมีอาการไม่รุนแรง แต่หากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นถี่ หรือมีระยะเวลายาวนานก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัยจากลักษณะจำเพราะของอาการปวดศีรษะ และอาการที่เกิดร่วมด้วย รวมถึงความผิดปกติของการทำงานของสมอง ดังนั้นผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด


การบันทึกอาการปวดหัวเพื่อการวินิจฉัย

การวินิจฮัยโรคไมเกรน

การบันทึกอาการปวดหัวเพื่อการวินิจฉัย เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและตรวจไมเกรน  ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งยังช่วยให้เรารู้เท่าทันอาการของโรค และสามารถปรับตัว หรือปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตเพื่อรับมือกับโรคให้ดีขึ้นได้ด้วย 

การบันทึกอาการปวดศีรษะไมเกรนควรบันทึก อาการที่เกิดขึ้น ระดับความรุนแรงของอาการ และความถี่ในการเกิดอาการ การแบ่งระดับความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้นออกเป็น 4 ระดับ ตั้งแต่ 0 - 3 โดยวัดจากผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย 


ระดับ 0 วันที่ไม่มีอาการปวดศีรษะไมเกรน ระดับ 1 อาการปวดศีรษะไมเกรนกำเริบในระดับเบา ระดับ 2 อาการปวดศีรษะไมเกรนในระดับปานกลาง และดับ 3  อาการปวดศีรษะไมเกรนในระดับรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก 


นอกจากการบันทึกอาการปวดศีรษะแล้วควรบันทึกสถานการณ์ที่กระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบ อาหารที่เป็นสิ่งเร้าไมเกรน ยาที่ใช้ การนอนหลับ และรอบเดือน หากมีการบันทึกสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุได้ง่ายขึ้น


แนวทางการรักษาไมเกรน

แนวทางการรักษาหลังจากการตรวจไมเกรนพบ มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ 


1.การรักษาด้วยยา 

ซึ่งประกอบด้วย 2 กลุ่มหลัก คือ ยาระงับปวด และยาเพื่อป้องกัน โดยยาระงับปวดจะแนะนำให้รับประทานเป็นครั้งคราวเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรเทาจากอาการปวด พออาการดีขึ้นให้หยุดใช้ ส่วนยาเพื่อป้องกันให้รับประทานต่อเนื่องทุกวันตามที่แพทย์สั่ง  


2.การรักษาที่ไม่ใช้ยา 


การรักษาที่ไม่ใช้ยา ได้แก่ การประคบเย็น การนวด กดจุด  การทำกายภาพบำบัดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และการโบท็อกไมเกรน 


ปัจจุบันการฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นหนึ่งในวิธีที่แพทย์นำมาใช้ในการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน โบท็อกสามารถเข้าไปยับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline ตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองที่ต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่คลายตัวลง 


จึงช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะให้น้อยลงได้ และยังช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดศีรษะได้ โดยมีงานวิจัยระบุว่าสามารถลดอาการปวดลงได้ 60 – 70% ถึงแม้จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็สามารถบรรเทาและลดความถี่ของอาการไมเกรนลงได้

การรักษาไมเกรนเบื้องต้น

ออกกำลังกายป้องกันไมเกรน

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง การรักษาไมเกรนเบื้องต้น ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิต หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน  พักผ่อนให้เพียงพอ  เลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ดูแลสุขภาพจิตใจ รักษาระดับอารมณ์ให้คงที่แจ่มใสและรู้จักการผ่อนคลายความตึงเครียด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 
     
  • สมุนไพรรักษาไมเกรน การรักษาด้วยการใช้สมุนไพรรักษาไมเกรน สมุนไพรที่มีส่วนผสมของขิงจะช่วยในการลดกระบวนการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (prostiglandins) ที่ทำให้ปวดและอักเสบ
     
  • การประคบเย็นลดอาการปวด ให้ประคบเย็นที่หน้าผากหรือคอ จะลดช่วยลดอาการปวดในเบื้องต้นได้ หากอาการไม่ดีขึ้น ให้ประคบเย็นที่หน้าผาก และประคบร้อนที่ท้ายทอย ทำสลับกันจะสามารถช่วยลดอาการไมเกรนจากความเครียดได้
     
  • การนวดกดจุดแก้ปวดไมเกรน เป็นวิธีที่นิยมกันมาก ด้วยการนวดบริเวณหัวคิ้ว บริเวณขมับ บริเวณกึ่งกลางกระหม่อม การนวดตามจุดเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการไมเกรนเบื้องต้นได้

การรักษาไมเกรนทางการแพทย์

รักษาไมเกรนด้วยโบท็อก

  • ยารักษาไมเกรน การรักษาไมเกรนในทางการแพทย์ จะรักษาด้วยยาประกอบด้วย 2 กลุ่มหลัก คือ ยาระงับปวด และยาเพื่อป้องกัน เช่น ยากันชัก ยาต้านเศร้า  ยาลดความดัน  แต่ยาเหล่านี้ไม่ได้ผลิตมาเพื่อการรักษาและป้องกันโรคไมเกรนโดยตรง  แต่สามารถนำมาใช้ลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้
     
  • ฉีดยาแก้ไมเกรน การยาฉีดป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน จะเห็นผลดีกว่ายารับประทาน เพราะยาฉีดมีฤทธิ์ต้านสารสื่อประสาท CGRP ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวไมเกรน ช่วยให้ผู้ป่วยไมเกรนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ทรมานจากอาการปวดหัวไมเกรน
     
  • ฝังเข็มรักษาไมเกรน การฝังเข็มได้การยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่าสามารถรักษาโรคได้หลากหลาย สามารถรักษาควบคู่ไปกับการแพทย์แพทย์แผนปัจจุบันได้ มีความปลอดภัยสูง และผลข้างเคียงต่ำ
     
  • โบท็อกไมเกรน ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่แพทย์นำมาใช้ในการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน โบท็อกสามารถเข้าไปยับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline ซึ่งตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองที่ต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่คลายตัวลง จึงช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะให้น้อยลงได้

หากตรวจไมเกรนแล้วไม่เข้าข่าย

การวินิจฉัยตรวจโรคไมเกรนแล้วไม่เข้าข่ายแต่มีอาการคล้ายคลึงไมเกรน แพทย์อาจจะทำการเจาะเลือด ตรวจความดัน ระดับน้ำตาลในเลือด การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงการเอกซเรย์หรือการตรวจวินิจฉัยสมองเพื่อช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคปวดศีรษะอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกับไมเกรน เช่นโรคเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมอง  อันจะส่งผลให้เกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบและเส้นเลือดในสมองแตกได้

การตรวจวินิจฉัยอื่นๆ

วิธีตรวจไมเกรนด้วย MRI

การตรวจไมเกรนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า MRI เป็นการตรวจที่ใช้คลื่นวิทยุร่วมกับคลื่นสนามแม่เหล็ก สร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้รังสีเอกซเรย์ ภาพถ่ายที่ได้จะมีความคมชัดสูงกว่าการเอกซเรย์ แพทย์จะเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจน และมีความแม่นยำสูง

ทั้งนี้ เครื่อง MRI จะแสดงภาพระบบอวัยวะครั้งละระบบ เช่น การตรวจสมอง จะแสดงภาพของเนื้อเยื่อสมอง และอวัยวะอื่น ๆ บริเวณสมอง หากมีอาการปวดหัวอยู่บ่อย ๆ ควรพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยอย่างตรงจุด
 


ตรวจไมเกรนที่ไหนดี

ตรวจไมเกรนที่ไหนดี ศูนย์รักษาไมเกรน การตรวจไมเกรนมีอยู่หลายวิธี ทั้งการประเมินตนเอง ประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การ MRI หลักในการพิจารณาเลือกตรวจไมเกรน คือ 

  • การมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการรักษา ที่จะสามารถคำให้ปรึกษากับเราได้ 
  • การมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ครบพร้อม ทันสมัยสามารถตรวจวิเคราะห์ได้อย่างหลากหลายรูปแบบ และพร้อมสำหรับการรักษาในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษา    
  • ความปลอดภัยและมาตรฐาน มีการรับรองและยอมรับจากหน่วยงานต่าง ๆ 
  • ความพร้อมในการรับรักษาหรือให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา เพราะโรคไมเกรนไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดในช่วงเวลาไหน หากมีความพร้อมในเรื่องการรักษาจะทำให้เราสบายใจมากขึ้น

ข้อสรุป

ไมเกรน เกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง แม้จะมีวิธีตรวจไมเกรนทั้งการประเมินตนเอง ประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจไมเกรน แต่สิ่งสำคัญที่สุด หากเรามีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ รู้เท่าทันและไม่ตื่นตระหนกเกินไป จะเราให้เราสามารถรับมือกับโรคที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน   
 

ฉะนั้นหากมีอาการปวดศีรษะ ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุของไมเกรนหรือไม่ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโรคและรับรักษาอย่างถูกต้องจะดีที่สุด

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก https://www.migrainethailand.com/

 
 

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที