โบท็อกที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักแน่นอนว่าจะต้องถูกพบอยู่ในแวดวงศัลยกรรม แต่ความเป็นจริงแล้วโบท็อกยังเป็นเครื่องมือและวิธีการรักษาอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถนำไปใช้ในการรักษาไมเกรนหรืออาการความเคลื่อนไหวผิดปกติได้ ดังนั้นโบท็อกไมเกรนจึงถูกยอมรับในวงการแพทย์ว่าสามารถนำมารักษาโรคไมเกรนได้
โรคไมเกรน เป็นโรคที่ยังคงเป็นปัญหากวนใจที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้อีกทั้งสาเหตุของโรคยังสัมพันธ์กับอารมณ์หรือสภาพจิตใจของคนอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะใช้วิธีการรักษาทางแพทย์เพื่อรักษาเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นสิ่งแวดล้อมหรือสภาพจิตใจของผู้ป่วยได้ถูกรักษาอย่างถูกวิธีซึ่งเป็นสิ่งที่วิธีการรักษาทางการแพทย์ไม่สามารถควบคุมได้
โรคไมเกรน (Migraine) คืออาการปวดศีรษะอย่างต่อเนื่องหรือเรื้อรังโดยมีอาการอย่างปวดศีรษะตุบ ๆ ที่ข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะ ซึ่งโรคไมเกรนมักจะถูกพบในผู้หญิงหรือบุคคลที่มีความเครียดสูงโดยจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เนื่องจากโรคไมเกรนอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมหรืออารมณ์
ดังนั้นถ้าหากมีอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ซึ่งโบท็อกไมเกรนสามารถรักษาโดยฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวเรื้อรังได้
วิธีการรักษาสามารถโรคไมเกรนสามารถเริ่มจากการปรับเปลี่ยนลักษณะการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นการทานยาหรือฉีดโบท็อกไมเกรนเพื่อรักษาก็ได้ โดยอาการปวดหัวไมเกรนแบบใดบ้างที่ควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาดูกันเลย
ก่อนจะไปทำความรู้จักกับโบท็อกไมเกรน ต้องรู้ก่อนว่าโบท็อกคือ โปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษส่งผลต่อระบบประสาท หากฉีดเข้าไปแล้วจะทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและรู้สึกตึง ๆ ได้ ซึ่งโบท็อกถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการรักษาแบบโบท็อกไมเกรน ซึ่งเป็นการฉีดโบท็อกเพื่อทำการรักษาอาการปวดหัวไมเกรน โดยแพทย์จะทำการฉีดโบท็อกไปยังบริเวณใบหน้า ต้นคอไปจนถึงบริเวณบ่าของผู้ป่วย จากนั้นตัวโบท็อกจะค่อย ๆ ออกฤทธิ์รักษาอาการปวดหัวตามลำดับ
โบท็อกไมเกรนสามารถรักษาโรคไมเกรนได้ แต่โบท็อกทั่วไปที่ทุกคนรู้จักคือตัวช่วยที่สามารถนำมารักษาได้ในวงการศัลยกรรมความงาม แต่แรกเริ่มนั้นโบท็อกได้ถูกนำมาใช้กับการรักษาโรคตาเหล่หรือตาเขก่อนที่จะถูกพัฒนามาใช้ในวงการความงามเพื่อลดริ้วรอยต่าง ๆ
การเลือกใช้ Botulinum Toxin รักษาไมเกรนจะต้องใช้ชนิด A เพื่อรักษา ซึ่งเป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการไมเกรนได้ เนื่องจากสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและยับยั้งปลายเส้นประสาทเพื่อลดความรุนแรงของอาการปวดศีรษะโดยการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนเพื่อลดอาการปวดหัวเรื้อรัง
การฉีดโบท็อกไมเกรนมีวิธีการ คือ ฉีดโบท็อกไปบริเวณระหว่างคิ้ว ท้ายทอย หน้าปาก ต้นคอ หรือบ่า เพื่อลดอาการปวด โดยโบท็อกไมเกรนสามารถยับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline เพื่อลดอาการปวดศีรษะซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงจากการหดเกร็ง และท้ายที่สุดจะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ ดังนั้นการฉีดโบท็อกช่วยไมเกรนให้มีอาการปวดลดลงได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ควรจะศึกษาก่อนจะตัดสินใจฉีดโบท็อกไมเกรนคือต้องศึกษาว่าใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกโดยเราได้รวบรวมมาให้แล้วดังนี้
การฉีดโบท็อกไมเกรนแน่นอนว่าจะมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดบางอย่างที่อาจจะส่งผลให้ไม่มีประสิทธิภาพได้มากเท่าที่ควร เนื่องจากตัวยาของ Botulinum toxin ไมเกรน ชนิด A มีตัวยาบางอย่างที่ไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม โดยข้อดีและข้อจำกัดของการฉีดโบท็อกไมเกรนมีดังนี้
ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกไมเกรนหรือ Botulinum toxin ไมเกรน คือ อาจเกิดผลข้างเคียงได้ถ้าหากฉีดถี่เกินไปจนติดต่อกันเป็นเวลานานซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการดื้อโบท็อกได้
การฉีดโบท็อกเพื่อให้มีประสิทธิภาพ คือ ควรศึกษาวิธีการฉีดโบท็อกไมเกรนหรือขั้นตอนการฉีดโบท็อกไมเกรนที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากการศึกษาขั้นตอนการฉีดโบท็อกไมเกรนนั้นจะช่วยทำให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อทำความเข้าใจในขั้นตอนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เราได้รับข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ วิธีการฉีดโบท็อกไมเกรน มีดังนี้
การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นเพียงแค่การบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนและเพื่อไม่ให้เกิดอาการกำเริบอีกควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้
การฉีดโบท็อกไมเกรน สามารถเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์โดยระหว่างนั้นจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 3-4 วัน และตัวยาสามารถออกฤทธิ์ได้นาน 3-4 เดือน อย่างไรก็ตามระยะเวลาของการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละคน ผลของการรักษาอาจจะไม่เหมือนกันหมดทุกคน ดังนั้นควรศึกษาขั้นตอนการรักษาและผลของการรักษาให้ดีก่อนที่จะฉีดโบท็อกเพื่อรักษาโรคไมเกรน
โบท็อกไมเกรนจะมีช่วงราคาที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ขนาดและระยะเวลาในการรักษา โดยโบท็อกไมเกรนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท จำนวน 100 ยูนิต ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดบ่อยหรือถี่จนอาการไม่สามารถทุเลาลงได้จากการรับประทานยา
โบท็อกไมเกรนที่ดีควรเริ่มจากการเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงและเป็นแพทย์ที่ได้รับความไว้วางใจในเรื่องนี้โดยเฉพาะเนื่องจากการฉีดโบท็อกไมเกรนมีขั้นตอนที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรเลือกฉีดโบท็อกไมเกรนที่เราจะแนะนำดังต่อไปนี้
การเลือกฉีดโบท็อกไมเกรนใช้ระยะเวลาการรักษาไม่นาน ซึ่งจะต้องพิจารณาจากลักษณะอาการของผู้ป่วย หากมีอาการป่วยไม่มากนักก็สามารถรักษาโดยการฉีดครั้งเดียวก็เพียงพอต่อการรักษา แต่ถ้าหากมีอาการปวดศีรษะเรื้อรังก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานหรืออาจจะมีหลายขั้นตอนเพิ่มเข้ามา ดังนั้นจะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความถนัดวินิจฉัยอาการเบื้องต้นเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
โรคไมเกรนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากสภาวะทางอารมณ์และความเครียดสะสม ถึงแม้อาการจะบรรเทาลงหรือหายไปแต่ถ้าหากมีสิ่งกระตุ้นต่ออารมณ์และความรู้สึกก็สามารถกลับมาเป็นโรคไมเกรนได้อีกครั้ง
ดังนั้นความเครียดสะสม อารมณ์ขึ้นลงที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจก็ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญต่อโรคไมเกรน และถ้าหากพบว่ามีอาการปวดศีรษะหรือเวียนหัวจากการเจอแสงจ้าควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอาการเบื้องต้นก่อน
ไมเกรนคือโรคที่รักษาให้หายขาดไม่ได้แต่สามารถเลือกใช้วิธีบรรเทาอาการต่าง ๆ เพื่อลดอาการปวดศีรษะเรื้อรังได้ ถึงแม้จะเลือกใช้วิธีการรักษาต่าง ๆ อย่างการทานยาหรือฉีดโบท็อกไมเกรนก็ยังคงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และปัจจัยหลักคือต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจหรือความมั่นคงทางอารมณ์อีกด้วย เนื่องจากความเครียดสะสมก็เป็นต้นเหตุของการปวดศีรษะได้เช่นกัน
แต่ทางเลือกฉีดโบท็อกไมเกรนก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน เพราะมีสารช่วยระงับปลายประสาทที่ไปกระตุ้นให้คลายกล้ามเนื้อลดความเจ็บได้ ซึ่งโบท็อกไมเกรนก็ถือว่าสามารถช่วยรักษาอาการของโรคไมเกรนได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาสุขภาพให้จิตใจปลอดโปร่งอยู่เสมอ
ขอบคุณเนื้อหาจาก https://www.migrainethailand.com/
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที